นายแพทย์บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก จากกรณีไม่สามารถแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้ว่า ทางรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมีจุดประสงค์ในการที่จะสร้างค่านิยมการเสริมสร้างคุณธรรมให้กลับคืนมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการที่เลื่อนระยะเวลาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ออกไป ก็ด้วยเจตนาที่ไม่ต้องการให้กระบวนการดังกล่าวสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติมเหมือนในอดีต
การที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ประธานคณะทำงานตรวจสอบการสลายการชุมนุมเสื้อแดงของพรรคเพื่อไทย อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางระบุว่า ที่เลื่อนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.เป็นเพราะพยายามหาผลประโยชน์ กขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่มีพฤติกรรมเหมือนสมัยที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และมีพฤติกรรมในส่วนของรัฐบาลชุดนั้นที่ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือในการดำเนินการทางการเมืองหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีฆ่าตัดตอน ที่ขณะนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญถูกสอบถามในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพราะเป็นประเด็นที่อารยประเทศให้ความสำคัญ รวมถึงคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความคดี 3 จังหวัดภาคใต้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีประเด็นปัญหาเรื่องข้อเท็จจริงในคดีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกพ้อง ที่สืบเนื่องมาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และรัฐบาลหลายชุดในอดีต ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนสนับสนุนให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลและไม่แทรกแซง สนับสนุนให้กระบวนการยุติธรรมสามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ และป้องกันการพยายามขัดขวางกระบวนการยุติธรรมจากกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์โดยเด็ดขาด โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นเรื่องค้างคามา คือ เรื่องสถานะของกลุ่มบริษัทนอมินีทั้งกุหลาบแก้ว แอมเพิลริช วิลมาร์ค ซึ่งถือเป็นหลักฐานพยานสำคัญต่อกรณีการซื้อขายหุ้นในเครือชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด 7.6 หมื่นล้านบาท เพราะคิดว่าเรื่องนี้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็จะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาสามารถเข้ามาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในศาล และสามารถคืนความเชื่อมั่นของกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยได้ด้วย แต่ต้องยอมรับว่าในอดีตนั้นมีปัญหาเรื่องการขอข้อมูลจากหน่วยงานสืบสวน
การที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ประธานคณะทำงานตรวจสอบการสลายการชุมนุมเสื้อแดงของพรรคเพื่อไทย อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางระบุว่า ที่เลื่อนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.เป็นเพราะพยายามหาผลประโยชน์ กขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่มีพฤติกรรมเหมือนสมัยที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และมีพฤติกรรมในส่วนของรัฐบาลชุดนั้นที่ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือในการดำเนินการทางการเมืองหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีฆ่าตัดตอน ที่ขณะนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญถูกสอบถามในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพราะเป็นประเด็นที่อารยประเทศให้ความสำคัญ รวมถึงคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความคดี 3 จังหวัดภาคใต้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีประเด็นปัญหาเรื่องข้อเท็จจริงในคดีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกพ้อง ที่สืบเนื่องมาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และรัฐบาลหลายชุดในอดีต ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนสนับสนุนให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลและไม่แทรกแซง สนับสนุนให้กระบวนการยุติธรรมสามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ และป้องกันการพยายามขัดขวางกระบวนการยุติธรรมจากกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์โดยเด็ดขาด โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นเรื่องค้างคามา คือ เรื่องสถานะของกลุ่มบริษัทนอมินีทั้งกุหลาบแก้ว แอมเพิลริช วิลมาร์ค ซึ่งถือเป็นหลักฐานพยานสำคัญต่อกรณีการซื้อขายหุ้นในเครือชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด 7.6 หมื่นล้านบาท เพราะคิดว่าเรื่องนี้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็จะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาสามารถเข้ามาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในศาล และสามารถคืนความเชื่อมั่นของกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยได้ด้วย แต่ต้องยอมรับว่าในอดีตนั้นมีปัญหาเรื่องการขอข้อมูลจากหน่วยงานสืบสวน