ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยตัวเลขการนำเข้าเหล็กในช่วงต้นปีที่ผ่านมาโดยเดือนมกราคมมีจำนวน 17,080 ล้านบาท ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ 12,579 ล้านบาท ซึ่งในรายงาน “แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กไทยและเหล็กโลก ปี 2009” แม้ อุตสาหกรรมต่อเนื่องของเหล็กในประเทศหดตัวทุกกลุ่ม แต่อุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง ยังขยายตัวเพิ่มขึ้น 8เปอร์เซ็นต์
ขณะที่การก่อสร้างที่อยู่อาศัย ติดลบ 15 เปอร์เซ็นต์ การผลิตรถยนต์ติดลบ 23 เปอร์เซ็นต์ การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าติดลบ 21 เปอร์เซ็นต์ รายงานดังกล่าวระบุอีกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของรัฐบาลจะมีผลต่อการบริโภคเหล็กในปีนี้น้อยมาก เนื่องจาก เป็นการเน้นอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นการบริโภคเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้น แม้จะมีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แต่ประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับในระยะยาวยังเป็นรอง เมื่อเทียบกับการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ส่วนมาตรการทางภาษีจะช่วยลดภาระของผู้ประกอบการ เพื่อให้อยู่รอดได้ในภาวะวิกฤต แต่คาดว่า จะมีผลช่วยกระตุ้นการผลิตจริงเพียงเล็กน้อย
ดังนั้นนอกจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงแล้ว คาดว่าจะไม่มีมาตรการใดๆจากภาครัฐที่จะมีผลกระตุ้นอย่างชัดเจนต่อการบริโภคเหล็กในปีหน้าทั้งนี้การส่งเสริมอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ เพื่อลดการนำเข้าซึ่ง ปี 2550 มีมูลค่าสูงถึง 177,257 ล้านบาท โดยคณะรัฐมนตรีมีมติสนับสนุนเมื่อวันที่17มีนาคมที่ผ่านมานั้น ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ได้ปรับลดตัวเลขส่งเสริมการลงทุนเหลือ 400,000 ล้านบาทโดยตัดโครงการอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำในส่วนของนักลงทุนต่างชาติออกส่งผลให้โครงการอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำในประเทศ เหลือเพียงโครงการลงทุนของเครือสหวิริยา ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ระหว่างชะลอโครงการเพื่อรอดูท่าทีชัดเจนของรัฐบาล
ขณะที่การก่อสร้างที่อยู่อาศัย ติดลบ 15 เปอร์เซ็นต์ การผลิตรถยนต์ติดลบ 23 เปอร์เซ็นต์ การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าติดลบ 21 เปอร์เซ็นต์ รายงานดังกล่าวระบุอีกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของรัฐบาลจะมีผลต่อการบริโภคเหล็กในปีนี้น้อยมาก เนื่องจาก เป็นการเน้นอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นการบริโภคเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้น แม้จะมีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แต่ประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับในระยะยาวยังเป็นรอง เมื่อเทียบกับการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ส่วนมาตรการทางภาษีจะช่วยลดภาระของผู้ประกอบการ เพื่อให้อยู่รอดได้ในภาวะวิกฤต แต่คาดว่า จะมีผลช่วยกระตุ้นการผลิตจริงเพียงเล็กน้อย
ดังนั้นนอกจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงแล้ว คาดว่าจะไม่มีมาตรการใดๆจากภาครัฐที่จะมีผลกระตุ้นอย่างชัดเจนต่อการบริโภคเหล็กในปีหน้าทั้งนี้การส่งเสริมอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ เพื่อลดการนำเข้าซึ่ง ปี 2550 มีมูลค่าสูงถึง 177,257 ล้านบาท โดยคณะรัฐมนตรีมีมติสนับสนุนเมื่อวันที่17มีนาคมที่ผ่านมานั้น ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ได้ปรับลดตัวเลขส่งเสริมการลงทุนเหลือ 400,000 ล้านบาทโดยตัดโครงการอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำในส่วนของนักลงทุนต่างชาติออกส่งผลให้โครงการอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำในประเทศ เหลือเพียงโครงการลงทุนของเครือสหวิริยา ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ระหว่างชะลอโครงการเพื่อรอดูท่าทีชัดเจนของรัฐบาล