พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์นิตยสารซีอีโอ มิดเดิลอีสต์ ฉบับที่ 12 ประจำเดือนธันวาคม 2551 ว่า ไทยยังคงมีรัฐประหาร แต่เปลี่ยนรูปแบบจากรัฐประหารโดยกองทัพ มาเป็นรัฐประหารโดยตุลาการ ขณะเดียวกัน หวังจะกลับประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือคนยากจนและผู้สนับสนุน แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับพระราชทานอภัยโทษจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งถ้าไม่เป็นไปตามนั้น ก็จะใช้ชีวิตและทำธุรกิจในตะวันออกกลางต่อไป แต่หากได้กลับประเทศและมีโอกาสกุมหางเสือของประเทศ ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนสู่ประเทศไทยโดยเร็ว
นิตยสารซีอีโอ มิดเดิลอีสต์ ยังเอ่ยถึงชะตากรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา นับตั้งแต่การรัฐประหาร การซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ การต้องคำพิพากษาจำคุก 2 ปี จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงการหย่าขาดจากคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา และกรณี ที่อังกฤษอายัดทรัพย์สินจำนวน 140,000 ล้านบาท ซึ่งในเรื่องนี้อดีต พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า หลายเดือนมานี้ค่อนข้างยุ่ง เพราะตั้งใจจะแก้ปัญหาความยากจนโลกและช่วยจัดระบบสาธารณสุขของตะวันออกกลาง รวมถึงจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือประชาชนในเอเชียที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก
นิตยสารซีอีโอ มิดเดิลอีสต์ ยังเอ่ยถึงชะตากรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา นับตั้งแต่การรัฐประหาร การซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ การต้องคำพิพากษาจำคุก 2 ปี จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงการหย่าขาดจากคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา และกรณี ที่อังกฤษอายัดทรัพย์สินจำนวน 140,000 ล้านบาท ซึ่งในเรื่องนี้อดีต พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า หลายเดือนมานี้ค่อนข้างยุ่ง เพราะตั้งใจจะแก้ปัญหาความยากจนโลกและช่วยจัดระบบสาธารณสุขของตะวันออกกลาง รวมถึงจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือประชาชนในเอเชียที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก