นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยถึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ของปีนี้ ว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพีติดลบน้อยลงจากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 4.9 มาอยู่ที่ติดลบร้อยละ 2.8 ซึ่งเป็นการหดตัวต่ำสุดในรอบปี เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภค การลงทุนภาครัฐ และการส่งออกที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปีจะติดลบร้อยละ 13.7 ในขณะที่การนำเข้าติดลบร้อยละ26.1 ส่งผลให้ดุลการค้าในปี 2552 เกินดุลการค้ากว่า 21,8000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 64.7 ในเดือนกันยายน ส่งผลให้จำนวนผู้ว่างงานลดลงต่อเนื่อง เหลือ 458,000 คน จาก 878,000 คนในช่วงต้นปี ส่วนการท่องเที่ยวได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 14 ล้านคน
ทั้งนี้ สภาพัฒน์คาดว่าทั้งปี 2552 เศรษฐกิจจะหดตัวน้อยลงในอัตราติดลบไม่เกินร้อยละ 3 จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะติดลบร้อยละ 3.0-3.5
สำหรับแนวโน้มในปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเป็นบวกร้อยละ 3-4 โดยแรงขับเคลื่อนหลักยังมาจากการลงทุนภาครัฐภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง กว่า 8 แสนล้านบาท
เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2553 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2.5-3.5 ส่วนการส่งออก น่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ10 ขณะที่การนำเข้าน่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 18.5 ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลที่ 1,4600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือร้อยละ 5.3 ต่อจีดีพี
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนการลงทุนของภาคเอกชนให้กลับมามีบทบาทในการเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ การส่งเสริมให้ภาคเอกชนใช้ประโยชน์จากการลดภาษีสินค้าในตลาดอาเซียน ตลอดจนดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 64.7 ในเดือนกันยายน ส่งผลให้จำนวนผู้ว่างงานลดลงต่อเนื่อง เหลือ 458,000 คน จาก 878,000 คนในช่วงต้นปี ส่วนการท่องเที่ยวได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 14 ล้านคน
ทั้งนี้ สภาพัฒน์คาดว่าทั้งปี 2552 เศรษฐกิจจะหดตัวน้อยลงในอัตราติดลบไม่เกินร้อยละ 3 จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะติดลบร้อยละ 3.0-3.5
สำหรับแนวโน้มในปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเป็นบวกร้อยละ 3-4 โดยแรงขับเคลื่อนหลักยังมาจากการลงทุนภาครัฐภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง กว่า 8 แสนล้านบาท
เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2553 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2.5-3.5 ส่วนการส่งออก น่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ10 ขณะที่การนำเข้าน่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 18.5 ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลที่ 1,4600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือร้อยละ 5.3 ต่อจีดีพี
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนการลงทุนของภาคเอกชนให้กลับมามีบทบาทในการเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ การส่งเสริมให้ภาคเอกชนใช้ประโยชน์จากการลดภาษีสินค้าในตลาดอาเซียน ตลอดจนดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
