นู สกิน ชี้พิษเศรษฐกิจพ่นภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธุรกิจขายตรงรับอานิสงส์ คนตกงาน- หาอาชีพเสริม แห่ตบเท้าทำธุรกิจสมาชิกนู สกินพุ่ง 25% เดินหน้าตอกย้ำให้ผลตอบแทนเหนือกว่าคู่แข่ง ดันปริมาณสมาชิกเพิ่ม 20%ทุกไตรมาส ด้านประเทศไทยจ่อคิวอัดฉีดผลตอบแทนเพิ่ม 1-2% พร้อมลั่นลุยแผนไตรมาส 3-4 เต็มสูบ สิ้นปีโต 15% จากรายได้ปีที่ผ่านมา 1,300 ล้านบาท
นางเมลิซ่า ทันโทโกะ คีอาโน่ ประธาน นู สกิน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบต่ออัตราการว่างงานที่เพิ่มมากขึ้น จากการปิดกิจการหรือลดขนาดคนลง โดยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของนู สกิน พบว่าปริมาณคนเข้ามาประกอบอาชีพขายตรงมีอัตราการเติบโต 25% อาทิ ในประเทศไทยช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีสมาชิกเข้ามาใหม่ 8,000ราย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาสมาชิกใหม่ประมาณ 6,000ราย กระทั่งปัจจุบันมีสมาชิกผู้ดำเนินธุรกิจขายตรง 2.3แสนราย
ขณะที่ในแง่รายได้เฉลี่ย 6 ประเทศเติบโต 8% โดยอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โตกว่า 10% สำหรับประเทศไทยเติบโต 5-6% (เป็นรายได้โดยประมาณการณ์) ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ดีในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนสิงคโปร์และบรูไนการเติบโตยังไม่มากนัก อย่างไรก็ตามนโยบายการตลาด เพื่อรองรับกับวิกฤตเศรษฐกิจ มุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนสมาชิกผู้ดำเนินธุรกิจขายตรง 20% ต่อไตรมาส ภายใต้การใช้กลยุทธ์ให้ผลตอบแทนเหนือกว่าคู่แข่ง
สำหรับวิสัยทัศน์นู สกิน คือ การเป็นบริษัทธุรกิจขายตรงที่เป็นผู้นำระดับโลก โดยให้ผลตอบแทนเหนือคู่แข่ง โดยนู สกินได้วางแนว 4 หลัก 1.การมุ่งพัฒนาทั้งตัวแทนจำหน่าย พนักงาน 2.การสร้างโอกาสให้กับสมาชิก 3.มุ่งกิจกรรมเพื่อสังคม และ4.นำเสนอนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ภายใต้การวางเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำตลาดในตลาดผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอย ล่าสุดทยอยเปิดตัวทรูเฟซ เอสเซ็นซ์ อัลตร้า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“กลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ จะสามารถเพิ่มยอดขายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าทั้งภูมิภาคฯ ได้รับผลกระทบจากความถดถอยทางเศรษฐกิจโลก แต่แนวโน้มการเติบโตของนู สกิน ยังเป็นที่น่าพอใจในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา”
นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เพื่อกระตุ้นจำนวนสมาชิกตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในประเทศไทย บริษัทใช้กลยุทธ์การให้ผลตอบแทน 43% ของยอดขายมากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ที่อยู่ในตลาด และยังมีแผนปรับเพิ่มขึ้น 1-2% นอกจากนี้เพิ่มความถี่ในการทำโปรแกรม 8-10 ครั้ง ซึ่งนำมาจากบริษัทแม่และแผนในประเทศเอง โดยพยายามจะดำเนินเป็นแต่ละไตรมาส ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนนักธุรกิจขายตรง
งบการตลาดปีนี้ใช้กว่า 130 ล้านบาท ควบคู่กับการโฟกัสผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพจากพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผิวพรรณด้านความกระชับเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มเป้าหมายก็มีกำลังการซื้อสูง โดยปีนี้วางแผนเปิดตัวสินค้า 1 ตัว ได้แก่ ”ทรูเฟซ เอสเซ็นซ์ อัลตร้า” นวัตกรรมใหม่ผลิตภัณฑ์ยกกระชับผิวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเปิดตัวแล้วในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ในเดือนกรกฎาคม เมื่อปีที่ผ่านมา
ล่าสุดเปิดตัวทรูเฟช เอสเซ็นซ์ อัลต้า ในไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมียอดจำหน่ายกว่า 10 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายโต 10% ต่อเดือน หรือสิ้นปีทรูเฟซ เอสเซ็นซ์อัลต้า มีสัดส่วนยอดขายประมาณ 10% ของยอดขายรวม สำหรับมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้ามูลค่า 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่ง 58% มอยส์เจอไรส์เซอร์ 22% และผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอย 14% อื่นๆ 6%
นางภคพรรณ กล่าวว่า บริษัทดำเนินการตลาดเชิงรุกในไตรมาส 3-4 เป็นหลัก เนื่องจากเป็นช่วงที่สร้างรายได้สัดส่วน 65-70% ซึ่งในช่วงดังกล่าวเน้นดำเนินแผนการตลาดเข้มข้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเตรียมใช้งบ 60% จากงบโดยรวม อย่างไรก็ตามมองว่าภาวะตลาดและกำลังซื้อของผู้บริโภค มีทิศทางดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา
สำหรับผลประกอบการนู สกิน ประเทศไทย ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 15% หรือเป็นการเติบโตมากกว่าตลาดธุรกิจขายตรงปีนี้คาดว่าการเติบโตมากกว่า 5% จากมูลค่า 4.3 หมื่นล้านบาท แต่ทั้งนี้การเติบโตของบริษัทต้องขึ้นอยู่กรณีที่เหตุการณ์ประเทศไทยอยู่ในภาวะปกติ การเมืองมีเสถียรภาพ น่าจะมีการเติบโตได้ตามเป้าหมาย จากในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ 1,300 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา นู สกิน มีผู้ทำธุรกิจขายตรงสร้างรายได้เติบโต 10% และมีสมาชิกผู้ทำธุรกิจขายตรงเข้ามาใหม่โต 10%
