นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยวิเคราะห์รัฐบาลจะยุบสภาเดือนตุลาคม โดยมีสาเหตุจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะชี้มูล ส.ส.ถือหุ้นในบริษัทสัมปทานของรัฐ และการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ผ่านสภา ว่า เป็นการวิเคราะห์แบบเพ้อเจ้อ เพราะการที่ กกต.ชี้มูลความผิด ส.ส.ถือหุ้น จะไม่กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะจำนวน ส.ส.ที่ถือหุ้นนั้นมีไม่มาก ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ยุบสภาแน่นอน อย่างน้อยที่สุดก็ต้องให้การใช้งบประมาณปี 2553 มีผลปฏิบัติออกมาเป็นรูปธรรมก่อน และจะต้องมีเงื่อนไขทางการเมืองที่ทำให้รัฐบาลเดินมาถึงทางตันเท่านั้น
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมผู้สมัคร ส.ส. ถือเป็นเรื่องธรรมดา พรรคจะทำการเมืองเต็มที่ทั่วประเทศ เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีฐานผู้สนับสนุนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ อย่างน้อยเขตเลือกตั้งละ 3 หมื่น เพราะฉะนั้นจะมอบให้พรรคการเมืองอื่นทำแทนไม่ได้ แต่ยอมรับว่าฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคอีสานเปรียบเหมือนข้อสอบเหมือนเลขข้อยาก และมีคะแนนสูง ซึ่งพรรคจะพยายามทำเลขข้อนี้ให้สำเร็จ
ส่วนที่นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน แกนนำภาคอีสาน พรรคประชาธิปัตย์ ไม่พอใจจนถึงขั้นประกาศจะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ หากนายกรัฐมนตรี ทุ่มงบให้กับพรรคภูมิใจไทยในภาคอีกสาน นายเทพไท กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกัน การใช้งบประมาณของรัฐบาลไม่ได้แบ่งว่าเป็นของพรรคการเมืองหนึ่งการเมืองใดโดยเฉพาะแต่เป็นการใช้งบประมาณผ่านโครงการที่เป็นผลงานของรัฐบาล พรรคไม่มีความขัดแย้งเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะทุกคนที่เป็น ส.ส.อีสาน ของพรรควันนี้ล้วนแต่เป็นคนที่มีอุดมการณ์ยืนหยัดต่อสู้กับพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายสุทัศน์ เป็นผู้อาวุโสทางการเมือง และเป็นบุคคลสำคัญของพรรคในภาคอีสาน คงไม่มีวันตีจากพรรคประชาธิปัตย์ไปได้
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมผู้สมัคร ส.ส. ถือเป็นเรื่องธรรมดา พรรคจะทำการเมืองเต็มที่ทั่วประเทศ เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีฐานผู้สนับสนุนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ อย่างน้อยเขตเลือกตั้งละ 3 หมื่น เพราะฉะนั้นจะมอบให้พรรคการเมืองอื่นทำแทนไม่ได้ แต่ยอมรับว่าฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคอีสานเปรียบเหมือนข้อสอบเหมือนเลขข้อยาก และมีคะแนนสูง ซึ่งพรรคจะพยายามทำเลขข้อนี้ให้สำเร็จ
ส่วนที่นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน แกนนำภาคอีสาน พรรคประชาธิปัตย์ ไม่พอใจจนถึงขั้นประกาศจะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ หากนายกรัฐมนตรี ทุ่มงบให้กับพรรคภูมิใจไทยในภาคอีกสาน นายเทพไท กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกัน การใช้งบประมาณของรัฐบาลไม่ได้แบ่งว่าเป็นของพรรคการเมืองหนึ่งการเมืองใดโดยเฉพาะแต่เป็นการใช้งบประมาณผ่านโครงการที่เป็นผลงานของรัฐบาล พรรคไม่มีความขัดแย้งเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะทุกคนที่เป็น ส.ส.อีสาน ของพรรควันนี้ล้วนแต่เป็นคนที่มีอุดมการณ์ยืนหยัดต่อสู้กับพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายสุทัศน์ เป็นผู้อาวุโสทางการเมือง และเป็นบุคคลสำคัญของพรรคในภาคอีสาน คงไม่มีวันตีจากพรรคประชาธิปัตย์ไปได้
