แม้ในเวลานี้ดูเหมือนว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ วัย 48 ปีจะพยายามหาทางรักษา “โมเมนตัมทางการเมือง” ของตนเอาไว้หลังจากที่เพิ่งประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่เมื่อร่างกฏหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพที่เขาเป็นผู้ริเริ่มผลักดันผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และเตรียมประกาศใช้เป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการในไม่ช้า แต่ทว่าความสำเร็จดังกล่าวยังถือเป็น “แสงสว่างอันน้อยนิด” เท่านั้นเนื่องจากผู้นำสหรัฐฯ ยังคงมี “ภาระอันหนักอึ้ง” รออยู่อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่ยังคงอยู่ใน “ระยะแรก” ของการฟื้นตัว รวมทั้ง การเดินหน้าปฏิรูปภาคธนาคารและสถาบันการเงินซึ่งเป็นต้นตอของวิกฤตในสหรัฐฯหนล่าสุด
โอบามาได้ส่งสัญญาณชัดเจนในการกล่าวสุนทรพจน์ล่าสุดหลังทราบผลลงมติของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพด้วยคะแนนเฉียดฉิว 219 ต่อ 212 เสียงเมื่อวันอาทิตย์ (21)ว่า ปัญหา “ในประเทศ” ที่เขาจะให้ความสำคัญและแก้ไขเป็นลำดับแรกจากนี้คือการปฏิรูปภาคการเงินอย่างจริงจังและเข้มข้น
ผู้นำสหรัฐฯเรียกร้องให้ชาวอเมริกันและสมาชิกสภาคองเกรสสนับสนุนเขาต่อไป เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้ “พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์” ของคนในวอลล์สตรีทที่คำนึงถึงแต่ “ผลประโยชน์ส่วนตัวระยะสั้น” โดยไม่ใส่ใจ “ผลประโยชน์ส่วนร่วมในระยะยาว” กลับมาสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของประเทศได้อีก นอกจากนั้นยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการล้มครืนของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของประเทศอีกเช่นกัน
นอกจากการปฏิรูปภาคการเงินแล้ว นักวิเคราะห์ชี้ว่าโอบามายังมี “งานช้าง” รออยู่อีกหลายประการ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาการว่างงานหลังตัวเลขการว่างงานล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ยังคงพุ่งสูงที่ร้อยละ 9.7 และถูกมองว่าอาจเป็นขวากหนามสำคัญของโอบามาและพรรคเดโมแครตที่อาจต้องพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวดต่อรีพับลิกัน ในศึกเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนนี้ แม้โอบามาเพิ่งลงนามในร่างกฏหมายลดภาษีให้ภาคธุรกิจเป็นเงิน 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 420,292ล้านบาทเพื่อดึงดูดให้บริษัทต่างๆจ้างงานเพิ่มขึ้นก็ตาม
โอบามาได้ส่งสัญญาณชัดเจนในการกล่าวสุนทรพจน์ล่าสุดหลังทราบผลลงมติของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพด้วยคะแนนเฉียดฉิว 219 ต่อ 212 เสียงเมื่อวันอาทิตย์ (21)ว่า ปัญหา “ในประเทศ” ที่เขาจะให้ความสำคัญและแก้ไขเป็นลำดับแรกจากนี้คือการปฏิรูปภาคการเงินอย่างจริงจังและเข้มข้น
ผู้นำสหรัฐฯเรียกร้องให้ชาวอเมริกันและสมาชิกสภาคองเกรสสนับสนุนเขาต่อไป เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้ “พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์” ของคนในวอลล์สตรีทที่คำนึงถึงแต่ “ผลประโยชน์ส่วนตัวระยะสั้น” โดยไม่ใส่ใจ “ผลประโยชน์ส่วนร่วมในระยะยาว” กลับมาสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของประเทศได้อีก นอกจากนั้นยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการล้มครืนของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของประเทศอีกเช่นกัน
นอกจากการปฏิรูปภาคการเงินแล้ว นักวิเคราะห์ชี้ว่าโอบามายังมี “งานช้าง” รออยู่อีกหลายประการ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาการว่างงานหลังตัวเลขการว่างงานล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ยังคงพุ่งสูงที่ร้อยละ 9.7 และถูกมองว่าอาจเป็นขวากหนามสำคัญของโอบามาและพรรคเดโมแครตที่อาจต้องพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวดต่อรีพับลิกัน ในศึกเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนนี้ แม้โอบามาเพิ่งลงนามในร่างกฏหมายลดภาษีให้ภาคธุรกิจเป็นเงิน 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 420,292ล้านบาทเพื่อดึงดูดให้บริษัทต่างๆจ้างงานเพิ่มขึ้นก็ตาม
