นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกปีนี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศออกมาติดลบร้อยละ 7.1 ว่า ยังเป็นตัวเลขที่อยู่ในการประเมินตามรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อของ ธปท.
นางอมรา กล่าวว่า ธปท.ได้ประเมินว่าโอกาสที่จีดีพีของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกจะติดลบมากกว่าร้อยละ 7 มีโอกาสประมาณร้อยละ 5 เท่านั้น และส่วนใหญ่ร้อยละ 23 ที่เห็นว่าจีดีพีจะติดลบประมาณร้อยละ 6-7 จึงไม่ได้เหนือจากที่ ธปท. ประมาณการไว้ และ ธปท. ยังไม่เปลี่ยนแปลงการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่คาดว่าจะติดลบร้อยละ 1.5-3.5 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการหดตัวของจีดีพีเป็นรายไตรมาสพบว่า การหดตัวอยู่ในอัตราที่ชะลอลง จากไตรมาส 4 ปี 2551 เทียบไตรมาส 3 ปี 2551 หดตัวร้อยละ 6.1 แต่ไตรมาส 1 ปีนี้ เทียบกับไตรมาส 4 ปี 2551 จีดีพีหดตัวร้อยละ 1.9 อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหากเทียบเป็นรายปีถือว่าเป็นการหดตัวค่อนข้างรุนแรง
นางอมรา กล่าวอีกว่า ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นในบางอุตสาหกรรม จากเดิมที่ใช้กำลังการผลิตประมาณร้อยละ 50 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 60 แต่ไม่ได้หมายความว่ากำลังการผลิตของภาคธุรกิจจะฟื้นตัวขึ้นอย่างถาวร ต้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้คาดหวังว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ของรัฐบาล ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่จะมีโครงการลงทุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและทำให้เอกชนลงทุนตามมาภายหลัง แต่ยอมรับว่าการลงทุนของเอกชนยังไม่ฟื้นตัวภายในสิ้นปีนี้ เพราะเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงการถดถอย
นางอมรา กล่าวว่า ธปท.ได้ประเมินว่าโอกาสที่จีดีพีของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกจะติดลบมากกว่าร้อยละ 7 มีโอกาสประมาณร้อยละ 5 เท่านั้น และส่วนใหญ่ร้อยละ 23 ที่เห็นว่าจีดีพีจะติดลบประมาณร้อยละ 6-7 จึงไม่ได้เหนือจากที่ ธปท. ประมาณการไว้ และ ธปท. ยังไม่เปลี่ยนแปลงการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่คาดว่าจะติดลบร้อยละ 1.5-3.5 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการหดตัวของจีดีพีเป็นรายไตรมาสพบว่า การหดตัวอยู่ในอัตราที่ชะลอลง จากไตรมาส 4 ปี 2551 เทียบไตรมาส 3 ปี 2551 หดตัวร้อยละ 6.1 แต่ไตรมาส 1 ปีนี้ เทียบกับไตรมาส 4 ปี 2551 จีดีพีหดตัวร้อยละ 1.9 อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหากเทียบเป็นรายปีถือว่าเป็นการหดตัวค่อนข้างรุนแรง
นางอมรา กล่าวอีกว่า ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นในบางอุตสาหกรรม จากเดิมที่ใช้กำลังการผลิตประมาณร้อยละ 50 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 60 แต่ไม่ได้หมายความว่ากำลังการผลิตของภาคธุรกิจจะฟื้นตัวขึ้นอย่างถาวร ต้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้คาดหวังว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ของรัฐบาล ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่จะมีโครงการลงทุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและทำให้เอกชนลงทุนตามมาภายหลัง แต่ยอมรับว่าการลงทุนของเอกชนยังไม่ฟื้นตัวภายในสิ้นปีนี้ เพราะเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงการถดถอย