xs
xsm
sm
md
lg

‘มูดีส์’ลดเครดิตเรตติ้งของ‘เบิร์กไชร์’ชี้‘บัฟเฟตต์’ขาดทุนทำให้บริษัทแย่ลง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ – มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือยักษ์ใหญ่ระดับโลก ประกาศปรับลดเครดิตเรตติ้งของ เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ อิงค์ จาก AAA ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ลงมาอยู่ที่ระดับ AA2 โดยให้เหตุผลว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความสูญเสียจากการลงทุนในกิจการประกันภัยของอภิมหานักลงทุน วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเพื่อการลงทุนและการประกันภัยแห่งนี้ ได้ทำให้สถานะทางการเงินของเบิร์กไชร์อ่อนแอลง
การประกาศปรับลดอันดับเครดิตของเบิร์กไชร์เมื่อวันพุธ(8) ทำให้ในบัญชีอันดับเครดิตของมูดีส์ไม่มีชื่อของบริษัทในธุรกิจการเงินติดอยู่ในกลุ่มที่มีอันดับเครดิตสูงสุด AAA เหลืออยู่เลยแม้แต่บริษัทเดียว
นอกจากปรับลดเรตติ้งของ เบิร์กไชร์ ที่เป็นบริษัทแม่ ลงมาอยู่ที่ระดับ AA2 ซึ่งเป็นระดับน่าลงทุนเป็นอันดับ 3 แล้ว มูดีส์ ยังได้ปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทในเครือของเบิร์กไชร์อีก 2 แห่งด้วย คือ ปรับลดอันดับเครดิตของ เนชั่นแนล อินเด็มนิตี้ คอมปานี ซึ่งดำเนินธุรกิจรับประกันต่อ จากอันดับน่าลงทุนสูงสุดลงมาอยู่ที่ระดับน่าลงทุนเป็นอันดับ 2 หรือ AA1 และปรับลดอันดับเครดิตของ เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ อินชัวแรนซ์ คอร์ป ซึ่งดำเนินธุรกิจประกันพันธบัตรลงมาอยู่ที่ระดับ AA1 เช่นเดียวกัน
การปรับลดอันดับเครดิตของเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์และบริษัทในเครือครั้งนี้ มีขึ้นเพียงเดือนเศษหลังจากเบิร์กไชร์รายงานว่า ผลกำไรจากการประกอบการเมื่อปีที่แล้วลดต่ำลง 62 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับเป็นผลประกอบการที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ บัฟเฟตต์ เข้ามาเป็นเจ้าของเบิร์กไชร์เมื่อ 44 ปีก่อน
มูดีส์แถลงว่า อันดับความน่าเชื่อถือในด้านแนวโน้มของบริษัทเหล่านี้ ยังอยู่ในระดับ “เสถียรภาพ” ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าจะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนอันดับเครดิตใหม่ในระยะ 12 ถึง 18 เดือนข้างหน้า
เมื่อ 4 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ฟิตช์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่อีกรายหนึ่งของโลกที่อยู่ในระดับรองลงมาจากมูดีส์และเอสแอนด์พี ก็ได้ประกาศปรับลดอันดับเครดิตของ เบิร์กไชร์ จากระดับ สูงสุด AAA ลงมาอยู่ที่ระดับ AA โดยให้เหตุผลว่า เบิร์กไชร์ ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิงก์ ในธุรกิจการเงินไม่ควรอยู่ในสถานะที่มีอันดับเครดิตสูงสุดอีกต่อไป และตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เบิร์กไชร์ กำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านการนำ ซึ่งเป็นนัยบ่งชี้ถึงกรณีที่ บัฟเฟตต์ ยังไม่ประกาศตัวบุคคลที่จะมาสืบทอดตำแหน่งของเขาอย่างเป็นทางการ ทั้งที่เขามีอายุถึง 78 ปีแล้ว
เวลานี้ จึงมีเพียงบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกเพียงแห่งเดียว คือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ที่ยังคงจัดอันดับให้ เบิร์กไชร์ อยู่ที่ระดับ AAA แต่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เอสแอนด์พี ก็ได้เปลี่ยนสถานะแนวโน้มในอนาคตของเบิร์กไชร์จากบวกเป็นลบ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอาจถูกปรับลดอันดับเครดิตลงในอนาคตอันใกล้นี้
สำหรับการจัดอันดับเครดิตของ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ เมื่อวันพุธ ได้มีการปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทธุรกิจประกันสินเชื่อรายใหญ่ในสหรัฐทั้งหมด โดยอ้างเหตุผลภาวะเสื่อมทรุดของตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งอยู่ในสภาพเลวร้ายกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
การปรับลดอันดับเครดิตของเบิร์กไชร์ ทำให้บัญชีการจัดอันดับเครดิตของมูดีส์ ยังเหลือบริษัทธุรกิจที่ได้รับอันดับเครดิตสูงสุด AAA อยู่เพียง 4 บริษัทเท่านั้น คือ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, เอ็กซอน โมบิล คอร์ป, ไมโครซอฟท์, และออโตเมติก เดตา โพรเซสซิ่ง อิงค์
นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า การปรับลดอันดับเครดิตของเบิร์กไชร์ ครั้งนี้สะท้อนถึงสิ่งที่นักลงทุนทั่วไปต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้ว นั่นคือไม่มีบริษัทใดรอดพ้นจากผลกระทบของวิกฤตการเงินครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษครั้งนี้ไปได้
ไมเคิล ฮอลแลนด์ ประธานบริษัท ฮอลแลนด์ แอนด์ โค. ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์กกล่าวว่า “นี่เป็นสภาพแวดล้อมทางการเงินที่วิกฤตที่สุดเท่าที่เคยประสบมาในชีวิต บริษัทธุรกิจการเงินทุกแห่งต่างก็ได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า รวมทั้งบริษัทของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ด้วย มูดีส์กำลังประกาศว่าเป็นเช่นนั้น เนิ่นนานทีเดียวหลังจากข้อเท็จจริงนี้ได้บังเกิดขึ้น”
ฌอน อีแกน กรรมการผู้จัดการบริษัทจัดอันดับเครดิต อีแกน-โจนส์ เรทติงส์ โค. ในเมืองเฮเวอร์ฟอร์ด มลรัฐเพนซิลเวเนียกล่าวว่า “ความเคลื่อนไหวของมูดีส์ครั้งนี้ไม่มีนัยสำคัญอะไรมากนัก แทบจะไม่ได้ทำให้เบิร์กไชร์ต้องสูญเสียโอกาสทางธุรกิจอะไรนัก”
คำแถลงของมูดีส์ระบุว่า ราคาหุ้นที่ตกต่ำลง ทำให้มูลค่าการลงทุนในพอร์ตของ เนชั่นแนล อินเด็มนิตี้ ลดต่ำลงตามไปด้วย ซึ่งยังผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลง ขณะที่รายได้กว่าครึ่งของเบิร์กไชร์มาจากธุรกิจประกันภัย
บัฟเฟตต์เข้าเป็นเจ้าของกิจการ เบิร์กไชร์ เมื่อปี 1965 เขาได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างจากการดำเนินธุรกิจสิ่งทอที่ประสบความล้มเหลว หันมาดำเนินธุรกิจประกันภัยและการลงทุนแทน จนทำให้เขากลายเป็นอภิมหาเศรษฐีที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ โดยมีทรัพย์สินเป็นมูลค่ากว่า 37,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณกว่า 1.3 ล้านล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น