xs
xsm
sm
md
lg

แกนนำพันธมิตรฯรุ่น1 - 2 ทิ้งทวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สำราญ-สวัสดีครับ ท่านผู้ชมครับ ท่านพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอต้อนรับเข้าสู่รายการพิเศษ เวทีของพันธมิตรฯ อย่างที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้พูดไปเมื่อช่วงที่แล้ว ผังรายการจากนี้ไป นับจากวันที่ 193 ของการต่อสู้ของพันธมิตรฯ เอเอสทีวี ทีวีของประชาชนก็จะปรับสภาพการณ์ให้สอดคล้อง ต้องย้ายเข้ามาที่ห้องส่ง แต่ว่า เนื้อหาสาระรูปแบบรายการ กล่าวโดยสรุปก็คือ ยังจะจำลองคล้ายกับเวทีการชุมนุม เพียงแต่ว่า เราอาจจะไม่มีท่านผู้ชม พี่น้องมานั่งอยู่เบื้องหน้า วันนี้ก็เลยแปลกนิดหน่อย โดยกล่าวว่า พ่อแม่ พี่น้องเอย ก็ไม่มีคนปรบมือให้ ก็ฝากถึงทางบ้านนะครับ ปรบมือได้นะครับ ตามใจชอบนะครับ เอามือตบมารับชมรายการนี้ได้นะครับ ตามสบายนะครับ
เอาละครับ ท่านผู้ชม พี่น้องพันธมิตรฯ ครับ วันนี้ เป็นวันแรก พรุ่งนี้ ประมาณ 3 ทุ่มจะเป็นคล้ายๆ แบบนี้ คือยกเวทีมาไว้ตรงห้องส่ง เนื้อหาสาระจะมีแกนนำสลับสับเปลี่ยนมาหมุนเวียนมาพูดจากกันบนเวที จนถึงเที่ยงคืนโดยประมาณ วันนี้จะใช้เวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมง ประเดิมวันแรกเป็นรายการพิเศษ ก็เชิญแกนนำบางส่วนที่ว่าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาวันนี้ ทั้งรุ่น 1 รุ่น 2 มากันอย่างพร้อมหน้า พร้อมตา มาพูดจากกันเป็นเรื่องแรกก่อนว่า 193 วันของการต่อสู้ ได้ผลอย่างไรบ้าง และจากนี้ไป เราจะเดินหน้าไปสู่หนใด เดินอย่างไร อับปรีย์ไป จัญไรมา และต่อมาอะไรจะมาอีก ต้องมาพูดจากัน ไม่อย่างนั้นพี่น้องจะมีคำถามมาก นอกเหนือจากนั้น ก็เป็นรายการอื่นๆ ซึ่งคุณสนธิได้แจกแจงไปแล้ว ก็คงจะได้รับทราบกันไปแล้ว
วันนี้มากัน พร้อมหน้า พร้อมตาพอสมควร ขาดเพียงบางท่าน เพราะมีภารกิจ แน่นอนครับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็มา คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข ก็มา อาจารย์พิภพ ธงไชย ก็มา อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ก็มา นี่ก็ครบแล้วรุ่น 1
รุ่น 2 นะครับ แกนนำ คุณศิริชัย ไม้งาม ก็มา คุณศรันยู วงษ์กระจ่าง ก็มา ผมเองก็วันนี้ ขอทำหน้าที่เป็นพิธีกรก็มา ขาดแต่คุณสาวิทย์ แก้วหวาน มีภารกิจ คุณมารีรัตน์ แก้วก่า ก็มีภารกิจ รวมทั้งคุณสุริยะใส กตะศิลา ก็ยังติดอยู่ที่งานศพ
ผมก็กราบสวัสดีทุกท่านนะครับ ทั้งรุ่น 1 รุ่น 2 ท่านพล.ต.จำลอง นะฮะ คุณตั้ว อาจารย์พิภพท่านก็มาจากงานศพใช่ไหมครับ

