xs
xsm
sm
md
lg

“แม่หมอมุก” ยัน “พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น” ไม่ใช่คนขับรถชนลูกสาว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น อายุ 51 ปี
“แม่หมอมุก” ยัน “พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น” ไม่ใช่คนขับรถชนลูกสาว ขณะที่อาการของหมอมุกเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ความดันในสมองลดลงสู่ระดับปกติ

วันนี้(22 มิ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่หอผู้ป่วยอาการหนักไอซียู โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า สถานที่รักษาอาการบาดเจ็บของ พ.ต.พ.ญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก ตลอดช่วงสายมีบุคคลและคณะบุคคลที่รู้จักและทราบข่าวเดินทางมาเยี่ยมและลงชื่อเพื่อให้กำลังใจหมอมุกเป็นระยะ ส่วนความคืบหน้าอาการบาดเจ็บของ พ.ต.พญ.หทัยพรนั้น พ.อ.นายแพทย์พีระพล ปกป้อง ผอ.กองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน หัวหน้าประชาสัมพันธ์ รพ.พระมงกุฎเกล้า เปิดเผยความคืบหน้าอาการบาดเจ็บของ พ.ต.แพทย์หญิงหทัยพร ว่า ในวันนี้อาการทางสมองสามารถตอบสนองได้ดีขึ้น ลืมตาได้ มีการเคลื่อนไหวของแขนขาได้ เวลาเรียกชื่อคุณหมอไป ก้อจะมีการตอบสนองสามารถลืมตากว้างได้ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ด้านความดันในสมองตอนนี้ลดลงสู่ระดับปกติ แพทย์ได้นำเครื่องมือที่ใช้วัดความดันสมองออกแล้ว พร้อมลดยาที่ใช้ลดความดันในสมอง

"ส่วนเรื่องการหายใจ เราสามารถลดปริมาณการช่วยเหลือของเครื่องช่วยหายใจได้บ้าง บางส่วนหมอมุก สามารถหายใจได้เองบางส่วน และใช้เครื่องช่วยหายใจบางส่วนช่วยเสริม ซึ่งถือว่าดีขึ้นกว่าเมื่อวานเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อย่างไรก็ตามแพทย์ยังต้องขอประเมินอีกครั้งว่าอาการตอบสนองทางร่างกายเช่นการกำมือ เป็นการตอบสนองโดยความตั้งใจของคนไข้ หรือ เป็นการตอบสนองแบบเลื่อนลอย แต่ถือว่าอัตราการฟื้นตัวของหมอมุกเป็นที่น่าพอใจ" พ.อ.นายแพทย์พีระพล กล่าว

พ.อ.นายแพทย์พีระพล กล่าวอีกว่า ส่วนระยะเวลาในการถอดเครื่องช่วยหายใจนั้น ทางด้านการแพทย์เราจะพยายามถอดให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งใส่นานก็ยิ่งมีความเสี่ยงต่อภาวะการติดเชื้อ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องประเมินผู้ป่วยด้วยว่าการถอดเร็วไปจะทำให้ผู้ป่วยแย่หรือเปล่า จากนี้ไปถ้าหากไม่มีปัญหาเราก็สามารถจะถอดเครื่องช่วยหายใจได้ภายใน 5-7 วัน ส่วนเรื่องภาวะสมองบวมตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว แพทย์ได้งดให้ยาลดอาการสมองบวมแล้ว แต่สิ่งที่น่าห่วงขณะนี้ คือ เมื่อวานนี้ยังมีไข้อยู่อีกหนึ่งช่วงและก็ต้องดูเรื่องภาวะติดเชื้อว่ายังมีแอบแฝงอยู่หรือเปล่า ซึ่งทาง รพ.ก็ได้ทำการป้องกันไว้แล้ว โดยการแยกผู้ป่วยงดเยี่ยมและมีมาตรการในการรักษาความสะอาดอย่างเข้มงวด คิดว่าจากนี้ไปคงไม่มีการผ่าตัดแล้ว

