นายวรรณรัตน์ ชาญนุกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงข่าวหลังร่วมเปิดตัวโครงการรณรงค์ "ถอดปลั๊ก พักเที่ยง" จะลดการใช้ไฟฟ้าสูญเปล่า ด้วยการถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดช่วงพักเที่ยง ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะมีการรณรงค์ในย่านธุรกิจ เช่น สีลม สถานีรถไฟฟ้า โดยโครงการนี้ใช้กระทรวงพลังงานเป็นต้นแบบนำร่องการถอดปลั๊ก ทั้งในส่วนชุดคอมพิวเตอร์และเครื่องถ่ายเอกสาร คาดว่าจะลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 208,000 หน่วยต่อปี ลดค่าใช้จ่ายได้ 624,000 บาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 106 ตันต่อปี
นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าวว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้างวดใหม่มีโอกาสปรับขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับไปถึง 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สูงเกินคาดการณ์เดิมที่คาดว่าปีนี้จะมีราคาไม่เกิน 65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งผันแปรตามราคาน้ำมันเตาขยับขึ้นไปด้วย
อย่างไรก็ตาม กฟผ.พร้อมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลที่จะให้ตรึงค่าไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องของ กฟผ. แม้ว่าที่ผ่านมา กฟผ.จะเข้าไปร่วมรับภาระค่าเอฟที และประชาชนยังติดค้างค่าเอฟทีค้างจ่ายตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมกว่า 20,000 ล้านบาท โดยเดิมภาระนี้จะหมดในปลายปี 2553 ก็เลื่อนไปกลางปี 2554 ซึ่งสาเหตุที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากต้นปีที่ผ่านมาได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ออกพันธบัตรเสริมสภาพคล่องมาแล้ว 20,000 ล้านบาท
นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าวว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้างวดใหม่มีโอกาสปรับขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับไปถึง 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สูงเกินคาดการณ์เดิมที่คาดว่าปีนี้จะมีราคาไม่เกิน 65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งผันแปรตามราคาน้ำมันเตาขยับขึ้นไปด้วย
อย่างไรก็ตาม กฟผ.พร้อมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลที่จะให้ตรึงค่าไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องของ กฟผ. แม้ว่าที่ผ่านมา กฟผ.จะเข้าไปร่วมรับภาระค่าเอฟที และประชาชนยังติดค้างค่าเอฟทีค้างจ่ายตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมกว่า 20,000 ล้านบาท โดยเดิมภาระนี้จะหมดในปลายปี 2553 ก็เลื่อนไปกลางปี 2554 ซึ่งสาเหตุที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากต้นปีที่ผ่านมาได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ออกพันธบัตรเสริมสภาพคล่องมาแล้ว 20,000 ล้านบาท