พิภพ - ครับ เพิ่งมาจากงานศพน้องโบว์

สำราญ - วันนี้จะไม่มีการปราศรัยกันยาวๆ แต่จะซักถามพูดคุยกันนะครับ ดังนั้นเรียนทุกท่านนะครับ ว่า ใครมีอะไรที่จะสอดแทรก เพิ่มเติมได้ ก็ใช้จังหวะในการที่จะพูดจาได้เลย โดยที่ผมไม่ต้องถามก็ได้นะครับ รวมทั้งท่าน พล.ต.จำลอง นะครับ ซึ่งท่านก็คงช่วยเก็บตกประเด็นให้ผมด้วยนะครับ และที่สำคัญที่สุดนะครับ พี่น้องครับ ท่านผู้ชมครับ คือ เราสู้มา 193 วัน เมื่อวานเราออกแถลงการณ์ฉบับที่ 27 เมื่อวาน วันก่อนนะครับ วันนี้ก็มีแถลงการณ์ปิดท้ายอีก 1 ฉบับ ท่ามกลางการต่อสู้ที่ยังไม่จบเบ็ดเสร็จ ยังไม่เด็ดขาด แต่เราต้องยุติการชุมนุมไว้ก่อน ด้วยเหตุและผลที่เรียนมาแล้ว วันนี้มีแถลงการณ์ฉบับใหม่ ซึ่งผมคิดว่า เป็นจากใจถึงใจ จากเราถึงพี่น้อง

(คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข อ่านแถลงการณ์)

สำราญ- ขอบพระคุณคุณสมศักดิ์นะครับ อ้าวพี่น้องปรบมือด้วยครับทางบ้านครับ ต้องกราบเรียนท่าน พล.ต.จำลอง ด้วยความเคารพนะครับ ว่าอาจจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้างว่าเราสูญเสียถึง 8 ชีวิต บาดเจ็บอีกครึ่งพัน พิกลพิการด้วยส่วนหนึ่งนะครับ กับสิ่งที่เราบรรลุ บางคนก็ สังคมที่ไม่เข้าใจเราก็นำไปเปรียบเทียบว่า มันคุ้มกันหรือเปล่า พล.ต.จำลอง เคยพูดบอกว่า เราไม่อยากให้เกิดขึ้นแต่เราโชคร้ายมากนะครับ อยากให้ พล.ต.จำลอง พูดอีกสักครั้งหนึ่งว่า สิ่งที่เราบรรลุกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นอย่างไร

