ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "ทางรอดผู้ส่งออกไทย VS เศรษฐกิจของประเทศ" ว่า ระหว่างที่รอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นนั้น ต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการเพื่อเตรียมรับมือคนที่ต้องตกงานจากภาวะวิกฤต โดยเตรียมสร้างงานให้กับคนตกงานที่เริ่มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยการออกงบประมาณที่มาสร้างงานอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน รัฐบาลไม่ควรที่จะออกมาตรการใดๆ ที่ส่งผลในด้านลบ ทำให้ราคาสินค้าทางการเกษตรตกลง เช่น สมัยที่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สต็อกข้าวมามากเกินความต้องการ และไม่ยอมขายออกเมื่อราคาขึ้น เพราะหวังว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้นอีก จนส่งผลให้เกิดปัญหาข้าวค้างสตอกในปัจจุบัน และไม่มีใครออกมารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น
นอกจากนั้น รัฐบาลควรเร่งกระตุ้นไทยเที่ยวไทย ให้คนในประเทศหันมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น ประกอบกับควรเร่งให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศด้วย เพราะธุรกิจการท่องเที่ยวถือเป็นธุรกิจที่ดึงเม็ดเงินต่างชาติได้มากที่สุด และแนวทางสุดท้าย คือ รัฐบาลควรจัดรูปที่ดิน เพื่อให้คนตกงานกลับบ้านเกิดไปทำเกษตรแบบผสมผสาน ซึ่งเป็นรูปแบบการเกษตรที่จะสร้างรายได้ในระยะยาวแบบต่อเนื่อง ทำให้รากฐานเศรษฐกิจในประเทศแน่นและดีขึ้นได้เอง
ส่วนสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ มองว่าการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะไม่ซ้ำรอยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีการปิดสนามบิน หรือมีการปิดท่าเรือ โดยหวังว่าการชุมนุมครั้งนี้จะยุติแบบสงบโดยเร็ว ไม่อยากให้บานปลาย
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า สิ่งที่เรียกร้องในตอนนี้เป็นเรื่องอดีตทั้งหมด เป็นเรื่องปฏิวัติเมื่อปี 2549 เป็นสิ่งที่จบไปแล้ว จะมาถามมาพูดถึงอีกทำไม เพราะถ้ายอมรับหรือปฏิเสธก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี ไม่มีใครตอบได้ว่าการชุมนุมจะยืดเยื้ออีกนานแค่ไหน และทางออกการเมืองที่ดีที่สุดคืออะไร คงต้องภาวนาให้จบเร็วที่สุดเท่านั้น
นอกจากนั้น รัฐบาลควรเร่งกระตุ้นไทยเที่ยวไทย ให้คนในประเทศหันมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น ประกอบกับควรเร่งให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศด้วย เพราะธุรกิจการท่องเที่ยวถือเป็นธุรกิจที่ดึงเม็ดเงินต่างชาติได้มากที่สุด และแนวทางสุดท้าย คือ รัฐบาลควรจัดรูปที่ดิน เพื่อให้คนตกงานกลับบ้านเกิดไปทำเกษตรแบบผสมผสาน ซึ่งเป็นรูปแบบการเกษตรที่จะสร้างรายได้ในระยะยาวแบบต่อเนื่อง ทำให้รากฐานเศรษฐกิจในประเทศแน่นและดีขึ้นได้เอง
ส่วนสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ มองว่าการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะไม่ซ้ำรอยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีการปิดสนามบิน หรือมีการปิดท่าเรือ โดยหวังว่าการชุมนุมครั้งนี้จะยุติแบบสงบโดยเร็ว ไม่อยากให้บานปลาย
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า สิ่งที่เรียกร้องในตอนนี้เป็นเรื่องอดีตทั้งหมด เป็นเรื่องปฏิวัติเมื่อปี 2549 เป็นสิ่งที่จบไปแล้ว จะมาถามมาพูดถึงอีกทำไม เพราะถ้ายอมรับหรือปฏิเสธก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี ไม่มีใครตอบได้ว่าการชุมนุมจะยืดเยื้ออีกนานแค่ไหน และทางออกการเมืองที่ดีที่สุดคืออะไร คงต้องภาวนาให้จบเร็วที่สุดเท่านั้น