นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงราคาเนื้อสุกรแพงและปัญหาไข้หวัดหมูที่ระบาดในต่างประเทศ ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะนำปัญหาราคาสุกรแพงเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพรุ่งนี้ (28 เม.ย.) ซึ่งขณะนี้กรมการค้าภายใน กำลังเตรียมข้อมูลที่จะชี้แจงต่อ ครม.เกี่ยวกับราคาสุกรและปัญหาไข้หวัดหมูว่าจะส่งผลกระทบต่อภารบริโภคอย่างไร
สำหรับสาเหตุที่ทำให้สุกรราคาแพง เพราะเป็นไปตามฤดูกาล เนื่องจากอากาศร้อน ต้นทุนแพง ประกอบกับเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ผู้เลี้ยงรายย่อยส่วนใหญ่ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น จึงหยุดการจำหน่ายสุกรตามตลาดสดชั่วคราว และปีนี้สภาพอากาศค่อนข้างร้อน จึงทำให้สุกรโตช้า ซึ่งปีนี้คาดว่าสุกรจะหายไปจากระบบประมาณ 400,000 -500,000 ตัว จากที่แต่ละปีการบริโภคจะอยู่ที่ 17 ล้านตัว แต่จากปัญหาดังกล่าวทำให้เหลือเพียง 16.5 ล้านตัว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์สุกรขาดแคลนจะเป็นเพียงระยะสั้นประมาณเดือนเมษายน- พฤษภาคม หลังจากนั้นปริมาณการบริโภคหรือการจำหน่ายจะกลับมาปกติ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับจากปัญหาไข้หวัดหมูระบาดอาจมีผลทางจิตวิทยาทำให้ประชาชนลดการบริโภคลงบ้าง แต่กรมการค้าภายในจะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ แม้จะเกิด ปัญหาไข้หวัดหมู เพราะไทยเป็นผู้ผลิตสุกรในประเทศการนำเข้าสุกรจากต่างประเทศน้อยมาก และเชื่อว่าขณะนี้แม้จะนำเข้าบ้างกระทรวงสาธารณสุขก็จะมีวิธีป้องกันอย่างดี ดังนั้น สถานการณ์ราคาสุกรแพงน่าจะคลี่คลายลงภายในเดือนกรกฎาคมนี้ แต่เพื่อเป็นการลดผลกระทบให้กับผู้บริโภคที่ต้องซื้อเนื้อสุกรตามตลาดสดเฉลี่ย 115-120 บาทต่อกิโลกรัม และบางพื้นที่อาจจะสูงกว่านี้ หลังจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะจัดโครงการธงฟ้าราคาประหยัดในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ 80 ครั้ง จะนำหมูธงฟ้าไปจำหน่ายราคาถูกกว่าท้องตลาดประมาณ 70-80 บาทต่อกิโลกรัม
สำหรับสาเหตุที่ทำให้สุกรราคาแพง เพราะเป็นไปตามฤดูกาล เนื่องจากอากาศร้อน ต้นทุนแพง ประกอบกับเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ผู้เลี้ยงรายย่อยส่วนใหญ่ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น จึงหยุดการจำหน่ายสุกรตามตลาดสดชั่วคราว และปีนี้สภาพอากาศค่อนข้างร้อน จึงทำให้สุกรโตช้า ซึ่งปีนี้คาดว่าสุกรจะหายไปจากระบบประมาณ 400,000 -500,000 ตัว จากที่แต่ละปีการบริโภคจะอยู่ที่ 17 ล้านตัว แต่จากปัญหาดังกล่าวทำให้เหลือเพียง 16.5 ล้านตัว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์สุกรขาดแคลนจะเป็นเพียงระยะสั้นประมาณเดือนเมษายน- พฤษภาคม หลังจากนั้นปริมาณการบริโภคหรือการจำหน่ายจะกลับมาปกติ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับจากปัญหาไข้หวัดหมูระบาดอาจมีผลทางจิตวิทยาทำให้ประชาชนลดการบริโภคลงบ้าง แต่กรมการค้าภายในจะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ แม้จะเกิด ปัญหาไข้หวัดหมู เพราะไทยเป็นผู้ผลิตสุกรในประเทศการนำเข้าสุกรจากต่างประเทศน้อยมาก และเชื่อว่าขณะนี้แม้จะนำเข้าบ้างกระทรวงสาธารณสุขก็จะมีวิธีป้องกันอย่างดี ดังนั้น สถานการณ์ราคาสุกรแพงน่าจะคลี่คลายลงภายในเดือนกรกฎาคมนี้ แต่เพื่อเป็นการลดผลกระทบให้กับผู้บริโภคที่ต้องซื้อเนื้อสุกรตามตลาดสดเฉลี่ย 115-120 บาทต่อกิโลกรัม และบางพื้นที่อาจจะสูงกว่านี้ หลังจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะจัดโครงการธงฟ้าราคาประหยัดในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ 80 ครั้ง จะนำหมูธงฟ้าไปจำหน่ายราคาถูกกว่าท้องตลาดประมาณ 70-80 บาทต่อกิโลกรัม
