“แม่หมอมุก” เข้าพบ “ผู้การแต้ม” ร้องขอความเป็นธรรมและเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากลูกสาวถูกทหารขี้เมาขับรถพุ่งชนอาการสาหัสแล้วหลบหนี ผู้เป็นแม่บอกต้องการเปิดเผยความจริงแต่ยังกังวลกลัวถูกปองร้าย ขณะที่ทหารนำรถมาให้ตรวจสอบ แม่หมอมุกถึงกับงงรถก่อเหตุมีร่องรอยเปลี่ยนหลายแห่ง ด้านรองปลัดบัญชีทหารระบุรถคันดังกล่าวมีปัญหาหม้อน้ำรั่วตั้งแต่วันที่ 8 และใช้วิ่งอยู่ภายในกรมเท่านั้น
วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 สน.พญาไท พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา อดีตอาจารย์ภาควิชาจุลชีววิทยา รพ.ศิริราช มารดา พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา อายุ 34 ปี แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า หรือหมอมุก พร้อมด้วยเพื่อน เข้าพบ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท โดยมารดาของหมอมุกได้นำภาพถ่ายบุตรสาวขณะที่นอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู มอบให้พนักงานสอบสวนก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำไปสอบปากคำเพิ่มเติมถึงรูปพรรณของรถและผู้ก่อเหตุ
พญ.พรรณกรกล่าวว่า อยากขอความเป็นธรรมกับตำรวจ เพราะคาดว่าคนทำคงเป็นคนเมาและเป็นคนมีสี จึงมาให้ปากคำเพิ่มเติมและติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ต้องการเพื่อให้ความจริงเปิดเผย ออกมาสู้กันอย่างลูกผู้ชาย สำหรับอาการของลูกสาวตอนนี้ยังเบาใจไม่ได้ แต่มีเพื่อนคอยช่วยดูแล จึงมีความหวังที่จะมีปาฏิหาริย์ให้ลูกฟื้น ตอนนี้ยังกังวลเรื่องถูกปองร้าย
“ในวันเกิดเหตุ หมอมุกขับรถโตโยต้าคัมรี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ษต 4045 กรุงเทพฯ กลับจากไปนมัสการหลวงท่อนที่ รพ.วิชัยยุทธ ราวสามทุ่ม เดินทางกลับบ้านที่เสาวรสคลินิก เลขที่ 45/12 ถ.เศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท พบรถเก๋งนิสสันซันนี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน วค 1355 กรุงเทพมหานคร จอดขวางหน้าบ้าน จึงจดทะเบียนรถไปให้ร้านอาหารสามเสนวิลล่า ที่จะให้ลูกค้าที่มาใช้บริการจอดรถริมถนน จากนั้นหมอมุกก็จอดรถดึงเบรกมือและเข้าห้องน้ำ กระทั่งคนขับรถคันที่จอดขวางเป็นผู้ชายลักษณะคล้ายนายทหารมาเลื่อนรถ ได้กลับรถไปจอดรถที่ฝั่งตรงข้ามริมทางรถไฟ ถนนกำแพงเพชร ตัดถนนเศรษฐศิริ แล้วมองกลับมาที่หมอมุก โดยระหว่างที่หมอมุกเดินไปเพื่อเตรียมจะถอยเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงบีบแตรดังลั่นก่อนที่จะเห็นรถคันที่จอดขวางพุ่งชนลูกสาวจนลอยไปไกลกว่า 30 เมตรต่อหน้าต่อตา หมอวิ่งเข้าไปดูมีพยานเก็บที่ปัดน้ำฝนของรถคันก่อเหตุที่ติดอยู่กับร่างของหมอมุกไว้เป็นหลักฐาน คนขับจงใจกระทำและจะต้องมีคนคุ้มครอง หรือเป็นคนมีสี ที่กล้าทำผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้” พญ.พรรณกรกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวถึงความคืบหน้าทางคดีว่า ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยพนักงานสอบสวนได้รับคดีไว้พร้อมทำหนังสือแจ้งไปยังต้นสังกัดตั้งแต่วันที่ 14 มิย.ที่ผ่านมา และทางต้นสังกัดแจ้งว่าจะนำรถมาให้ตรวจสอบในช่วงบ่ายวันนี้ พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการยกรถคันดังกล่าวมาไว้ที่โรงพักแล้ว ส่วนเรื่องการดำเนินคดีทางตำรวจจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนที่มองว่าทำงานตำรวจทำงานล่าช้า ขอยืนยันว่าปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการกฏหมายที่ช้าเพราะขั้นตอนทางเอกสารในทางราชการ
จากนั้นพนักงานสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถยกเดินทางไปที่กองบัญชาการกองทัพไทย พบรถคันดังกล่าวจอดอยู่ที่อาคาร 5 ชั้นล่าง แต่ทางเจ้าหน้าที่ทหารไม่อนุญาตให้นำรถไป โดยให้เหตุผลว่าต้องรอคำสั่งจากทางผู้บังคับบัญชาก่อนและจะนำไปให้เอง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเดินทางกลับ
ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.ต.พิสุทธิ์ เปาอินทร์ รองปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารนำรถนิสสัน ซันนี่นีโอ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน วค 1355 มาที่ สน.พญาไท จากนั้น พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส. เชิญ พญ.พรรณกร มารดาหมอมุก มาดูรถคันดังกล่าว พบว่าที่บริเวณกระจกด้านหน้าที่มีสติกเกอร์ผ่านเข้าออกกองทัพไทยแผ่นที่แปะอยู่ด้านหน้าซ้ายเพียง 1 อัน เป็นบัตรผ่านเข้าออกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุทะเบียนรถ วค 1355 ส่วนรถคันก่อเหตุมีสติกเกอร์แปะอยู่ด้านหน้าจำนวนหลายแผ่น และบริเวณที่ปักน้ำฝนมีสีไม่เท่ากันเหมือนเพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ นอกนั้นตัวรถเหมือนกับรถคันก่อเหตุมาก
พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท กล่าวว่า วันนี้ได้นัดแม่หมอมุกมาสอบปากคำเพิ่มเติมในวันที่เกิดเหตุถึงรูปพรรณสันฐานคนร้าย และรถคันก่อเหตุเพิ่มเติม ส่วนด้านการดำเนินคดีตอนนี้สอบปากคำพยานที่เกิดเหตุ ผู้เสียหาย และประสานงานทางกองทัพไทยส่งรถมาให้ตรวจสอบ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะอายัดรถไว้เพื่อส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำหรับคดีนี้พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้และแจ้งข้อหาเจตนาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยประสงค์ต่อชีวิต เข้าข่ายคดีอาญาพยายามฆ่า แต่ต้องรอดูอาการบาดเจ็บของหมอมุกว่ามากน้อยแค่ไหน แต่ไม่ได้รับเป็นคดีรถชนธรรมดา ทางพนักงานสอบสวนขอยืนยันว่ามีหลักฐานกล้องวงจรปิด และพยานวัตถุสามารถเอาผิดผู้ก่อเหตุได้
พล.ต.พิสุพธิ์กล่าวว่า รถคันนี้เบิกจากกรมยุทธบริการ มาใช้งานในสำนักงานปลัดบัญชีทหารส่วนขั้นตอนการนำรถออกไปใช้ต้องมีการลงชื่อเบิกไปทุกครั้งมีเจ้าหน้าที่ควบคุมอยู่ เท่าที่ทราบจากทหารที่ดูแลรถคันนี้อยู่ แจ้งว่ารถเกิดมีปัญหาในเรื่องหม้อน้ำรั่วซึม ตั้งแต่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้วและใช้วิ่งอยู่แค่ภายในกรมเท่านั้นไม่ได้ออกไปไหน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำของคืนวันศุกร์ที่ 10 มิ.ย. และญาติกับเพื่อนได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อในวันที่ 11 มิ.ย. เพื่อให้ช่วยติดตามหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ
ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) ร.ต.ท.สุดประเสริฐ หลักทอง พนักงานสอบสวน(สบ 1) สน.พญาไท ได้ส่งรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน รุ่นซันนี่ นีโอ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน วค1355 กรุงเทพมหานคร ที่มีสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์กองบัญชาการกองทัพไทย 2552-2554 ติดอยู่บริเวณกระจกหน้ารถด้านซ้าย โดยรถเก๋งคันนี้เป็นรถต้องสงสัยขับพุ่งชน พ.ต.แพทย์หญิง หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก แพทย์ประจำ รพ.พระมงกุฎ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา มาตรวจพิสูจน์หาร่องรอยการชน นอกจากนี้ได้ส่งที่ปัดน้ำฝนซึ่งพยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่าเป็นของรถคันที่ชน พ.ต.แพทย์หญิง หทัยพร มาตรวจเปรียบเทียบกับรถต้องสงสัย
พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผบช.สพฐ.ตร. กล่าวว่า รถคันนี้พยานที่เห็นเหตุการณ์ยืนยันด้วยทะเบียนว่าเป็นรถที่ขับพุ่งชน พ.ต.แพทย์หญิงหทัยพร แต่ในขณะนี้ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่ารถคันนี้ใช้ในการก่อเหตุหรือไม่ อย่างไรก็ตามทราบจากทหารที่นำรถมาว่าเป็นรถใช้ในราชการทางธุรการ และจอดอยู่ภายในสำนักงานปลัดบัญชี กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งรถหม้อน้ำรั่ว จอดอยู่ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเมื่อพนักงานสอบสวนส่งมาให้ตรวจ ทางเจ้าหน้าที่สพฐ.ตร.จะทำการตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะของ พ.ต.แพทย์หญิงหทัยพร นอกจากนี้ ตรวจเปรียบเทียบที่ปัดน้ำฝนที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุ ว่ามีความเก่าหรือใหม่เท่ากันทั้ง 2ข้างหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบหาหลักฐานทั้งภายนอกและภายในตัวรถโดยคาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจ 2-3 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ที่นำรถต้องสงสัยมาตรวจพิสูจน์ คือ พล.ต.พิสุทธิ์ เปาอินทร์ รองปลัดบัญชีทการ กองบัญชาการกองทัพไทย โดย พล.ต.พิสุทธิ์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ให้นำรถมาตรวจ แต่รายละเอียดต่างๆ ตนไม่ทราบ สำหรับรถคันนี้เป็นรถของหน่วย ใช้ในราชการ ส่วนมีการนำไปใช้ตนไม่ทราบรายละเอียด
ด้านร.ต.ท.สุดประเสริฐ กล่าวเพียงว่า รถคันนี้ทะเบียน และลักษณะตรงกับคำให้การของพยานที่เห็นเหตุการณ์ และตรงกับภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้สน.พญาไท ได้ทำเรื่องประสานขอรถคันนี้มาตรวจพิสูจน์ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุที่เป็นวันเสาร์ แต่เนื่องจากติดหยุดราชการจึงเพิ่งส่งเรื่องไปยังกองทัพไทยในวันที่ 13 มิถุนายนแล้ว