จำลอง- เรามาชุมนุมกันตลอดระยะเวลายาวนาน ไม่มีใครเคยคิดนะครับว่า เราจะถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมถึงขนาดใช้อาวุธสงคราม และขณะที่เราเสียชีวิตไป ครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ก็มีคนนั่งดูเรา ทั้งๆ ที่เขามีหน้าที่โดยตรงในการปกป้อง 3 สถาบัน และในการรักษาความมั่นคงของประเทศ เขานั่งดูเฉยๆ ได้ ผมเห็นว่า เขานั่นแหละที่จะต้องออกมาช่วย แต่เขาก็เปล่า เป็นคนใจดำมากนะครับ บรรดาผู้ที่ผมกล่าวมาให้ฟัง ที่แท้แล้วชาวบ้านอย่างเรา ผมในฐานะชาวบ้าน ถึงแม้เป็นทหารมาก่อนแต่เกษียณมาแล้วก็มาทำหน้าที่ชาวบ้านธรรมดา ชาวบ้านธรรมดาไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงว่าจะต้องมาทำอย่างนี้ หน้าที่โดยตรงเป็นของคนอื่น แต่เมื่อเขาไม่ทำเราจะมานั่งงอมืองอเท้าก็ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเกิดวิกฤตของชาติขึ้นมา เราก็เลยต้องรวมตัวกันแล้วเราก็ประท้วงอย่างสงบ การประท้วงอย่างสงบนี้เขาทำกันทั่วโลกไม่ใช่ทำเฉพาะเมืองไทยเท่านั้น แล้วก็เป็นผลสำเร็จ ของเราก็เป็นผลสำเร็จ แต่ไม่น่าจะต้องถึงเสียชีวิตและเลือดเนื้อเลย นี่เป็นเรื่องที่น่าคิดมากเลยครับ ผมพูดเสมอๆ นะครับว่า พวกเราที่มาชุมนุมโชคร้าย โชคร้ายเพราะมาเจอรัฐบาลที่หน้าด้านที่สุด และมาเจอคนที่เขามีหน้าที่โดยตรงในการปกป้อง 3 สถาบัน และรักษาความมั่นคง ไม่ออกมาทำอะไรเลย นี่คือความโชคร้าย ถ้าเป็นประเทศอื่นไม่ต้องยาวนานมาถึง 193 วัน ก็เป็นไปตามที่ประชาชนออกมาคัดค้าน คือประชาชนที่ออกมาคัดค้านไม่ใช่สนุกสนาน ออกมาลำบากลำบน มานอนกลางดินกินกลางทราย เหมือนคนไร้ญาติขาดมิตร คนจรหมอนหมิ่น นอนที่ไหนก็ได้ กินที่ไหนก็ได้ ดูแล้วมันไม่น่ารื่นรมย์ แต่เราจำเป็นต้องออกมาทำเพราะไม่มีใครทำ ผมยังพูดอยู่เสมอเลยว่า ได้มีใครสักกลุ่มหนึ่งมาทำเรากลับทันที เราไม่ต้องการทำหรอก แต่ทีนี้เมื่อมันมีความจำเป็นเราก็ต้องออกมาทำ แล้วเรากำหนดวัตถุประสงค์ของการชุมนุมไว้อย่างชัดเจนนะครับ พูดแล้วพูดอีกอย่างแผ่นเสียงตกร่อง คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 แล้วก็เรียกร้องให้รัฐบาลหุ่นเชิดออกไป เพื่อนำไปสู่การเมืองใหม่ ที่เราหยุดการชุมนุมไปวันนี้ วันที่ 3 นี้ เพราะเนื่องจากว่า เราได้ครบทั้ง 2 อย่าง พร้อมมูลแล้ว ถ้าจะมีต่อ ก็ถามว่า อ้าวแล้วจะเอาอะไรอีก ก็ได้ครบทั้ง 2 อย่างแล้วนี่ เรียกร้องให้รัฐบาลหุ่นเชิด ไม่ใช่รัฐบาลเดียวนะ 2 รัฐบาล ออกไปเรียบร้อยแล้ว และถ้าเราไม่ออกมา ปกป้องรัฐธรรมนูญ ขบวนการยุติธรรมที่มีการพิพากษาไปนั่น ทำไม่ได้ ถ้ารัฐธรรมนูญที่เขาจะแก้ เขาจะแก้องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ไม่มีใครที่จะมาชี้ มาพิพากษาให้เห็นเด่นชัดอย่างที่แล้วมา ดังนั้น ไม่ใช่มาอวดตัว อวดตน หรืออวดพรรคพวก เป็นเพราะพวกเรามีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ที่ทำให้เกิดอะไรที่มันดีขึ้น
วันนี้ผมก็นั่งคุยกับผู้ใหญ่มาก ในวงการตุลาการ ท่านได้ยอมรับ ยอมรับว่า เป็นเพราะพวกเรา ท่านยังเป็นห่วงเลยว่า เอ ไม่ทราบว่าพวกเรานี้ หยุดไปแล้ว และไม่กลับมาอีกเลยอะไรมันจะเกิดขึ้น

สำราญ - คือที่สำคัญมากที่เห็นชัดเจน คือ พล.ต.จำลอง เชื่อมั่นว่า ถ้าเราไม่เคลื่อนไหวตั้งแต่วันแรก 25 พฤษภาคม ป่านนี้ รัฐธรรมนูญอย่างน้อยมาตรา 237 เรื่องพรรคการเมือง เรื่องการยุบพรรค เขาแก้เรียบร้อยแล้ว และการยุบพรรควันที่ 2 ก็จะไม่มี

จำลอง - นอกจากนั้น องค์กรอิสระ องค์กรที่เกี่ยวข้องกระบวนการยุติธรรมก็รื้อหมด ศาลรัฐธรรมนูญเขาก็จะไม่เอาไว้ ป.ป.ช.ก็จะไม่เอาไว้ นอกจากนั้นแล้ว ถ้ามาแก้รัฐธรรมนูญ โดยที่ยกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับมาใช้ อย่างฉบับที่จะเข้าไปเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ถ้าฉบับนี้มาแทนฉบับ 2550 ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะว่า ไม่มีข้อกำหนดที่รองรับสถาบันองคมนตรีเลย

สำราญ - สังคมก็ไม่รู้จะไปถึงไหนแล้วป่านนี้นะฮะ ถ้าไม่มีการเคลื่อนไหว ท่านใดจะมีไรเพิ่มเติมบ้างไหมฮะ คุณสมศักดิ์ อาจารย์สมเกียรติ พี่พิภพ มีไหมฮะ

