รอยเตอร์/ASTVผู้จัดการรายวัน -- อัตราการเกิดของทารกเพศชายกับเพศหญิงในเวียดนามยังแตกต่างกันอย่างน่าเป็นห่วง คือ 112.2 สำหรับทารกชาย กับ 100 สำหรับทารกเพศหญิง นั่นคือ เมื่อปี 2551 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 106.2 ต่อ 100 ในปี 2543 อัตราดังกล่าวอาจทำให้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์กับการขายบริการทางเพศอย่างแพร่หลายในประเทศนี้
กองทุนเพื่อประชากรแห่งสหประชาชาติ (UN Population Fund) หรือ UNFPA กล่าวในรายงานชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งระบุด้วยว่าอัตราส่วนเริ่มต่างกันมากขึ้นตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา โดยเพิ่มเฉลี่ยปีละ 1% และ อาจจะขยายกว้างออกเป็น 115 ในอีกสามปีข้างหน้า UNFPA กล่าว
ในปี 2578 จำนวนประชากรชายในเวียดนามอาจจะมีมากกว่าประชากรหญิงถึง 10% ถ้าหากไม่สามารถลดความแตกต่างลงได้ ให้เหลือเป็นประมาณ 105 ต่อ 100 ตั้งแต่บัดนี้ รายงานระบุ
“การขาดแคลนสตรีอาจจะเพิ่มความกดดันให้เกิดการแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยกว่าที่ควรจะเป็น อาจจะเกิดมีความต้องการหญิงขายบริการทางเพศเพิ่มมากขึ้น และ ข่ายการค้ามนุษย์ก็อาจจะขยายออกไป อันเป็นผลจากการไม่สมดุลนี้” UNFPA กล่าว
องค์การนี้กล่าวอีกว่า ปัจจุบันตัวอย่างความรุนแรงที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ รวมทั้งการค้ามนุษย์เริ่มมีให้เห็นแล้วในเวียดนาม ซึ่งอาจจะชี้ให้เห็นความเสี่ยงในกลุ่มหญิงที่มีจุดอ่อน
ต้นตอของปัญหานี้เกิดจากการเลือกเพศทารก โดยพ่อแม่ผู้ปกครองยังคงนิยมบุตรชายไว้สืบสกุล สืบมรดกและดูแลครอบครัว ทำให้มีการลักลอบทำแท้งทารกเพศหญิง นอกจากนั้น ยังเป็นปัญหาทำให้ประชากรเพิ่มขึ้นจนควบคุมได้ยาก เนื่องจากคู่สมรสจะต้องมีบุตรมากกว่า 2 คน จนกว่าจะได้บุตรชาย และจะยุ่งยากกว่านี้หากต้องการลูกชายหลายคน
เวียดนามมีประชากรเกือบ 86 ล้านคน เป็นสังคมเกษตรกรม ซึ่งการใช้แรงงานในภาคการเกษตรต้องใช้ผู้ชายเป็นหลัก ลูกชายจึงเป็นที่ปรารถนาของครอบครัวมากกว่าลูกสาว
เวียดนามได้ออกกฎหมายห้ามหมอและบุคคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนสถานรักษาพยาบาลต่างๆ ทั้งของรัฐและของเอกชน ให้บริการเลือกทารก หรือ บริการที่ทำให้รู้เพศของทารกล่วงหน้า ซึ่งจะนำไปสู่การนทำแท้ง
ตามรายงานของสื่อทางการเมื่อเร็วๆ นี้ตำรวจนครโฮจิมินห์ได้บุกเข้าจับยึดอุปกรณ์อัลตราซาวนด์ในคลินิกเอกชนแห่งหนึ่ง เนื่องจากให้บริการบอกเพศทารกล่วงหน้า และจับกุมแพทย์เจ้าของคลินิก ถือเป็นกรณีแรกในประเทศนี้