การลงนามความร่วมมือโครงการต้นกล้าอาชีพกับภาคอุตสาหกรรม นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการต้นกล้าอาชีพ เพื่อชะลอการเลิกจ้างในภาคอุตสาหกรรมส่งออก เช่น ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ เครื่องไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์ยาง โดยคาดว่าเดือนนี้สามารถฝึกอบรมได้ 40,000 ราย ทั้งนี้ จะใช้เวลา 2 เดือน จึงจะประเมินผลโครงการได้
ส่วนงบกระตุ้นเศรษฐกิจตามพระราชกำหนดกู้เงิน จำนวน 400,000 ล้านบาท จะช่วยสร้างงานเพิ่มปีละ 500,000 คน
รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า โครงการต้นกล้าอาชีพในช่วงแรกที่ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะได้มีการเปิดสาขาที่อบรมมากเกินไป จึงตัดสาขาที่ไม่เป็นที่ต้องการออกไป
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดว่าจำนวนแรงงานที่ถูกเลิกจ้างในปีนี้จะมีไม่ถึง 1 ล้านคน แต่ก็เป็นห่วงผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ที่อาจจะว่างงาน ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมขณะนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาในไตรมาสที่ 2 และ 3 เช่น เหล็ก อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ อาหารแปรรูป อาหารแช่แข็ง แต่ก็ไม่สามารถประเมินได้ว่าเป็นคำสั่งชั่วคราวหรือไม่
นอกจากนี้ ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มมีโรงงานประเภทสิ่งทอเปิดใหม่ แต่ก็ประสบปัญหาการหาแรงงานในท้องถิ่น
นายสันติ กล่าวถึงราคาน้ำมันครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ว่า เป็นการแสดงถึงเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว และคาดว่าจะไม่กระทบต่อการลงทุน แต่หากราคาน้ำมันดิบสูงเกินกว่าบาร์เรลละ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภาคขนส่งจะได้การกระทบ
ส่วนเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้เกิดจากการเก็งกำไรในตลาดหุ้น จึงต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ช่างน้ำหนักว่าควรจะช่วยเหลือธุรกิจภาคใด แม้ค่าเงินจะยังไม่ผันผวน แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ส่งออกต้องการให้ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนงบกระตุ้นเศรษฐกิจตามพระราชกำหนดกู้เงิน จำนวน 400,000 ล้านบาท จะช่วยสร้างงานเพิ่มปีละ 500,000 คน
รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า โครงการต้นกล้าอาชีพในช่วงแรกที่ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะได้มีการเปิดสาขาที่อบรมมากเกินไป จึงตัดสาขาที่ไม่เป็นที่ต้องการออกไป
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดว่าจำนวนแรงงานที่ถูกเลิกจ้างในปีนี้จะมีไม่ถึง 1 ล้านคน แต่ก็เป็นห่วงผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ที่อาจจะว่างงาน ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมขณะนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาในไตรมาสที่ 2 และ 3 เช่น เหล็ก อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ อาหารแปรรูป อาหารแช่แข็ง แต่ก็ไม่สามารถประเมินได้ว่าเป็นคำสั่งชั่วคราวหรือไม่
นอกจากนี้ ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มมีโรงงานประเภทสิ่งทอเปิดใหม่ แต่ก็ประสบปัญหาการหาแรงงานในท้องถิ่น
นายสันติ กล่าวถึงราคาน้ำมันครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ว่า เป็นการแสดงถึงเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว และคาดว่าจะไม่กระทบต่อการลงทุน แต่หากราคาน้ำมันดิบสูงเกินกว่าบาร์เรลละ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภาคขนส่งจะได้การกระทบ
ส่วนเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้เกิดจากการเก็งกำไรในตลาดหุ้น จึงต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ช่างน้ำหนักว่าควรจะช่วยเหลือธุรกิจภาคใด แม้ค่าเงินจะยังไม่ผันผวน แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ส่งออกต้องการให้ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
