นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติต่ออายุการใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 3 เดือน โดยมีเนื้อหาที่ปรับปรุงในการทบทวนขั้นตอน การใช้กฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ให้มีความโปร่งใสมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ ทั้งในเรื่องการเรียก การเชิญตัวผู้ต้องสงสัย จะต้องมีการบันทึกอย่างชัดเจนของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้มีการตรวจสอบได้ เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับเรื่องร้องเรียน เรื่องการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ที่ไม่ถูกต้อง ละเมิดสิทธิ์ ดังนั้นคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการระดับรัฐมนตรี ให้ติดตามและดูในภาพรวม โดยมอบหมายให้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับผิดชอบ
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ยังดูแลในภาพรวม เกี่ยวกับโครงการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเริ่มใช้มาตรการผ่อนคลายการใช้อำนาจพิเศษ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แทนกฎอัยการศึกษา ในพื้นที่นำร่อง 4 อำเภอของ จ.สงขลา ประกอบด้วย อ.จะนะ เทพา นาทวี และ อ.สะบาย้อย ซึ่งหากได้ผลดีจะขยายต่อไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ยังดูแลในภาพรวม เกี่ยวกับโครงการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเริ่มใช้มาตรการผ่อนคลายการใช้อำนาจพิเศษ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แทนกฎอัยการศึกษา ในพื้นที่นำร่อง 4 อำเภอของ จ.สงขลา ประกอบด้วย อ.จะนะ เทพา นาทวี และ อ.สะบาย้อย ซึ่งหากได้ผลดีจะขยายต่อไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้