นายนิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า สคบ.จะเชิญผู้ประกอบการสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงและสมาคมขายตรง พร้อมคณะกรรมการทั้ง 2 สมาคม มาระดมสมองเพื่อหาแนวทางปรับปรุงกฎหมายขายตรงฉบับใหม่ให้คุ้มครองทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพราะร่างกฎหมายที่แก้ไขอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งยังมีเวลาจึงเห็นว่าเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่จะนำมาทบทวนให้รอบคอบชัดเจนมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในกฎหมายที่แก้ไขยังระบุคุณสมบัติของผู้ประกอบการขายตรงใหม่ว่าจะต้องเป็นนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เท่ากับว่าบุคคลธรรมดาอาจไม่มีสิทธิที่จะทำธุรกิจขายตรงหากกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ เรื่องเหล่านี้ต้องมาทบทวนกันให้ชัดเจน รวมทั้งการให้ใบอนุญาตกับผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงที่จดทะเบียนกับ สคบ.ไม่มีการกำหนดเวลา ทำให้การกำกับดูแลเป็นไปได้ยาก ซึ่งต่อไปต้องกำหนดเวลา เช่น 1 ปี หรือ 2 ปี แล้วต้องมาต่ออายุ เพื่อให้การดูแลผู้ประกอบการขายตรงเข้มงวดมากขึ้น
นอกจากนี้ ในกฎหมายที่แก้ไขยังระบุคุณสมบัติของผู้ประกอบการขายตรงใหม่ว่าจะต้องเป็นนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เท่ากับว่าบุคคลธรรมดาอาจไม่มีสิทธิที่จะทำธุรกิจขายตรงหากกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ เรื่องเหล่านี้ต้องมาทบทวนกันให้ชัดเจน รวมทั้งการให้ใบอนุญาตกับผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงที่จดทะเบียนกับ สคบ.ไม่มีการกำหนดเวลา ทำให้การกำกับดูแลเป็นไปได้ยาก ซึ่งต่อไปต้องกำหนดเวลา เช่น 1 ปี หรือ 2 ปี แล้วต้องมาต่ออายุ เพื่อให้การดูแลผู้ประกอบการขายตรงเข้มงวดมากขึ้น