สมเกียรติ - การประเมินรึเปล่า

สำราญ - ประเมิน

สมเกียรติ- ถ้าจะประเมินก็อยากจะเริ่มต้นการประเมินการชุมนุม ผมคิดว่า 4-5 ประการที่ควรได้รับการกล่าวถึงกัน และบันทึกไว้คือ การชุมนุมคราวนี้ ได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ระดับโลก ประวัติศาสตร์ระดับประเทศเรียบร้อยแล้ว ในระดับโลกคือไม่มีการชุมนุมไหนที่มันยาวขนาดนี้ ในระดับประเทศคือไม่มีการชุมนุมไหนที่มันทรงพลังขนาดนี้ และมีขบวนการใหม่ๆ เกิดขึ้นมาตลอด เราไม่เชื่อว่าเลย ว่าจะเกิดคำว่าดาวกระจาย เราไม่เชื่อเลยว่า จะเกิดการบุกที่สนามบิน ที่โทรทัศน์ ไปที่ใจกลางอำนาจรัฐ คือทำเนียบรัฐบาล เราไม่เคยคิดว่า เราจะปิดล้อมรัฐสภา เพราะฉะนั้น ไอ้พลังของการเคลื่อนไหวคราวนี้ มันถูกจารึกไว้ในประเทศไทยแล้ว เป็นประวัติศาสตร์ที่ครบถ้วนเลย ครบถ้วนทั้งทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และแหล่งเศรษฐกิจของชาติ และขณะเดียวกัน สื่อสารมวลชนที่บิดเบือนมันก็ถูกติดตามไปถึงแม้แต่กระทรวงการคลัง เพราะฉะนั้น การประมวลข้อนี้ ได้รับการจารึกไว้แล้ว ไม่ใช่เพียงยาวที่สุดนานที่สุดนะ อันที่ 2 เนี้ยะ การประเมินการชุมนุมคราวนี้ มีทุกรสชาติ มีทั้งถูกจับจำคุก
ท่าน พล.ต.จำลอง กับพี่ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ถูกตั้งข้อหากบฏก็มี แล้วก็ถอนข้อหากบฏเฉยๆ อย่างนั้นแหละ แล้วก็โศกเศร้าก็มี ยินดีก็มี เดี๋ยวก็รดน้ำศพ เดี๋ยวก็เฉลิมฉลองชัยชนะ รสชาติมันมีโดยตลอด มีกิจกรรมบันเทิงทำให้เกิดวงดนตรีเพลงใหม่ๆ มากมาย แล้วติดปากติดคำเลย แม่ยกพันธมิตร ออกมาออกมา เพลงพวกนี้เป็นใจกลางของงาน วัฒนธรรมใหม่ของภาคประชาชน อันนี้เป็นการประเมินอันที่ 2 ผมอยากจะประเมินไป 4 ข้อนะครับ
ข้อที่ 3 คือว่า ในวันนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ปักหลักสร้างฐาน ยกระดับไปสู่การสถาปนาการเมืองภาคประชาชนแล้ว แล้วการเมืองภาคประชาชนทรงพลังมาก ในความเห็นส่วนตัวของผม การเมืองภาคประชาชนภายใต้พันธมิตรและองค์กรแนวร่วม อย่างแถลงการณ์ยังขาดไปเรื่องสภาประชาชน มันมีพลัง ในความเห็นของผม มากกว่าพรรคการเมือง ลำพังให้พรรคการเมืองต่อต้านพวกพรรคทรราช หรือว่ารัฐบาลทรราชแก้รัฐธรรมนูญ มันต้านไม่อยู่ ต้องใช้การเมืองภาคประชาชนมา เพราะฉะนั้นฐานะทางประวัติศาสตร์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พลังมันมากกว่าพรรคการเมือง มันมากกว่า 6-7 พรรคที่ดำรงอยู่ในรัฐสภาและในคณะรัฐมนตรี ผมต้องถือว่าในวันนี้ ไม่ใช่มายกย่องอะไรกันนะครับ การเมืองภาคประชาชนได้รับการชูสูงเด่นแล้ว และเป็นสถาบันจะดูแคลนไม่ได้อีกแล้วอำนาจรัฐ แม้แต่แถลงการณ์ออกมาแต่ละฉบับ เพียงแต่บอกว่าจะไปตรงนั้น ดาวกระจายไปตรงนั้น วิ่งหนี้จ้าละหวั่นก่อนเลย ทั้งๆ ที่ไม่ไป เพราะฉะนั้นพลังอันนี้ผมถือเป็นการออกแบบใหม่ ที่เราเรียกว่า การเมืองใหม่ กระบวนการประชาชนใหม่

