จับตาภาวะเงินเฟ้อเดือน เม.ย.พุ่ง หลังสินค้าจำเป็นหลายรายการขยับขึ้นราคาไร้สาเหตุ ทั้ง เนื่อหมู ไข่ไก ผัก และ มะนาว ผู้บริโภคโวยถูกซ้ำเติมภาระค่าครองชีพในยุค ศก.ฝืดเคือง “พาณิชย์” ยันราคาหมูยังไม่แพงเกินจริง
มีรายงานข่าวว่า ในเดือนเมษายน 2552 ภาวะเงินเฟ้อชั่วคราวอาจกลับมาอีก หลังราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นขยับขึ้นหลายรายการโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะกระแสข่าวที่ราคาเนื้องหมูหน้าเขียงที่ขยับไปถึงกิโลกรัมละ 130 บาท และราคามะนาวที่ขยับไปถึงลูกละ 15 บาท อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยมะนาวขนาดเล็กและกลางมีราคาผลละ 5-10 บาท ขณะที่พบว่า ไข่ไก่ และผักสด ก็มีราคาขยับขึ้นด้วย
รายงานข่าวระบุว่า การที่ราคามะนาวพุ่งขึ้นสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ในปีนี้ สาเหตุเกิดจากภาวะฤดูแล้งที่ทำให้ผลผลิตออกสู่ท้องตลาดน้อย เจ้าของสวนมะนาวในหลายพื้นที่ไม่สามารถเก็บผลผลิตได้ตามความต้องการของตลาด เป็นสาเหตุให้มะนาวมีราคาแพง โดยที่ผู้ขายผักในตลาดไม่ได้กำหนดราคาขึ้นเองเพื่อเอากำไรเกินควรแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ก็พบว่า ราคาผัก ราคาอาหารสด และราคาอาหารสำเร็จรูป ก็ขยับตัวสูงขึ้นเกือบทุกรายการ โดยผักสดปรับขึ้นมาหลายชนิด เช่น คะน้า มะนาว ข้าวสาร ไข่ไก่ เนื้อหมู ซึ่งผู้ค้าให้เหตุผลว่า ผลผลิตเสียหายจากภัยพิบัติและเกิดโรคระบาดทำให้ปริมาณมีน้อย รวมถึงอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานก็ปรับขึ้นมาก ไม่มีทีท่าจะลดลง
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ มีผู้บริโภคโทรศัพท์เข้ามาร้องเรียนเป็นจำนวนมาก หลังกระแสข่าวเนื้อหมู และราคามะนาวแพง แพร่สะพัดในช่วงเช้าวันนี้ โดยผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลเข้มงวดการดูแลราคาอาหารสด เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงราคาจำหน่ายหมูหน้าเขียง ขณะนี้ ที่กิโลกรัมละ 120-130 บาทนั้น ยังไม่ได้ถือเป็นราคาที่บิดเบือนกลไกตลาด เนื่องจากในขณะนี้ปริมาณผู้เลี้ยงหมูมีน้อยจากเศรษฐกิจที่แย่ลง และลูกหมูโตช้า ทำให้ราคาหมูเป็น หน้าฟาร์ม มีราคาสูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 59-60 บาท ในช่วงเดือนมีนาคม 2552 เป็นกิโลกรัมละ 63-64 บาท ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์หน้า จะมีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาหารือทั้งในส่วนของผู้เลี้ยง ผู้ชำแหละ และผู้ค้าปลีก เพื่อย้ำสูตรในการคำนวณราคาจำหน่ายเนื้อหมูที่เหมาะสมเพื่อให้เป็นธรรมกับผู้บริโภค แต่อย่างไรก็ตาม ทางกรมการค้าภายใน จะยังไม่มีการจำหน่ายหมูธงฟ้า เพราะยังไม่เห็นว่ากลไกตลาดถูกบิดเบือน