นางเมลิซ่า ทันโทโกะ คีอาโน่ ประธาน นู สกิน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบต่ออัตราการว่างงานที่เพิ่มมากขึ้น จากการปิดกิจการหรือลดขนาดคนลง โดยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของนู สกิน พบว่าปริมาณคนเข้ามาประกอบอาชีพขายตรงมีอัตราการเติบโต 25% อาทิ ในประเทศไทยช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีสมาชิกเข้ามาใหม่ 8,000ราย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาสมาชิกใหม่ประมาณ 6,000ราย กระทั่งปัจจุบันมีสมาชิกผู้ดำเนินธุรกิจขายตรง 2.3แสนราย
ขณะที่ในแง่รายได้เฉลี่ย 6 ประเทศเติบโต 8% โดยอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โตกว่า 10% สำหรับประเทศไทยเติบโต 5-6% (เป็นรายได้โดยประมาณการณ์) ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ดีในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนสิงคโปร์และบรูไนการเติบโตยังไม่มากนัก อย่างไรก็ตามนโยบายการตลาด เพื่อรองรับกับวิกฤตเศรษฐกิจ มุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนสมาชิกผู้ดำเนินธุรกิจขายตรง 20% ต่อไตรมาส ภายใต้การใช้กลยุทธ์ให้ผลตอบแทนเหนือกว่าคู่แข่ง
สำหรับวิสัยทัศน์นู สกิน คือ การเป็นบริษัทธุรกิจขายตรงที่เป็นผู้นำระดับโลก โดยให้ผลตอบแทนเหนือคู่แข่ง โดยนู สกินได้วางแนว 4 หลัก 1.การมุ่งพัฒนาทั้งตัวแทนจำหน่าย พนักงาน 2.การสร้างโอกาสให้กับสมาชิก 3.มุ่งกิจกรรมเพื่อสังคม และ4.นำเสนอนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ภายใต้การวางเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำตลาดในตลาดผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอย ล่าสุดทยอยเปิดตัวทรูเฟซ เอสเซ็นซ์ อัลตร้า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“กลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ จะสามารถเพิ่มยอดขายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าทั้งภูมิภาคฯ ได้รับผลกระทบจากความถดถอยทางเศรษฐกิจโลก แต่แนวโน้มการเติบโตของนู สกิน ยังเป็นที่น่าพอใจในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา”
นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เพื่อกระตุ้นจำนวนสมาชิกตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในประเทศไทย บริษัทใช้กลยุทธ์การให้ผลตอบแทน 43% ของยอดขายมากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ที่อยู่ในตลาด และยังมีแผนปรับเพิ่มขึ้น 1-2% นอกจากนี้เพิ่มความถี่ในการทำโปรแกรม 8-10 ครั้ง ซึ่งนำมาจากบริษัทแม่และแผนในประเทศเอง โดยพยายามจะดำเนินเป็นแต่ละไตรมาส ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนนักธุรกิจขายตรง
งบการตลาดปีนี้ใช้กว่า 130 ล้านบาท ควบคู่กับการโฟกัสผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพจากพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผิวพรรณด้านความกระชับเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มเป้าหมายก็มีกำลังการซื้อสูง โดยปีนี้วางแผนเปิดตัวสินค้า 1 ตัว ได้แก่ ”ทรูเฟซ เอสเซ็นซ์ อัลตร้า” นวัตกรรมใหม่ผลิตภัณฑ์ยกกระชับผิวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเปิดตัวแล้วในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ในเดือนกรกฎาคม เมื่อปีที่ผ่านมา
ล่าสุดเปิดตัวทรูเฟช เอสเซ็นซ์ อัลต้า ในไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมียอดจำหน่ายกว่า 10 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายโต 10% ต่อเดือน หรือสิ้นปีทรูเฟซ เอสเซ็นซ์อัลต้า มีสัดส่วนยอดขายประมาณ 10% ของยอดขายรวม สำหรับมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้ามูลค่า 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่ง 58% มอยส์เจอไรส์เซอร์ 22% และผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอย 14% อื่นๆ 6%
นางภคพรรณ กล่าวว่า บริษัทดำเนินการตลาดเชิงรุกในไตรมาส 3-4 เป็นหลัก เนื่องจากเป็นช่วงที่สร้างรายได้สัดส่วน 65-70% ซึ่งในช่วงดังกล่าวเน้นดำเนินแผนการตลาดเข้มข้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเตรียมใช้งบ 60% จากงบโดยรวม อย่างไรก็ตามมองว่าภาวะตลาดและกำลังซื้อของผู้บริโภค มีทิศทางดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา
สำหรับผลประกอบการนู สกิน ประเทศไทย ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 15% หรือเป็นการเติบโตมากกว่าตลาดธุรกิจขายตรงปีนี้คาดว่าการเติบโตมากกว่า 5% จากมูลค่า 4.3 หมื่นล้านบาท แต่ทั้งนี้การเติบโตของบริษัทต้องขึ้นอยู่กรณีที่เหตุการณ์ประเทศไทยอยู่ในภาวะปกติ การเมืองมีเสถียรภาพ น่าจะมีการเติบโตได้ตามเป้าหมาย จากในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ 1,300 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา นู สกิน มีผู้ทำธุรกิจขายตรงสร้างรายได้เติบโต 10% และมีสมาชิกผู้ทำธุรกิจขายตรงเข้ามาใหม่โต 10%