ตลาดขายตรงไทยเข้าตาญี่ปุ่น ค่าย“แคทส์ดอทคอม” ปักหมุดในไทย พร้อมดันไทยเป็นฐานหลักสำคัญในการแผ่อาณาจักรตลาดขายตรงเอเซีย เผยอยู่ระหว่างการรออนุมัติจากสคบ.ให้ทำขายตรงจากเดิมเป็นแค่ระบบสมาชิก ประเดิมกลุ่มสินค้าเสริมอาหาร แบรนด์ “มะโฮ” ก่อนลุยต่อกลุ่มสกินแคร์และวิตะมิน
นายเอกวัฒน์ วงษ์ชูแก้ว รองประธานบริหาร บริษัท แคทส์ดอทคอม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเครือข่ายระบบสมาชิก เปิดเผยว่า บริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นมีนโยบายที่จะรุกตลาดขายตรงและระบบสมาชิกในเอเชีย โดยจะใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการรุกตลาดและไทยถือเป็นตลาดต่างประเทศแห่งแรกนอกญี่ปุ่นหลังจากที่ดำเนินธุรกิจในญี่ปุ่นมานานกว่า 10 ปีแล้ว
“ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดขายตรงนั้นมีการเติบโตที่ดี มีแนวโน้มที่ดีอย่างมากในอนาคต มีผู้ประกอบการขายตรงและระบบสมาชิกที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละรายก็ต้องหาจุดเด่นที่แตกต่างจากคนอื่นมาใช้ ซึ่งของแคทส์ดอทคอมของเราเองก็มีจุดแข็งทั้งระบบการทำงานและตัวสินค้า ที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งมั่นใจว่าตลาดประเทศไทยจะสามารถสร้างความแข็งแกร่งและเป็นฐานที่จะใช้รุกตลาดเอเชียได้แน่นอน” นายเอกวัฒน์กล่าว
เบื้องต้นนี้ได้เปิดบริษัทในไทยมาประมาณต้นปีนี้ ในรูปแบบขายสมาชิก อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ยื่นเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือสคบ. และอยู่ระหว่างการรอพิจารณาจากสคบ.เพื่อขอให้บริษัทดำเนินธุรกิจขายตรงได้ เพราะจะทำให้ตลาดกว้างกว่าเดิมที่ขายในระบบสมาชิกเท่านั้น:ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกประมาณ 800 ราย และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีสมาชิกประมาณ 10,000 ราย
ทั้งนี้การเข้าเป็นสมาชิกกับบริษัทฯสามารถแบ่งได้เป็น 3 รูปแบบคือ 1.ขั้นแรกแบบเอนโรวโบนัส (Enroll Bonus) ซึ่งถ้าสมาชิกสามารถแนะนำสมาชิกเครือข่ายและมีการสั่งสินค้าในรอบแรกจะได้รับโบนัส 10% ขึ้นไปในรอบแรก ขั้นที่สองคือ ยูนิเลเวล (Uni Level) ซึ่งจะมีหลายระดับแตกต่างกันไป และ ขั้นที่สามคือ ทีมโบนัสซึ่งจะเป็นลักษณะแบบผู้บริหาร
อย่างไรก็ตามนอกจากการขยายตลาดสู่การขายตรงแล้วนั้น บริษัทฯยังมีแผนลงทุนเปิดสำนักงานสาขาในต่างจังหวัดเมืองใหญ่ๆอีก เพื่อเป็นฐานในการรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น โดยในช่วง 2 เดือนจากนี้จะเปิดสาขาที่นครราชสีมาและหาดใหญ่ และอนาคตเตรียมเปิดอีกที่นครสวรรค์ด้วย
สำหรับสินค้าในกลุ่มแรกที่ทำตลาดตั้งแต่ต้นปีแล้วคือ 1.เสริมอาหาร ตัวแรกที่ทำตลาดคือแบรนด์ “มะโฮ” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเบต้ากลูแคนจากยีสต์ดำนำเข้าจากญี่ปุ่น เป็นตัวหลักในการทำตลาด มีลักษณะเป็นเจล ราคากล่องละ 4,000 บาท (ราคาสมาชิก 3,300 บาท/มี 30 ซองต่อ1กล่อง) บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดขายตัวนี้ประมาณ 250 ล้านบาท โดยใช้งบการตลาดประมาณ 50 ล้านบาท ส่วนแผนต่อไปนั้น อีก 2 เดือนจะเปิดตลาดอีก 2 แบรนด์คือ ไวท์ครอส แคลเซียมเสริมอาหารแคปซูล ราคาประมาณ 2,500 บาทขึ้นไป และกลุ่มสกินแคร์ แบรนด์ แคทส์ดอทคอม ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นขออย.ยังไม่สามารถจำหน่ายได้ต้องรอให้ได้รับอนุมัติก่อน ซึ่งสินค้าทั้งหมดนำเข้ามาจากโรงงานของบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น
