รองผบช.น.สอบปากคำ “พ.อ.” ผู้ต้องหาที่ขับรถพุ่งชน “หมอมุก” บอกเป็นเพียงผู้มาให้ถ้อยคำ ไม่ใช่ผู้กระทำผิด แต่ ตร.ยังไม่เชื่อคำให้การ เนื่องจากขัดแย้งกับพยานหลักฐาน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดในคืนเกิดเหตุ ที่จับภาพได้ เบื้องต้นหลังสอบปากคำเสร็จ ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อนปล่อยตัวกลับบ้าน ด้าน ผบก.น.1 ระบุ คำให้การยังขัดแย้งไม่น่าเชื่อถือ ต้องรอผลจากการตรวจพิสูจน์หลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง
วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ สน.พญาไท ภายหลังจากที่ พล.ต.พิสุทธิ์ เปาอินทร์ รองปลัดสำนักงานบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย นำ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น อายุ 51 ปี ตำแหน่งผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ผู้ต้องหาขับรถชน พ.ต.พญ.หทัยพร หรือ หมอมุก อิ่มวิทยา แพทย์ รพ.พระมงกุฏ เข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รองผกก.สส.สน.พญาไท จากนั้นได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พงส.(สบ2) นำไปสอบสวนที่ห้องประชุมชั้นที่ 2 ซึ่ง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น.และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้เดินทางมาสอบสวนด้วยเอง พร้อมเปิดโอกาสผู้สื่อข่าวซักถาม พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ แต่ทางผู้เข้ามอบตัวไม่ยอมเปิดปากให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ พล.ต.ต.อำนวย กล่าวถึงแนวทางในการดำเนินคดี ว่า เบื้องต้นผู้เข้ามอบตัวนั้น ยังเป็นเพียงผู้เข้าให้ปากคำ ไม่ใช่ผู้กระทำผิด ซึ่งหากให้การเท็จก็จะมีความผิด ขั้นตอนต่อไปหากพิสูจน์ว่า กระทำความผิดจริง จะส่งศาลทหาร ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นทาง รองผบช.น.ได้บอกว่า เป็นเพราะปัญหาจากที่จอดรถ ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ทางร้านอาหารไม่จัดที่จอดรถให้ลูกค้า
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น.พล.ต.ต.อำนวย เปิดเผยภายหลังการสอบปากคำ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เป็นเพียงผู้มาให้ถ้อยคำ ถึงแม้จะมอบตัวโดยให้การว่า ตนเองเป็นคนขับรถชนหมอมุกเอง ซึ่งจากการสอบสวนพร้อมกับพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มา ยังไม่สามารถเชื่อตามคำกล่าวอ้างของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ได้ เพราะจากพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด ก็ยังขัดแย้งกับคำให้การของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ โดยจะต้องรวบรวพยานหลักฐานให้ครบถ้วน ละเอียดรอบคอบรัดกุม ไม่ใช่ว่าใครมามอบตัวก็เชื่อเลย ถ้าคดีขึ้นสู่ชั้นศาล ถ้ามีการปฏิเสธและการพิสูจน์พยานหลักฐานของศาลไม่ตรงกัน คดีก็จะหลุด ศาลจะยกฟ้อง ทางเจ้าหน้าตำรวจต้องทำงานอย่างหนักและตรงไปตรงมา โดยตนและ พล.ต.ต.วิชัย จะลงมาดูคดีด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นหน้าที่ของทางพนักงานสอบสวนจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ก่อเหตุจริงหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า จากคำให้การของผู้ต้องสงสัย ยังไม่สามารถเชื่อถือได้ ซึ่งจากพยานหลักฐานเบื้องต้นที่มียังไม่ตรง เพราะเมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.) พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ได้เดินทางมาที่ สน.