อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 3 คน คือ ศ.เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม รศ.นรนิติ เศรษฐบุตร และ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรสิริ ที่ร่วมเสวนาทางออกประเทศไทย โดยสาระสำคัญเห็นตรงกันว่า รัฐบาล หรือประเทศกำลังเผชิญปัญหาความขัดแย้งในสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือเป็นวิกฤตที่รัฐบาลต้องนำพาประเทศก้าวข้ามไป จึงจะนำมาสู่สันติสุขภายในประเทศ
ศ.เกริกเกียรติ มีข้อเสนอให้ทางออกคือ 1. ว่าด้วยเรื่องของกระบวนการยุติธรรมต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และตรงไปตรงมา 2. นักการเมืองต้องเลิกคิดแบบมิจฉาทิฐิ หรือการคิดโดยปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น และไม่คิดใช้อำนาจในทางมิชอบ และ 3. ต้องเร่งแก้ปัญหาความจำเป็นขั้นพื้นฐานของประชาชน ทั้งกรณีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และการให้เสรีภาพกับประชาชน โดยเห็นว่า เสถียรภาพของรัฐบาลกำลังสั่นคลอน ซึ่งอาจไม่สามารถนำพาประเทศให้รอดพ้นจากปัญหาได้ พร้อมวิเคราะห์และว่า ท้ายที่สุด นายกรัฐมนตรีอาจตัดสินใจยุบสภา เลือกตั้งใหม่ภายในสิ้นปีนี้
ขณะที่ ดร.ชาญวิทย์ เห็นว่า รัฐบาลจำเป็นต้องสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นทุกระดับ โดยเฉพาะการเมือง ความเคารพในสถาบันสูงของประเทศ ระบบข้าราชการที่ต้องเป็นธรรม และการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ หรือเขียนรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ เพื่อไม่ให้เป็นกฎหมายที่ซ่อนวาระของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไว้ และเห็นว่า อาจเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะสามารถฝ่าวิกฤตเหล่านี้ได้ เพราะขาดเสถียรภาพความมั่นคง ปัจจุบันอยู่ได้เพียงแค่รอมชอมประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น แต่ก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ทุกเวลา
รศ.นรนิติ เห็นว่า ทุกปัญหาของประเทศจะแก้ไขได้ ก็ต่อเมื่อสังคมเกิดความสมานฉันท์และยอมรับว่า อาจเป็นเรื่องที่ยากที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่มีทางอื่นที่จะดำเนินการได้ อาทิ ข้อเสนอของการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อสร้างความสมานฉันท์ ยังต้องรอคำตอบจากประชาชนด้วย
ศ.เกริกเกียรติ มีข้อเสนอให้ทางออกคือ 1. ว่าด้วยเรื่องของกระบวนการยุติธรรมต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และตรงไปตรงมา 2. นักการเมืองต้องเลิกคิดแบบมิจฉาทิฐิ หรือการคิดโดยปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น และไม่คิดใช้อำนาจในทางมิชอบ และ 3. ต้องเร่งแก้ปัญหาความจำเป็นขั้นพื้นฐานของประชาชน ทั้งกรณีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และการให้เสรีภาพกับประชาชน โดยเห็นว่า เสถียรภาพของรัฐบาลกำลังสั่นคลอน ซึ่งอาจไม่สามารถนำพาประเทศให้รอดพ้นจากปัญหาได้ พร้อมวิเคราะห์และว่า ท้ายที่สุด นายกรัฐมนตรีอาจตัดสินใจยุบสภา เลือกตั้งใหม่ภายในสิ้นปีนี้
ขณะที่ ดร.ชาญวิทย์ เห็นว่า รัฐบาลจำเป็นต้องสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นทุกระดับ โดยเฉพาะการเมือง ความเคารพในสถาบันสูงของประเทศ ระบบข้าราชการที่ต้องเป็นธรรม และการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ หรือเขียนรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ เพื่อไม่ให้เป็นกฎหมายที่ซ่อนวาระของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไว้ และเห็นว่า อาจเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะสามารถฝ่าวิกฤตเหล่านี้ได้ เพราะขาดเสถียรภาพความมั่นคง ปัจจุบันอยู่ได้เพียงแค่รอมชอมประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น แต่ก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ทุกเวลา
รศ.นรนิติ เห็นว่า ทุกปัญหาของประเทศจะแก้ไขได้ ก็ต่อเมื่อสังคมเกิดความสมานฉันท์และยอมรับว่า อาจเป็นเรื่องที่ยากที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่มีทางอื่นที่จะดำเนินการได้ อาทิ ข้อเสนอของการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อสร้างความสมานฉันท์ ยังต้องรอคำตอบจากประชาชนด้วย