นายเอกวัฒน์ วงษ์ชูแก้ว รองประธานบริหาร บริษัท แคทส์ดอทคอม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเครือข่ายระบบสมาชิก เปิดเผยว่า บริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นมีนโยบายที่จะรุกตลาดขายตรงและระบบสมาชิกในเอเชีย โดยจะใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการรุกตลาดและไทยถือเป็นตลาดต่างประเทศแห่งแรกนอกญี่ปุ่นหลังจากที่ดำเนินธุรกิจในญี่ปุ่นมานานกว่า 10 ปีแล้ว
“ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดขายตรงนั้นมีการเติบโตที่ดี มีแนวโน้มที่ดีอย่างมากในอนาคต มีผู้ประกอบการขายตรงและระบบสมาชิกที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละรายก็ต้องหาจุดเด่นที่แตกต่างจากคนอื่นมาใช้ ซึ่งของแคทส์ดอทคอมของเราเองก็มีจุดแข็งทั้งระบบการทำงานและตัวสินค้า ที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งมั่นใจว่าตลาดประเทศไทยจะสามารถสร้างความแข็งแกร่งและเป็นฐานที่จะใช้รุกตลาดเอเชียได้แน่นอน” นายเอกวัฒน์กล่าว
เบื้องต้นนี้ได้เปิดบริษัทในไทยมาประมาณต้นปีนี้ ในรูปแบบขายสมาชิก อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ยื่นเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือสคบ. และอยู่ระหว่างการรอพิจารณาจากสคบ.เพื่อขอให้บริษัทดำเนินธุรกิจขายตรงได้ เพราะจะทำให้ตลาดกว้างกว่าเดิมที่ขายในระบบสมาชิกเท่านั้น:ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกประมาณ 800 ราย และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีสมาชิกประมาณ 10,000 ราย
ทั้งนี้การเข้าเป็นสมาชิกกับบริษัทฯสามารถแบ่งได้เป็น 3 รูปแบบคือ 1.ขั้นแรกแบบเอนโรวโบนัส (Enroll Bonus) ซึ่งถ้าสมาชิกสามารถแนะนำสมาชิกเครือข่ายและมีการสั่งสินค้าในรอบแรกจะได้รับโบนัส 10% ขึ้นไปในรอบแรก ขั้นที่สองคือ ยูนิเลเวล (Uni Level) ซึ่งจะมีหลายระดับแตกต่างกันไป และ ขั้นที่สามคือ ทีมโบนัสซึ่งจะเป็นลักษณะแบบผู้บริหาร
อย่างไรก็ตามนอกจากการขยายตลาดสู่การขายตรงแล้วนั้น บริษัทฯยังมีแผนลงทุนเปิดสำนักงานสาขาในต่างจังหวัดเมืองใหญ่ๆอีก เพื่อเป็นฐานในการรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น โดยในช่วง 2 เดือนจากนี้จะเปิดสาขาที่นครราชสีมาและหาดใหญ่ และอนาคตเตรียมเปิดอีกที่นครสวรรค์ด้วย
สำหรับสินค้าในกลุ่มแรกที่ทำตลาดตั้งแต่ต้นปีแล้วคือ 1.เสริมอาหาร ตัวแรกที่ทำตลาดคือแบรนด์ “มะโฮ” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเบต้ากลูแคนจากยีสต์ดำนำเข้าจากญี่ปุ่น เป็นตัวหลักในการทำตลาด มีลักษณะเป็นเจล ราคากล่องละ 4,000 บาท (ราคาสมาชิก 3,300 บาท/มี 30 ซองต่อ1กล่อง) บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดขายตัวนี้ประมาณ 250 ล้านบาท โดยใช้งบการตลาดประมาณ 50 ล้านบาท ส่วนแผนต่อไปนั้น อีก 2 เดือนจะเปิดตลาดอีก 2 แบรนด์คือ ไวท์ครอส แคลเซียมเสริมอาหารแคปซูล ราคาประมาณ 2,500 บาทขึ้นไป และกลุ่มสกินแคร์ แบรนด์ แคทส์ดอทคอม ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นขออย.ยังไม่สามารถจำหน่ายได้ต้องรอให้ได้รับอนุมัติก่อน ซึ่งสินค้าทั้งหมดนำเข้ามาจากโรงงานของบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น