พญาไท พร้อมทั้งบอกเพียงว่า ตนเป็นเพียงคนครอบครองรถ แต่วันนี้ กลับมาให้การว่าเป็นผู้กระทำผิด จึงทำให้คำให้การขัดแย้ง ไม่น่าเชื่อถือ และต้องรอผลจากการตรวจพิสูจน์หลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องของหม้อน้ำ ซึ่งเมื่อวานทางผู้ต้องสงสัยให้การว่า หมอน้ำรั่วอยู่แล้ว ซึ่งทาง พฐ.สามารถตรวจได้อย่างละเอียดว่ารั่วจากอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสอบปากคำเสร็จ ตำรวจได้ปล่อยตัว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ไป โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานได้ชัดเจนว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เป็นคนขับรถคันที่เกิดเหตุ และมีเจตนาพุ่งชน พ.ต.พญ.หทัยพร จริง ก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาพยายามฆ่าต่อไป
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผบช.สพฐ.ตร.กล่าวถึงผลการตรวจรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน รุ่นซันนี่ นีโอ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน วค 1355 กรุงเทพมหานคร รถต้องสงสัยขับพุ่งชน พ.ต.แพทย์หญิง หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก ว่า เมื่อได้รับรถจากพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ก็ได้ระดมนักวิทยาศาสตร์ ทั้งด้านเคมี ฟิสิกส์ ชีวะ เพื่อตรวจพิสูจน์รถคันดังกล่าว ประเด็นแรกได้ตรวจสอบเลขทะเบียนและหมายเลขตัวถังรถปรากฏว่าตรงกันไม่มีการแก้ไขเครื่อง เป็นรถคันที่จดทะเบียนเอาไว้จริง
พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 ได้ตรวจสอบใบปัดน้ำฝนด้านหน้าสภาพด้านซ้ายที่ไม่หักแตกต่างจากด้านขวาที่หักไป เป็นคนละรุ่นกัน แต่ที่ปัดน้ำฝนด้านขวาจะเปลี่ยนมาเมื่อไหร่ไม่ทราบได้ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับที่ใบปัดน้ำฝนที่หักติดตัวหมอไป ปรากฏว่า ใบที่หักไป เป็นใบปัดน้ำฝนของรถรุ่นนี้ มีตัวเลขอะไหล่กำกับเป็น 6300 ส่วนด้านซ้ายที่ติดอย่ากับตัวรถมีหมายเลขอะไหล่ 6301 ขณะที่ใบปัดน้ำฝนด้านขวาที่ติดกับตัวรถที่นำมาตรวจนั้นก็ลักษณะไม่มีเลขประจำอะไหล่ และตรวจสอบพบว่า ตัวนอต 2 ตัวที่ขันยึดติดใบปัดน้ำฝนมีลักษณะใหม่ เราได้เปรียบเทียบใบปัดน้ำฝนของรถเจ้าหน้าที่ ซึ่งใช้รถนิสสันนีโอทุกคันจะมี เลขรหัสอะไหล่ 6300 และ 6301 ซึ่งลักษณะการกะเทาะของสีนั้น นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเกิดจากแรงกระชากออกไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อตรวจเปรียบเทียบสีรถกับสีที่หลุดติดกับเครื่องปัดน้ำฝนกับเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์พบว่าสีสัมพันธ์กัน
พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวอีกว่า ประเด็นต่อมาเราตรวจสอบพบรอบกะเทาะสีขาวนวลติดอยู่ที่ใบปักน้ำฝนที่ได้จากที่เกิดเหตุ จึงมาตรวจรถเพื่อหาร่องรอยการกะเทาะของสี พบมีรอยกะเทาะของสีที่บริเวณขอบฝากระโปรงหน้าด้านขวามีลักษณะรอยกะเทาะ ขนาด 2x7 มม.ซึ่งสัมพันธ์กับขนาดของสีที่พบบนใบปักน้ำฝน นอกจากนั้น ได้ตรวจสอบรอยติดสติกเกอร์หน้ารถหลังจากที่แม่ของหมอมุกระบุมี สติกเกอร์ติดหน้ารถหลายอัน แต่รถที่นำมาตรวจพิสูจน์มีติดสติกเกอร์เพียงกันเดียวสีแดงเขียนกองทัพไทย ก็ได้ทำการตรวจก็พบว่ามีรอยสติกเกอร์มากกว่า 1 อัน มีร่องรอยเศษสติกเกอร์ติดหน้ากระจำและพบรอยผ้าเช็ดถู แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามีการแก้ไขอะไรก่อนหน้านี้
“เราเจอจุดสำคัญที่บริเวณร่องด้านล่างที่ปัดน้ำฝนด้านขวาพบมูลนก ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าระหว่างที่รอเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน นกมาถ่ายใส่ไว้ เนื่องจากหากมีใบน้ำฝนติดอยู่เป็นปกติมูลนกจะไม่สามารถหล่นไปในร่องดังกล่าวได้ เพราะใบปัดน้ำฝนจะปิดเอาไว้ เป็นหลักฐานสำคัญอันหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้การสังเกต นอกจากนั้น ยังพบว่ากระจังหน้ารถน่าจะมีการเปลี่ยนมา แต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ เพราะสังเกตได้จากรูนอตบางรูมีสายไฟมัดเป็นเกรียวไว้ บางรูก็ยังไม่ได้ใส่หัวนอต” ผบช.สพฐ.กล่าว
พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ก็มีการเก็บลายนิ้วมือทั้งภายในและภายนอกตัวรถ รวมทั้งการไปเก็บลายนิ้วมือ ตัวอย่างดีเอ็นเอที่รถหมอมุกด้วย เพราะเชื่อว่าข้อความที่เขียนบนรถหมอมุกนั้น คนร้ายใช้มือเขียน ก็จะเก็บลายนิ้วมือไว้เพื่อเปรียบเทียบกับคนร้าย หรือผู้ต้องสงสัยต่อไป เรายังได้ประสานกับแม่ของหมอมุก เพื่อเก็บลายนิ้วมือของหมอมุก เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการตรวจเปรียบหรือตัดข้อมูลบางชุดออก ซึ่งแม่ของหมอมุกก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เมื่อวานเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าไปเก็บตัวอย่างลายนิ้วมือของหมอมุก และแม่หมอมุกเรียบร้อยแล้ว
“จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ชัดเจนว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถที่ชนหมอมุก แต่จะขับมารวดเร็วขนาดไหนนั้น ไม่สามารถบอกได้ เพราะไม่ได้มีการไปตรวจสอบรอบเบรกในที่เกิดเหตุ ส่วนที่ผู้ต้องหาระบุว่า หมอมุกกระโดดใส่รถเองนั้น จากการตรวจสอบไม่พบว่ารถมีรอยบุบที่บริเวณหน้ารถ พบเพียงรอบกะเทาะจุดเล็กๆ ในบางจุดเท่านั้น และจากการตรวจสอบก็ไม่พบว่ารถบุบบริเวณไหน ไม่มีการทำสีมาใหม่ ซึ่งก็สัมพันธ์กับที่ร่างกายของหมอมุกไม่ได้รับบาดเจ็บ เป็นแผลที่บริเวณอื่นของร่างกายที่กระทบกระแทก กลับพบมีเพียงบาดเจ็บที่ศีรษะ เท่านั้น” พล.ต.ท.จรัมพร กล่าว
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 12.00 น.ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์ นายกแพทยสภา พร้อมคณะเดินทางเข้าเยี่ยมอาการ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก อายุ 34 ปี แพทย์ประจำคลีนิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฏเกล้า ที่ห้องไอซียู รพ.พระมงกุฏเกล้า โดยใช้เวลาพูดคุยกับ พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา อายุ 70 ปี ผู้เป็นมารดา และ นพ.บุญโชติ เคียงกิติวรรณ แพทย์ศัลยกรรมประสาท ซึ่งเป็นเจ้าของไข้ นานประมาณ 15 นาที จึงเดินทางกลับ
ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กล่าวว่า วันนี้ทางแพทยสภาได้มาเยี่ยมคุณหมอมุก เพื่อให้กำลังเจ้าตัวและคุณแม่ เนื่องจากคุณหมอมุก ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของแพทย์ ซึ่งได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ มาโดยตลอด โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผมคิดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม จะปกป้องคุ้มครองดูแลคุณหมอมุกให้หายดีเป็นปกติโดยเร็ว เพื่อกลับมามีโอกาสช่วยเหลือผู้ป่วยและประชาชนอีกครั้ง คุณหมอเจ้าของไข้ ก็รายงานแล้วว่า อาการดีขึ้น ถือเป็นข่าวดีของพวกเรา ส่วนความช่วยเหลือที่ทางแพทยสภาจะมอบให้แน่นอน คือ อันดับแรก เรามามอบกำลังให้ กับครอบครัว และกำลังดูว่ามีอะไรที่จะช่วยเหลือกันได้อีกบ้าง ในเรื่องทางคดีเพิ่งทราบจากสื่อ ว่า คู่กรณีเข้ามามอบตัวกับตำรวจ และกล่าวอ้างว่า คุณหมอมุก วิ่งใส่รถตัวเองเอง ตรงจุดนี้มีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกไว้อยู่แล้ว เชื่อว่า คดีคงจะดำเนินการไปตามกฎหมาย
ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการความช่วยเหลือทางคดีนั้น ทางแพทยสภาจะติดตามดำเนินการด้วยการทำหนังสือนำไปยื่นให้กับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.กองพิสูจน์หลักฐาน ไล่ลงมาจนถึงพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี จะมีการยื่นหนังสือและเดินทางไปพบด้วยตัวเอง โดยจะทำทั้งสองอย่างเพื่อให้ทางตำรวจดูแลและให้ความเป็นธรรมกับหมอมุกอย่างเต็มที่ เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนต่างก็รู้สึกว่าสมควรจะแสวงหาความเป็นธรรมให้แก่หมอมุก กับครอบครัว อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณคณะแพทย์ พยาบาล ทั้งจาก รพ.พระมงกุฏเกล้า และ ศิริราชพยาบาล รวมถึงสื่อมวลชนที่ให้การช่วยเหลือประสานงานกันอย่างเต็มที่ต้องขอขอบพระคุณ มา ณ ที่นี้ด้วย
ด้าน นพ.บุญโชติ เจ้าของไข้ เปิดเผยว่า ขณะนี้อาการด้านความดันสมองอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นปกติแล้ว แต่ยังถือว่าโคม่าอยู่ ไข้เริ่มลดลง และกำลังให้ยาปฏิชีวนะทางกระแสเลือด เบื้องต้นก็กำลังรอคอยผลการเพาะเชื้อจากห้องปฏิบัติการ ส่วนเรื่องที่คณะแพทย์ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ อาการแทรกซ้อนจากภาวะการติดเชื้อ ภาวะชักจากเกลือแร่ต่ำ เพราะจะทำให้สมองขาดเลือด เกิดบวมขึ้นมาอีก แม้คุณหมอมุกจะลืมตาและขยับแขนได้บ้างในตอนนี้ ซึ่งถือว่ามีปฏิกิริยาขึ้นมาบ้าง แต่ยังไม่รู้สึกตัว คงต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิดต่อไป แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะ ออกจากห้องไอซียูได้เมื่อไหร่ และจะกลับมาหายเป็นปกติหรือไม่
ขณะที่ พญ.พรรณกร ผู้เป็นมารดา กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ได้เข้ามาเยี่ยมลูกสาวถึงในห้องไอซียู รู้สึกดีใจที่ได้จับมือลูกและลูกตอบรับโดยการบีบมือตอบ ประกอบกับอาการไข้ก็ลดลงแล้วเหลือเพียง 37.5 องศา ทำให้ตนรู้สึกมีความสุขมากๆ ส่วนทางคู่กรณีที่เข้ามอบตัวแล้วนั้นตนจะไม่ถือโทษโกรธกันแต่อย่างใด เพราะตนก็อายุมากแล้ว ยังไงก็ขอให้ปล่อยเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย จะไม่เดินทางไปโรงพัก เพราะต้องการจะอยู่กับลูก เนื่องจากคงมีความสุขมากกว่า
“พ.อ.” ขับรถพุ่งชนหมอมุกมอบตัว อ้างหมอกระโดดชนรถเอง!
ตร.พร้อมล่าทหารเลวขับเก๋งพุ่งชนแพทย์หญิงเจ็บสาหัส!