บลูมเบิร์ก-เอสแอนด์พีเผย ความน่าเชื่อระดับ BBB+ของไทยอาจถูกลดระดับลง ขณะที่รัฐบาลไทยพยายามดิ้นรนฟื้นฟูความสงบจากเหตุรุนแรงและภาวะเศรษฐกิจถดถอย
คิม เอง ตัน ผู้อำนวยการของการจัดอันดับความเชื่อถือของรัฐบาลและการเงินของเอสแอนด์พี ซึ่งมีฐานอยู่ในสิงค์โปร์เผยวันนี้(13)ว่า มีโอกาสเด่นชัดที่จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทย โดยเขากล่าวว่า เอสแอนด์พี มีมุมมองด้านลบต่อระดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทย เนื่องจากยังคงมีความขัดแย้งทางการเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยังขาดสันติวิธีที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ความเสี่ยงใหญ่ที่สุดคือการแผ่ขยายความรุนแรง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ตันกล่าวระหว่างการสัมภาษณ์วันนี้ "นักลงทุนทั้งจากต่างชาติและในท้องถิ่นต่างกังวลในการลงทุนในประเทศไทย"
ผู้อำนวยการเอสแอนด์พีระบุว่า ในปีนี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของไทยจะหดตัว 2 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังไทย กรณ์ จติกวนิช ระบุว่า เศรษฐกิจไทยที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหดตัวราว 5 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรกของปีนี้ อาจจะหดตัวมากกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ถ้ารัฐบาลไม่ใช้งบประมาณ์กระตุ้นมากขึ้น
ไทยมีแผนจะใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.57 ล้านล้านบาท(44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)ตลอด 3 ปีข้างหน้านี้ โดยส่วนใหญ่จะลงทุนในโครงการระบบโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างงาน และกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังได้ใช้เงิน 116,700 ล้านบาทในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในการฝึกอบรบ การแจกเงินและงดภาษี
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการเอสแอนด์พีระบุว่า การใช้จ่ายดังกล่าวจะช้าลงอย่างแน่นอน เพียงเพราะรัฐบาลไม่มีเวลาจะผลักดันโครงการเหล่านั้นตามที่ต้องการ "การจัดอันดับของเรามองว่าต้องมีมาตรการตอบรับกับพัฒนาการเหล่านั้นที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสถานทางการเงินในอนาคต"
ทั้งนี้ เอสแอนด์พีลดอันดับแนวโน้มความน่าเชื่อของรัฐบาลไทยลงจากสถานะ"มีเถียรภาพ"เป็นในด้านลบ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ขณะที่มีการประท้วงขับไล่รัฐบาลชุดก่อนจนทำให้มีการปิดสนามบินนานนับสัปดาห์ ขณะที่มูดดี้ส์ก็ลดระดับจากระดับมีเสถียรภาพไปเป็นด้านลบในเดือนเดียวกัน โดยอยู่ที่ระดับ Baa1 ซึ่งเป็นระดับที่เหนือกว่าฟิลิปปินส์ 6 อันดับ เหนือกว่าอินโดนีเซีย 5 ระดับ