สำราญ- อาจารย์คิดว่าการเมืองใหม่ คำว่า การเมืองใหม่ ซึ่งเรายังไม่ลงรายละเอียด แต่ว่าหลักกิโลเมตรแรกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ลงหลักแล้ว

สมเกียรติ- เขาเรียกว่า ตอกเสาเข็มขึ้นคานแล้ว รอวันที่จะหาอะไรมามุงแต่งให้บ้านนี้สวยงาม แล้วในขณะเดียวกัน อยู่ในนั้นเราก็สร้างบ้านนี้ไม่เสร็จ ยุ่ง มันสั้นมีหลายงาน เดี๋ยวประชุมการเมืองใหม่ เดี๋ยวอะไร แล้วอันสุดท้ายที่ผมอยากประเมิน เป็นม็อบที่น่าพิศวงมาก คือว่า ม็อบพึ่งตนเอง และมุ่งมั่นจะเอาชนะด้วยหลักอหิงสาปราศจากอาวุธ ไม่น่าเชื่อเลยว่าการบริจาคมันเกิดขึ้นโดยเต็มใจมาเอง เสียเงินเอง บริจาคตั้งแต่หลัก 6-7 หลักลงมาจนมาถึงหลักร้อย แล้วก็การระดมทุนแบบนี้ การระดมทุนแบบนี้มันเป็นการระดมทุนเพื่อสถาปนาการเมืองใหม่ และต้องการโค่นล้มอะไรบางอย่างที่ถือเป็นอุปสรรค หรือเป็นวิกฤตการณ์ของชาติ แล้วการยืนหยัดของอหิงสา ได้รับการพิสูจน์ว่า อหิงสาชนะได้ ตรงนี้สำคัญมาก อหิงสาต่างจากอาวุธชนะได้ แม้จะมีการเบี่ยงเบนไปบ้าง ล้ำเส้นไปบ้าง แต่ก็ไม่เลยธงไปเท่าไหร่ ไม่เลยเส้นไปเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น 4 ประการ ผมอยากประเมินว่า ในความเห็นผม การต่อสู้คราวนี้ สร้างผลสั่นสะเทือนต่อสังคม เราจะละเลยคำว่า พันธมิตร องค์กรแนวร่วม ไม่ได้แล้ว เราจะดูแคลนไปว่า ผู้ก่อความไม่สงบ ผู้ไม่ประสงค์ดี ผู้ก่อการร้าย จะเป็นในประเทศหรือสากล หรือม็อบมาปิดล้อม ไม่ได้แล้ว มันเป็นฐานะหนึ่งของการเมืองภาคพลเมือง หรือการเมืองภาคประชาชนที่ควรจะได้รับการตราไว้ในประเทศไทย ในฐานะประวัติศาสตร์ส่วนหน้าที่ได้รุกคืบไปสู่การเปลี่ยนผ่านสังคมนี้แล้วครับ

สำราญ- ถ้าพูดให้คำโตหน่อย ไม่โตมาก ก็คือ การเคลื่อนไหวเที่ยวนี้ก็มีฐานะทางประวัติศาสตร์ที่แน่นอนแล้ว คุณพิภพคิดว่า ถามแบบชาวบ้านคือ คุ้มไหม บรรลุไหม บรรลุจริงหรือเปล่า

