ฮอนด้า มอเตอร์ แห่งญี่ปุ่น วันพุธ(17)ออกคำเตือนเรื่องผลกำไรไม่ได้ตามเป้าเป็นครั้งที่สามของปีนี้ โดยคราวนี้ประกาศลดประมาณการณ์กำไรจากการดำเนินงานลงอีกสองในสาม ด้วยเหตุผลเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่รุนแรงทำให้ยอดขายรถร่วงลงอย่างหนัก รวมทั้งยังถูกซ้ำเติมด้วยค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
จากการปรับประมาณการเช่นนี้ของฮอนด้า บริษัทรถยนต์อันดับสองญี่ปุ่น คาดหมายกันว่าน่าจะส่งผลให้คู่แข่งสัญชาติเดียวกันอย่าง โตโยต้า มอเตอร์ และนิสสัน มอเตอร์ต้องออกมาทำอย่างเดียวกันในไม่ช้า เพราะว่าทั้งสามรายล้วนประสบปัญหาในแบบเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเงินเยนที่แข็งค่าสูงสุดในรอบ 13 ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์
ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นเท่านั้น บริษัทรถยนต์ประเทศอื่น ๆก็ประสบภาวะยากลำบาก จนต้องมีการประกาศปรับโครงสร้าง ลดการลงทุนและเก็บเม็ดเงินเอาไว้ เพื่อฝ่าฟันวิกฤตครั้งร้ายแรงที่พวกตนกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งมาจากปัจจัยหลายๆ ประการ อย่างเช่น สินเชื่อตึงตัว และความต้องการซื้อรถยนต์ลดลงอย่างฮวบฮาบ
ในสหรัฐฯ เจเนอรัล มอเตอร์ส(จีเอ็ม) และไครสเลอร์ ต่างก็ยังรอความช่วยเหลือมูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐฯอยู่ เพื่อมิให้บริษัททั้งสองต้องประสบภาวะล้มละลาย
ขณะที่ สแตนดารด์ แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) หนึ่งในบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายยักษ์ของโลก แม้ยังคงเรตติ้งตราสารหนี้ระยะยาวของโตโยต้าไว้ในระดับสูงสุดคือ AAA ทว่าก็ปรับลดเรตติ้งสำหรับทิศทางอนาคตให้ลงมาอยู่ที่ระดับ "ติดลบ" จากที่เคยอยู่ในระดับ "คงที่" โดยให้เหตุผลว่าบริษัทไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากผลกระทบที่เกิดกับตลาดรถยนต์ทั่วโลกได้
จากการปรับประมาณการเช่นนี้ของฮอนด้า บริษัทรถยนต์อันดับสองญี่ปุ่น คาดหมายกันว่าน่าจะส่งผลให้คู่แข่งสัญชาติเดียวกันอย่าง โตโยต้า มอเตอร์ และนิสสัน มอเตอร์ต้องออกมาทำอย่างเดียวกันในไม่ช้า เพราะว่าทั้งสามรายล้วนประสบปัญหาในแบบเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเงินเยนที่แข็งค่าสูงสุดในรอบ 13 ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์
ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นเท่านั้น บริษัทรถยนต์ประเทศอื่น ๆก็ประสบภาวะยากลำบาก จนต้องมีการประกาศปรับโครงสร้าง ลดการลงทุนและเก็บเม็ดเงินเอาไว้ เพื่อฝ่าฟันวิกฤตครั้งร้ายแรงที่พวกตนกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งมาจากปัจจัยหลายๆ ประการ อย่างเช่น สินเชื่อตึงตัว และความต้องการซื้อรถยนต์ลดลงอย่างฮวบฮาบ
ในสหรัฐฯ เจเนอรัล มอเตอร์ส(จีเอ็ม) และไครสเลอร์ ต่างก็ยังรอความช่วยเหลือมูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐฯอยู่ เพื่อมิให้บริษัททั้งสองต้องประสบภาวะล้มละลาย
ขณะที่ สแตนดารด์ แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) หนึ่งในบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายยักษ์ของโลก แม้ยังคงเรตติ้งตราสารหนี้ระยะยาวของโตโยต้าไว้ในระดับสูงสุดคือ AAA ทว่าก็ปรับลดเรตติ้งสำหรับทิศทางอนาคตให้ลงมาอยู่ที่ระดับ "ติดลบ" จากที่เคยอยู่ในระดับ "คงที่" โดยให้เหตุผลว่าบริษัทไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากผลกระทบที่เกิดกับตลาดรถยนต์ทั่วโลกได้