นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด 75 จังหวัด จำนวน 275 คน ในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง "การเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถในการดำเนินงานด้านการรับรองคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน" ว่า ได้ให้อุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศหาของดีแต่ละจังหวัดมาเป็นผลงาน โดยให้เน้นสินค้าเกษตรและผลไม้ ด้วยการพัฒนายกระดับจากผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อไปแข่งขันในตลาดโลก
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมยังให้อุตสาหกรรมจังหวัดพัฒนาการบรรจุหีบห่อให้มีความสะอาด ปราศจากเชื้อโรค และเป็นสุญญากาศ เพื่อสามารถเก็บสินค้าได้นาน โดยเฉพาะผลไม้ไทยที่ขณะนี้ราคากำลังตกต่ำมาก โดยให้คิดโครงการแปรรูปและทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะจับมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ จัดหานักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าไปร่วมลงทุนโครงการสินค้าเกษตรแปรรูปในพื้นที่ที่มีผลไม้จำนวนมากทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ เพื่อแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ และจะเป็นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ มผช.จากที่ทำรายได้ปีละ 70,000 ล้านบาท เป็น 100,000 ล้านบาท
นายชาญชัย ยังย้ำให้อุตสาหกรรมจังหวัดประสานกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (อสเอ็มอีแบงก์) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ผลิตชุมชนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ โดยเอสเอ็มอีแบงก์ มีวงเงินปล่อยกู้ตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 200 ล้านบาทต่อราย โดยกำหนดเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันใช้เพียงบุคคลค้ำประกัน วงเงิน 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ใช้กลุ่มอาชีพค้ำประกัน หากเกิน 500,000 บาทใช้หลักทรัพย์ คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี หากผู้ผลิตชุมชนไม่มีแหล่งเงินทุนจะประสบปัญหาสภาพคล่อง ดังนั้น เรื่องเงินกู้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมยังให้อุตสาหกรรมจังหวัดพัฒนาการบรรจุหีบห่อให้มีความสะอาด ปราศจากเชื้อโรค และเป็นสุญญากาศ เพื่อสามารถเก็บสินค้าได้นาน โดยเฉพาะผลไม้ไทยที่ขณะนี้ราคากำลังตกต่ำมาก โดยให้คิดโครงการแปรรูปและทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะจับมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ จัดหานักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าไปร่วมลงทุนโครงการสินค้าเกษตรแปรรูปในพื้นที่ที่มีผลไม้จำนวนมากทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ เพื่อแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ และจะเป็นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ มผช.จากที่ทำรายได้ปีละ 70,000 ล้านบาท เป็น 100,000 ล้านบาท
นายชาญชัย ยังย้ำให้อุตสาหกรรมจังหวัดประสานกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (อสเอ็มอีแบงก์) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ผลิตชุมชนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ โดยเอสเอ็มอีแบงก์ มีวงเงินปล่อยกู้ตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 200 ล้านบาทต่อราย โดยกำหนดเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันใช้เพียงบุคคลค้ำประกัน วงเงิน 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ใช้กลุ่มอาชีพค้ำประกัน หากเกิน 500,000 บาทใช้หลักทรัพย์ คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี หากผู้ผลิตชุมชนไม่มีแหล่งเงินทุนจะประสบปัญหาสภาพคล่อง ดังนั้น เรื่องเงินกู้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานยิ่งขึ้น