พิภพ- คือคุ้มในการ ในแง่มองในแง่พัฒนาทางการเมือง ผมคิดว่าในช่วงร้อยกว่าวันมันก้าวกระโดดมาก ก้าวกระโดดจนกระทั่งพรรคการเมืองเองก็ตามไม่ทัน ไม่ใช่เฉพาะพรรคไทยรักไทยเก่า ที่มาเป็นพรรคพลังประชาชน หรือพรรคมัชฌิมา หรือพรรคชาติไทย พรรคชาติไทยนี่ คุณบรรหารตามไม่ทัน หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ก็ตามไม่ทัน คุณอภิสิทธิ์นี่เก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะขยับก้าวยังไงให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของภาคประชาชน อันนี้น่าสนใจมาก
และอันที่ 2 นักวิชาการก็ตามไม่ทัน นักวิชาการตามไม่ทันในความก้าวหน้า หรือการพัฒนาของความคิดของการเมืองภาคประชาชน โดยเฉพาะ ไม่ใช่เฉพาะชนชั้นกลางเท่านั้น มาจากทุกสาขาอาชีพ นักวิชาการแตกเป็นเสี่ยงๆว่า จะแสดงจุดยืน วิเคราะห์ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างไร ตามไม่ทันจริงๆ มันเห็นชัดเลยว่า งานวิจัยทั้งหมดของนักวิชาการล้มเหลวหมด ไม่สามารถให้คำตอบกับการเปลี่ยนในสังคมช่วงนี้ได้ พร้อมกันนั้น นักวิชาการที่ไม่ได้ทำงานวิจัย หรือทำงานวิจัยไปแล้ว มาวิเคราะห์สังคมโดยไม่เข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมือง

สำราญ - อันนี้ต้องพลิกตำรากันหลายเล่มเลย

พิภพ- พลิกเลย งานนี้พลิกกันอย่างที่เรียกว่า เอ่อ มหาศาล เพราะฉะนั้นนักวิชาการเนี้ยะ เป็นครั้งแรกที่นักวิชาการถูกปฏิเสธ และถูกดิสเครดิต ไม่มีความหมายเลย

สำราญ - ยกตัวอย่างรูปธรรมซักอันได้ไหม เดี๋ยวไม่เห็นภาพ

พิภพ- ยกตัวอย่างเช่น นักวิชาการไม่สามารถวิเคราะห์ให้ออกได้ว่า การที่พลัง คือการรวมตัวกันทุกกลุ่มอาชีพอันเนี้ยะ มันเกิดจากอะไร และมันกำลังจะขับเคลื่อนไปสู่อะไร และนักวิชาการก็ตกใจมาก คิดว่า พันธมิตรฯ ล้าหลัง เพราะเกาะติดอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ นักวิชากาคิด แต่พวกเดียวเนี้ยะการเกาะติดอยู่กับการรักษาสถาบันกลับสามารถสร้างการเมืองใหม่ได้ ซึ่งนักวิชาการสร้างไม่ได้ในเรื่องการเมืองใหม่ นักวิชาการคิดไม่ออก คือความเป็นนักวิชาการ พยายามจะคิด ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างไร คราวนี้ 193 วัน มันกระโดดมากเลยในเรื่องการเมืองใหม่ และมันกระโดดจากกระบวนการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน หรือ ความเข้มแข็งของภาคประชาชน ซึ่งคลานต้วมเตี้ยมมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับ 2540

สำราญ - ผมขอแทรกนิดเดียว ผมขออนุญาต นักวิชาการบางกลุ่ม หรือทั่วไป เท่าที่สังเกตดูคือว่า มองว่า ม็อบเที่ยวนี้คือม็อบเสื้อเหลือง คือม็อบที่ปกป้องสถาบันอย่างเดียว ไม่ได้มีเนื้อหาทางประชาธิปไตย ทางรัฐธรรมนูญอะไรแบบนี้ เขามองว่าตรงนู้นเป็นหลัก และสุดท้าย คุณพิภพกำลังบอกว่า จริงๆ แล้ว 2 อย่างมันไปด้วยกันได้เลย ไปพร้อมกันด้วย

พิภพ -ใช่ ไปพร้อมกันเลย มันดูเหมือนว่า การที่ไปผูกติดอยู่กับเสื้อเหลืองก็ดี หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ดี ดูว่าจะล้าหลัง จริงๆคือก้าวหน้า และถ้าเทียบกับตะวันตกแล้ว สถาบันพระมหากษัตริย์ในตะวันตก ได้ผูกติดกับประชาธิปไตย แต่นักวิชาการไม่เข้าใจ นึกว่าการผูกติดกับสถาบันพระมหากษัตริย์จะไม่เป็นประชาธิปไตย มันกลับกันเลย กลับปรากฏว่า คนที่ผูกติดกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ กลับมีความเป็นประชาธิปไตย ขณะที่คนที่ไปผูกติดกับประชาธิปไตยแบบการเลือกตั้ง กลับมีความล้าหลัง มันกลับกันเลย และนักวิชาการก็ไปผูกติดกับการเลือกตั้งว่า เป็นประชาธิปไตย กลายเป็นความล้าหลัง และนักวิชาการคิดว่าตัวเองดูดี ที่ผูกกับระบบการเลือกตั้ง มีการเลือกตั้งและมาเป็นรัฐบาล แต่นักวิชาการไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่า แล้วการเลือกตั้งมันให้คำตอบอะไรกับประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ และให้คำตอบอะไรกับความล้าหลังและความก้าวหน้าทางการเมืองของสังคมไทย อันนี้ซิ

