นายมีชัย วีระไวทยะ นายกสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับรางวัลเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2552 ในสาขาสาธารณสุข กล่าวในการปาฐกถา เรื่อง "ถุงยางอนามัยกับการป้องกันเอดส์" ว่า การรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์ ขาดความต่อเนื่องตั้งแต่สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะให้งบประมาณด้านการรักษา โดยไม่สนใจด้านการป้องกันโรคเอดส์ ทั้งๆ ที่เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กัน โดยมีผลให้เกิดอัตราการติดเชื้อเอดส์รายใหม่ อยู่ที่ 11,000 คนต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูง ดังนั้นรัฐบาลควรมีมาตรการจริงจังในการแก้ปัญหา และอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาช่วยกันรณรงค์ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม
ด้านนายแพทย์วิวัฒน์ โรจนพิทยากร ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศมองโกเลีย ซึ่งได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2552 ในสาขาสาธารณสุข โดยมีผลงานจากการริเริ่มโครงการถุงยางอนามัย 100% ใน จ.ราชบุรี ในปี 2532 ในกลุ่มหญิงขายบริการทางเพศ และขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆ ทำให้ผู้ติดเชื้อเอดส์ลดลง จาก 460,000 คน ในปี 2534 เหลือ 11,000 คน ในปี 2544
พร้อมกันนี้ เห็นว่าการป้องกันโรคเอดส์ที่ได้ผลมากที่สุด คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยหน่วยงานท้องถิ่น เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ ควรเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ใช้ถุงยางอนามัยก่อนมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง
ล่าสุด ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ระบุว่า มีผู้ป่วยเอดส์ 359,807 คน เสียชีวิตแล้ว 96,067 คน ซึ่งอัตราการป่วยส่วนใหญ่พบในกลุ่มวัยแรงงาน และวัยเจริญพันธุ์ ช่วงอายุ 15-19 ปี ร้อยละ 92.78 และอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 5.33 ส่วนกลุ่มเด็กอายุแรกเกิด- 14 ปี พบร้อยละ 5.8
ด้านนายแพทย์วิวัฒน์ โรจนพิทยากร ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศมองโกเลีย ซึ่งได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2552 ในสาขาสาธารณสุข โดยมีผลงานจากการริเริ่มโครงการถุงยางอนามัย 100% ใน จ.ราชบุรี ในปี 2532 ในกลุ่มหญิงขายบริการทางเพศ และขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆ ทำให้ผู้ติดเชื้อเอดส์ลดลง จาก 460,000 คน ในปี 2534 เหลือ 11,000 คน ในปี 2544
พร้อมกันนี้ เห็นว่าการป้องกันโรคเอดส์ที่ได้ผลมากที่สุด คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยหน่วยงานท้องถิ่น เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ ควรเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ใช้ถุงยางอนามัยก่อนมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง
ล่าสุด ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ระบุว่า มีผู้ป่วยเอดส์ 359,807 คน เสียชีวิตแล้ว 96,067 คน ซึ่งอัตราการป่วยส่วนใหญ่พบในกลุ่มวัยแรงงาน และวัยเจริญพันธุ์ ช่วงอายุ 15-19 ปี ร้อยละ 92.78 และอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 5.33 ส่วนกลุ่มเด็กอายุแรกเกิด- 14 ปี พบร้อยละ 5.8
