การประชุมร่วมรัฐสภาวันนี้ เป็นการพิจารณาร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น และร่างสัญญาเงินกู้ จำนวน 63,000 ล้านเยน หรือประมาณ 23,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลให้กระทรวงการคลังกู้ผ่านองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ หรือ ไจก้า ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.4 ต่อปี ระยะเวลาชำระคืน 25 ปี เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต อีกทั้งจำเป็นต้องลงนามภายในเดือนมีนาคมนี้ เนื่องจากเป็นช่วงสิ้นปีงบประมาณของญี่ปุ่น หากลงนามล่าช้าอาจกระทบวงเงินกู้ที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้แก่ประเทศไทย ทำให้โครงการนี้ต้องล่าช้าไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ในการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ แสดงความเห็นด้วยกับการกู้เงินดังกล่าว เพราะมีเงื่อนไขน้อย และเอื้อประโยชน์ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แต่เน้นย้ำให้ใช้วัสดุอุปกรณ์ และบุคลากรในประเทศ เพื่อให้เงินหมุนเวียนอยู่ในประเทศ รวมทั้งอยากให้มีการปรับลดราคาการก่อสร้าง เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันปรับลดลงแล้ว
ขณะที่ฝ่ายค้าน โดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า หากไม่มีรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 รัฐบาลไม่จำเป็นต้องรายงานให้รัฐสภารับทราบ และคงดำเนินการเรียบร้อยไปแล้ว แต่เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ควรทำให้ครบตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในส่วนของการรับฟังความเห็นของประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ แสดงความเห็นด้วยกับการกู้เงินดังกล่าว เพราะมีเงื่อนไขน้อย และเอื้อประโยชน์ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แต่เน้นย้ำให้ใช้วัสดุอุปกรณ์ และบุคลากรในประเทศ เพื่อให้เงินหมุนเวียนอยู่ในประเทศ รวมทั้งอยากให้มีการปรับลดราคาการก่อสร้าง เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันปรับลดลงแล้ว
ขณะที่ฝ่ายค้าน โดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า หากไม่มีรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 รัฐบาลไม่จำเป็นต้องรายงานให้รัฐสภารับทราบ และคงดำเนินการเรียบร้อยไปแล้ว แต่เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ควรทำให้ครบตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในส่วนของการรับฟังความเห็นของประชาชน