สำราญ - ผมว่า นี่แหละฮะ ท่านผู้ชม พี่น้องพันธมิตรฯ ทางบ้าน เป็นประเด็นหนึ่งนะ เอาอาจารย์พิภพมาคนเดียวและพูดชั่วโมงครึ่งยังได้ เรื่องปรากฏการณ์ที่มันเกิดขึ้นแบบนี้ และมันเกิดคำถามทางวิชาการมากมาย ซึ่งยังตอบไม่ได้ หรือบางคนตามไม่ทัน

พิภพ - ขออีกนิดเดียวคุณสำราญ คนอาจจะตกใจ หรือแปลกใจ เพราะคนไทยปกติ มักจะสงวน สงวนแสดงความคิดในที่สาธารณะ สงวนที่จะแสดงจุดยืนในที่สาธารณะ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทุกกลุ่มได้แสดงจุดยืนและความคิดทางสาธารณะถึงแม้จะตรงข้ามกัน หรือบางครั้งอาจจะเหมือนกัน บางคนมองว่านี่เป็นความแตกแยกในสังคม ผมคิดว่าไม่ใช่ แต่เป็นครั้งแรกที่คนไทยได้ผ่านขั้นตอนในการจะไม่แสดงตัวตนในที่สาธารณะ เป็นการแสดงตัวตนในที่สาธารณะ แต่ปัญหาที่เราจะต้องแก้ต่อไปก็คือ การแสดงตัวตนในที่สาธารณะ จุดยืนในที่สาธารณะที่แตกต่างกัน จะต้องไม่เกิดความแตกแยก อันนี้กลายเป็นโจทย์ใหญ่ของคนไทยในขณะนี้แล้ว ผมคิดว่ามันจะพัฒนาไปได้จะไม่แตกแยก

สำราญ- พอดีเลยผมกำลังจะถามคุณพี่สมศักดิ์ คือเราโดนกล่าวหามากว่าจริงๆ แล้วสังคมแตกแยกอยู่แล้ว แต่พอมา พันธมิตรเคลื่อนไหว 193 วัน ก็มีเสียงกล่าวหาว่าพันธมิตรทำให้สังคมแตกแยกหนักยิ่งขึ้น หาว่าเราเป็นตัวการ จริงไหมครับ

สมศักดิ์- คืออันนี้ต้องปฏิเสธ นี่เป็นห่วง ประเทศเราต้องสอนวิธีปรัชญา ในยุโรป มัธยมต้นเขาสอนวิชาปรัชญาแล้ว ของเราบางทีปริญญาตรียังไม่ได้เรียนวิชาปรัชญา คือวิชาว่าด้วยการใช้เหตุและผล อะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผล อันนี้ไม่เข้าใจ ประเด็นที่มีปัญหาก็คือว่า รัฐบาลโกง ทุจริต แล้วเราถูกสอนให้คนทำความดี ให้เห็นกับส่วนรวม การทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ดี ประธานองคมนตรีก็เคย ป๋าเปรมเคยเป็นนายแบบใช่ไหม การทุจริต การคอร์รัปชั่นคือการทำลายชาติ รัฐบาลทักษิณเคยประกาศว่า การทุจริตจะเป็น เขาเรียกว่าทำสงครามกับการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่สุดท้ายทำเอง ตามรัฐธรรมนูญบอกว่า เรามีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับชาติ อันนี้มาตรา 87 และถ้ารัฐบาลทำผิดรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นไปตามวิถีทาง เราก็มีสิทธิ์ต่อต้านโดยสันติวิธี นี่มาตรา 69 แล้วเราใช้อำนาจหน้าที่ตามมาตรา 70 ประชาชนปวงชนมีหน้าที่ปกป้องพิทักษ์รักษาไว้ ผมอยากให้ทุกคนอ่านรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มาตรานี้จำไว้ ผมท่องทุกคน

