xs
xsm
sm
md
lg

สวนดุสิตโพลล์เผย ปชช.ส่วนใหญ่หนุนตั้งโรงถลุงเหล็กในไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวิกรม วัชระคุปต์ ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สวนดุสิตโพลได้สำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศหัวข้อ "อุตสาหกรรมเหล็กของประเทศไทย "เหล็กต้นน้ำ" จำนวน 1,096 คน ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน -10 กรกฎาคม 2552 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 58.8 เห็นว่าเหล็กมีความสำคัญมากต่อการพัฒนาประเทศ ร้อยละ 38.1 เห็นว่าสำคัญปานกลาง และร้อยละ 1.7 เห็นว่ามีความสำคัญน้อย และเมื่อถามว่าหากมีการตั้งโรงงานผลิตเหล็กในไทยเพื่อลดต้นทุนการผลิตและช่วยให้ประเทศมีรายได้เพิ่ม เหมาะสมหรือไม่ พบว่าประชาชนร้อยละ 62.1 เห็นว่าเหมาะสม ร้อยละ 29.4 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 7.3 เห็นว่าไม่เหมาะสม
ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประชาชนร้อยละ 49.3 ไม่รู้จักหรือเคยได้ยินโครงการเหล็กต้นน้ำ ขณะที่ร้อยละ 43.9 ไม่รู้จักแต่เคยได้ยิน และร้อยละ 5.7 รู้จักและเคยได้ยิน โดยประชาชนที่ตอบว่าไม่รู้จักและไม่เคยได้ยิน ส่วนใหญ่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ส่วนผู้ที่รู้จักและเคยได้ยิน มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี ขณะเดียวกัน ประชาชนร้อยละ 41.9 ตอบว่าเหล็กต้นน้ำคือการตั้งโรงงานผลิตเหล็กขนาดใหญ่ในไทย ขณะที่ร้อยละ 7.4 เห็นว่าคือการนำแร่เหล็กมาแปรรูปไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม และร้อยละ 4.0 ตอบว่าคือการทำเหมืองเหล็กในภูเขาและใกล้แหล่งน้ำ
ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 30.2 ต้องการรู้ว่าโครงการเหล็กต้นน้ำคืออะไร มีประโยชน์และโทษอย่างไร ส่วนอีกร้อยละ 20.5 ต้องการรู้ว่าจะเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างไร และร้อยละ 11.7 อยากรู้ว่าพื้นที่ตั้งเป็นที่ใด
อย่างไรก็ตาม ประชาชนร้อยละ 40.2 เป็นห่วงและกังวลว่าโครงการเหล็กต้นน้ำจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 33.8 ห่วงว่ากระทบสุขภาพและร่างกาย และร้อยละ 25.5 ห่วงผลกระทบต่อที่อยู่อาศัย
ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลสำรวจดังกล่าวสถาบันจะนำไปศึกษาเชิงลึกของพื้นที่ลงทุนเหล็กต้นน้ำ และในปีงบประมาณ 2553 ได้ของบประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อศึกษาพื้นที่ลงทุน 2 แห่งในภาคใต้และภาคตะวันออก ซึ่งระหว่างศึกษาเชิงลึกจะมีนักวิชาการด้านต่างๆ ทำความเข้าใจกับชุมชนด้วย เพราะการลงทุนเหล็กต้นน้ำใช้พื้นที่ 1 หมื่นไร่ เป็นพื้นที่โรงถลุง 5,000 ไร่ ที่เหลือเป็นพื้นที่สีเขียว พื้นที่พัฒนาชุมชนและพื้นที่บำบัดน้ำเสีย ซึ่งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กำหนดให้เทคโนโลยีที่นำมาลงทุนต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และให้ผู้ลงทุนมีความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งนี้ เมื่อผลศึกษาออกมาจะนำเสนอรัฐบาลกำหนดนโยบายส่งเสริมต่อไป คาดว่าเปิดให้ผู้ลงทุนส่งแผนจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ลงทุนได้ตั้งแต่ปลายปี 2553 และคาดว่าจะเริ่มมีการลงทุนได้ในปี 2554
กำลังโหลดความคิดเห็น