เว็บไซต์ข่าวบลูมเบิร์ก รายงานสถานการณ์ในประเทศไทยว่า เข้าสู่วันที่ 4 ของการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงกลับมารวมตัวกันอีก หลังจากยุติการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ ขณะที่ตำรวจได้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำการชุมนุมคนอื่นๆ
บลูมเบิร์ก รายงานว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อวันทื่ 12 เมษายนจะยังดำเนินต่อไป จนกว่ากองกำลังรักษาความมั่นคงจะสามารถรับประกันว่าสถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว ทั้งนี้ การประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ทำลายโอกาสของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องยกเลิกการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงไดับุกเข้าไปยังสถานที่จัดการประชุมที่พัทยา
อย่างไรก็ตาม หลังการสลายตัวของผู้ชุมนุม ส่งผลให้ประชาชนในกรุงเทพฯ ออกมาฉลองวันหยุดและหลายคนออกไปเล่นสาดน้ำเนื่องในวันสงกรานต์ โดยเฉพาะที่ถนนข้าวสารได้มีการเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานทั้งคนไทยและต่างชาติ
สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น นอกจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง มูดีส์ สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ และฟิทช์ เรทติ้ง จะเตรียมลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยในเรื่องหนี้ต่างประเทศ เพราะการไร้เสถียรภาพทางการเมืองแล้ว ยังได้ทำลายรายได้จากการท่องเที่ยว ทำให้เงินทุนไหลออกอีกด้วย ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมจะประชุมร่วมกับผู้ประกอบการโรงแรม เพื่อหารืออนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่วนความหวังที่ว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาไทย 14 ล้านคน ก็ต้องตัดเป้าหมายลง เพราะความไม่สงบทางการเมือง
นอกจากนี้ บลูมเบิร์กยังระบุด้วยว่า หลังสถานการณ์สงบ บรรดาศูนย์การค้า เช่น ห้างเซ็นทรัล ได้กลับมาเปิดให้บริการตามปกติ และได้จัดรายการส่งเสริมการขาย เพื่อประตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคด้วย หลังจากต้องปิดบริการไปถึง 5 สาขา เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา
บลูมเบิร์ก รายงานว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อวันทื่ 12 เมษายนจะยังดำเนินต่อไป จนกว่ากองกำลังรักษาความมั่นคงจะสามารถรับประกันว่าสถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว ทั้งนี้ การประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ทำลายโอกาสของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องยกเลิกการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงไดับุกเข้าไปยังสถานที่จัดการประชุมที่พัทยา
อย่างไรก็ตาม หลังการสลายตัวของผู้ชุมนุม ส่งผลให้ประชาชนในกรุงเทพฯ ออกมาฉลองวันหยุดและหลายคนออกไปเล่นสาดน้ำเนื่องในวันสงกรานต์ โดยเฉพาะที่ถนนข้าวสารได้มีการเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานทั้งคนไทยและต่างชาติ
สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น นอกจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง มูดีส์ สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ และฟิทช์ เรทติ้ง จะเตรียมลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยในเรื่องหนี้ต่างประเทศ เพราะการไร้เสถียรภาพทางการเมืองแล้ว ยังได้ทำลายรายได้จากการท่องเที่ยว ทำให้เงินทุนไหลออกอีกด้วย ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมจะประชุมร่วมกับผู้ประกอบการโรงแรม เพื่อหารืออนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่วนความหวังที่ว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาไทย 14 ล้านคน ก็ต้องตัดเป้าหมายลง เพราะความไม่สงบทางการเมือง
นอกจากนี้ บลูมเบิร์กยังระบุด้วยว่า หลังสถานการณ์สงบ บรรดาศูนย์การค้า เช่น ห้างเซ็นทรัล ได้กลับมาเปิดให้บริการตามปกติ และได้จัดรายการส่งเสริมการขาย เพื่อประตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคด้วย หลังจากต้องปิดบริการไปถึง 5 สาขา เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา