สธ.เผยผลสำรวจความชุกการติดเชื้อเอชไอวีประจำปี 2551 สุ่มตัวอย่าง 8 กลุ่ม “กลุ่มบริจาคโลหิต ผู้ติดยาเสพติด แม่ท้อง ชายรักษากามโรค หญิงขายบริการ ชายขายบริการ ชาวประมง แรงงานต่างชาติ” พบส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง ยกเว้นชายขายบริการ ยอดพุ่ง 12.21% ขณะที่นักศึกษาที่มาบริจาคเลือดมียอดเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 50
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ได้เฝ้าระวังสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีของประเทศ โดยวิธีการสุ่มสำรวจในประชากรกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศ ได้แก่ กลุ่มผู้บริจาคโลหิต ผู้ติดยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น หญิงฝากครรภ์ ชายที่มาตรวจรักษากามโรค และหญิงขายบริการทางเพศ เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนพัฒนาการป้องกันควบคุมแก้ไขปัญหา ทั้งในระดับจังหวัด ระดับเขตและระดับประเทศ ในปี 2551 ได้สำรวจในกลุ่มผู้บริจาคโลหิตทั้งหมด 77,791 ตัวอย่าง ผู้ติดยาเสพติด 202 ตัวอย่าง หญิงฝากครรภ์ 62,601 ตัวอย่าง ชายที่มาตรวจรักษากามโรค 1,071 ตัวอย่าง หญิงขายบริการทางเพศตรง 4,932 ตัวอย่าง และหญิงขายบริการทางเพศแฝง 10,551 ตัวอย่าง นอกจากนี้ ยังขยายผลไปยังกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงติดเชื้อกลุ่มใหม่ๆ ได้แก่ ชายขายบริการทางเพศ ชาวประมง และแรงงานต่างชาติด้วย
นายแพทย์สุพรรณ กล่าวต่อว่า ผลการเฝ้าระวังพบกลุ่มหญิงที่มาฝากครรภ์ ติดเชื้อเอชไอวีร้อยละ 0.72 ลดลงจากปีที่ผ่านมา แต่พบว่าหญิงตั้งครรภ์ในภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนล่าง และภาคใต้ตอนล่าง ยังมีการติดเชื้อสูงกว่าภาพรวมของประเทศ ในกลุ่มหญิงขายบริการทางเพศตรง ติดเชื้อลดลงเป็นร้อยละ 4.67 หญิงขายบริการทางเพศแฝง ลดลงเป็นร้อยละ 2.64 โดยภาคเหนือพบหญิงขายบริการทางเพศตรงติดเชื้อมากสุด ร้อยละ 6.06 และภาคกลางพบหญิงขายบริการทางเพศแฝงติดเชื้อมากสุด ร้อยละ 3.12 ส่วนกลุ่มผู้บริจาคโลหิต แม้จะพบการติดเชื้อลดลงเป็นร้อยละ 0.18 แต่ในกลุ่มผู้บริจาคที่เป็นนักศึกษา พบว่ามีการติดเชื้อร้อยละ 0.5 เพิ่มขึ้นกว่าปี 2550 ถึง 2 เท่า และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกลุ่มชายขายบริการทางเพศ ที่มีแนวโน้มติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 12.21 ซึ่งสูงเป็นลำดับ 2 รองจากกลุ่มผู้ติดยาเสพติด
ประเด็นที่น่าสังเกตคือ ในกลุ่มหญิงขายบริการทางเพศ ขณะนี้มีการขายบริการที่ไม่ได้อยู่เฉพาะในสถานบริการเท่านั้น (หญิงขายบริการทางเพศแฝง) ทั้งนี้ จากการวิจัยของศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข พบว่ากลุ่มหญิงขายบริการทางเพศแฝงมีการติดเชื้อเอชไอวีสูงกว่ากลุ่มที่สังกัดสถานบริการ โอกาสถ่ายทอดเชื้อไปสู่ชายนักเที่ยวสูง นำไปสู่การติดเชื้อในหญิงมีครรภ์และส่งผลกระทบต่อครอบครัวได้ในที่สุด จึงควรส่งเสริมมาตรการการใช้ถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ในการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการ ส่วนกลุ่มชายขายบริการทางเพศ ควรเร่งรัดป้องกันมากยิ่งขึ้น โดยอาศัยกลุ่มเครือข่าย ผู้ที่สามารถเข้าถึงและเข้าใจประชากรกลุ่มนี้มาช่วยดำเนินการในเชิงรุกเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการจัดบริการให้เหมาะสมตามสภาวะปัจจุบัน
"สำหรับกลุ่มที่แนวโน้มการติดเชื้อคงที่ ได้แก่ กลุ่มแรงงานต่างชาติ พบร้อยละ 1.24 กลุ่มชาวประมง พบร้อยละ 2.5 และกลุ่มผู้ติดยาเสพติดชนิดฉีด พบร้อยละ 48.15 ซึ่งแม้จะพบการติดเชื้อคงที่แต่เป็นอัตราที่สูงมากเป็นอันดับ 1 โดยสถานการณ์โรคเอดส์ตั้งแต่ พ.ศ. 2527-สิงหาคม 2552 มีผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 354,000 ราย เสียชีวิต 94,848 ราย ผู้ป่วยร้อยละ 63 อายุ 25-39 ปี ในรอบ 8 เดือนปี 2552 นี้มีรายงานป่วย 1,980 ราย เสียชีวิต 425 ราย" นายแพทย์สุพรรณกล่าว