ด้านนางยุทธรีวัลย์ วนิชจินดา คนไข้จากชมรมผู้สูงอายุ คลีนิกผู้สูงอายุ ซึ่งเคยรักษาอาการป่วยกับหมอมุก กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หมอมุกเป็นคนที่มีความน่ารัก ภาพความน่ารักของ เด็กสาวร่างใหญ่ ผิวข่าวผ่องไม่มีสิวไม่มีฝ้า ยิ้มแย้มแจ่มใส อ่อนไหว ยกมือไหว้คนไข้ทุกคน เจ้าหน้าที่ที่มาเสิร์ฟกาแฟก็ยกมือไหว้ ยังติดตา รู้สึกเสียดายที่สุด เมื่อรู้ข่าวตนถึงกับช๊อค วันนี้เมื่อมาเห็นอาการของหมอมุกยังทำใจไม่ได้ อยากให้กำลังใจของคนทั้งประเทศขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยให้หมอมุกหายป่วย สดชื่นแข็งแรง และกลับมาทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ทำคุณค่าให้กับประเทศชาติเหมือนเดิม ส่วนคนที่ทำหมอมุกช่างโหดร้ายมาก อยากให้เข้ามามอบตัว อย่าส่งแพะส่งแกะมารับผิดแทนเลย แต่อย่างไรก็ตามยังมั่นใจในกระบวนยุติธรรม เชื่อในเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อในกองทัพ เพราะหมอมุกก็เหมือนลูกของกองทัพ เพราะคุณพ่อเสียชีวิตในราชการจนได้บำนาญตกทอดส่งให้เรียนหนังสือจนกระทั่งจบเป็นคุณหมอ เป็นคนที่มีค่าของประเทศ

ส่วน พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา แม่ของ พ.ต.แพทย์หญิงหทัยพร (หมอมุก) กล่าวว่า เมื่อเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำรูปถ่ายของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น อายุ 51 ปี ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ที่่เดินทางเข้ามอบตัวและได้ให้การว่าเป็นผู้ที่ขับรถชนหมอมุก มาให้ตนดูว่าใช่บุคคลที่ก่อเหตุหรือไม่ ตนได้ตอบไปว่า ไม่ใช่

สำหรับประเด็นตัวจริง ตัวปลอม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่เกิดเหตุเพื่อสอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์พร้อมกับนำภาพถ่ายของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ให้พยานดูทำให้ทราบว่าคนที่ก่อเหตุขับรถพุ่งชนหมอมุกนั้น ไม่ใช่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ โดยนายเอ(นามสมมติ)พนักงานรับรถของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ให้การว่า ตนทำงานอยู่ใกล้กับร้านอาหารที่เกิดเหตุ เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง และยังเป็นคนไปช่วยหมอมุก เป็นคนแรก ก่อนที่จะนำตัวหมอมุก ส่งโรงพยาลบาล ซึ่งบุคคลที่ขับรถชนหมอมุก นั้นรูปร่างท้วม ตัวใหญ่ และเมื่อวานที่ผ่านมา(21 มิ.ย)ตนก็ได้นั่งดูข่าวทางทีวีกับเพื่อน ยังคุยกับเพื่อนด้วยว่าคนที่มามอบตัวไม่ใช่คนชนแต่เป็น "แพะ" เพราะดูมีอายุกว่าและรูปร่างผอม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงคนทะเลาะวิวาทกันหรือไม่ นายเอ กล่าวว่า ไม่ได้ยิน ตนอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุมาก ประกอบกับเวลานั้นไม่มีรถสัญจรไปมามากนัก ถ้ามีเสียงคนทะเลาะกันตนก็ต้องได้ยิน แต่ทั้งนี้ตนก็ไม่ทราบว่ามีการพูดคุยอะไรกันก่อนเกิดเหตุหรือไม่ อาจจะมีการโต้เถียงกันเล็กน้อยไม่ถึงกับเสียงดัง แต่ก็ไม่น่าจะทำกันขนาดนี้ ส่วนผู้ก่อเหตุตัวจริง ตนไม่รู้ว่าเป็นทหารหรือไม่ แต่เมื่อตนได้ยินเสียงรถยนต์ชนคนก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือ พร้อมกับจ้องมองไปที่คนขับรถคันดังกล่าว

"ผมจำได้แม่นยำว่าคนขับรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร หลังเกิดเหตุและมีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมานำตัวเพื่อนของผมที่เห็นเหตุการณ์เหมือนกันไปสอบปากคำ ส่วนผมตำรวจแค่มาสอบถามเท่านั้น ไม่ได้พาตัวไปสอบปากคำอะไร ผมคิดว่าตำรวจน่าจะสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าคนก่อเหตุตัวจริงเป็นใคร"นายเอ กล่าว



ตร.ยังไม่แจ้งข้อหา “พ.อ.” รอหลักฐานชัด! หวั่นสวมคนผิด-ทำให้ศาลยกฟ้องได้
ตร.ยันทำคดีหมอมุกรัดกุม-รับได้เห็นแต่ข่าวว่ามีแพะ
ปล่อยตัว พ.อ.-ตร.ไม่เชื่อคำให้การ-วงจรปิดมัดพุ่งชน!
“พ.อ.” ขับรถพุ่งชนหมอมุกมอบตัว อ้างหมอกระโดดชนรถเอง!
ตร.พร้อมล่าทหารเลวขับเก๋งพุ่งชนแพทย์หญิงเจ็บสาหัส!
กำลังโหลดความคิดเห็น