สำราญ- มาตรา 70

สมศักดิ์- ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราดูกระบวนการระบอบทักษิณ เขาเรียกว่า ทำความผิดครบวงจร เรื่องเอาอำนาจอธิปไตยไปให้ต่างประเทศ ผิดกฎหมายอาญา กรณีเขาพระวิหาร ศาลพิพากษาแล้วนะ เรื่องที่ดินรัชดา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาแล้วผิดชัดแล้ว แล้วก็เรื่องศาลรัฐธรรมนูญ ก็พิพากษาแล้วว่า ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย เมื่อก่อนเรากล่าวหานะ เรากล่าวหา วันนี้พิสูจน์แล้วว่าข้อกล่าวหาเราเป็นเรื่องจริง เพราะศาลมีคำพิพากษาแล้วว่า พรรคพลังประชาชนก็โกงการเลือกตั้ง แล้วที่นี้คนไม่ต้องออกมาทำอะไรหรอ แล้วออกมาทำให้แตกแยก ถ้าอย่างนั้นพลเมืองดีก็อยู่ไม่ได้ ใครจะปล้นบ้านปล้นเมือง ใครจะจุดไฟเผา อย่าไปจับนะเดี๋ยวจะแตกแยกกับโจร ไปจับผู้ร้ายทำให้แตกแยก โจรจะโกรธ โจรก็ยิงเรา และวันนี้ที่เราปกป้องตามหน้าที่ของคนไทย อย่างที่กล่าวมาแล้ว เราก็ถูกโจรยิง เข่นฆ่าเรา ฉะนั้นอย่ามากล่าวแบบคนที่ไม่มีความรู้เพียงพอ หรือด้อยความรู้ ว่าการชุมนุมทำให้เสียชีวิต การชุมนุมโดยสงบมันจะเสียชีวิตได้อย่างไรเพราะมันไม่มีอาวุธ ที่มันยิงมาจากข้างนอก ผู้ร้ายที่คนไม่หวังดีต่อประเทศชาติ เพราะกาลครั้งนี้ ผมสมมุติให้ชาวบ้านเข้าใจว่า โจรกำลังจะลักทรัพย์ แต่วันนี้มันปล้นทรัพย์ของแผ่นดิน ของชาติ ของประเทศ ทำลายสถาบันที่อยู่กับประเทศไทยเป็น 800-900 ปี เมื่อเราออกมาทำหน้าที่อย่างนี้มันก็ยิงเรา เราก็บาดเจ็บและตาย การตายไม่ใช่เกิดจากการชุมนุมโดยสงบ เกิดจากการทำร้ายของพวกอาชญากรรม อาชญากรของแผ่นดิน แต่เมื่อรัฐบาลชั่วมันก็ไม่มีใครไปดำเนินคดีอะไร นี่ฆ่าคนกลางกรุงจับไม่ได้สักคนเดียว พูดจาบจ้วงสถาบัน วันนี้ไม่ถูกลงโทษสักคนเดียว ใช้เวลาสอบสวนนานมาก ถ้าพี่น้องบอกว่า ประชาชนบอกว่า เราอย่าไปโวยวายนะ ใครจะลักของขโมยของ เดี๋ยวจะทะเลาะกัน ทุกคนหยุดหมด ถ้าเป็นอย่างนี้บ้านเมืองก็ไปสู่วิกฤตและมากกว่านี้ ฉะนั้นการที่ทุกคนออกมาทำหน้าที่นั้น อย่าสับสน อย่าไปไขว้เขวกับพวกนักวิชาการที่ผมบอกว่า ผมไม่ให้เครดิตเลย แล้วคนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์เป็นนักวิชาการได้ เพราะสอบตกวิชาปรัชญาเบื้องต้น ผมยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า พวกนี้อาจจะตอบไม่ถูกด้วย ถนนเปียกเพราะฝนตก หรือว่าฝนตก ทำให้ถนนเปียก ผมถามแค่เนี้ยะ ผมเชื่อ พวกนี้ตอบผิดหมด ตอบผิดหมดเลย ไม่รู้อะไรเป็นเหตุเป็นผล ถามพวกนี้รับรอง พวกนี้ตอบไม่ได้ เพราะความรู้ด้านนี้ไม่มี และ 1 อคติ คือจะโจมตี หน้าอย่างพี่จำลองเนี้ยะ อาฆาตเรื่องไรไม่รู้ เพราะแกไม่กินเนื้อ กินอะไรเนี้ยะโกรธ และไม่โกงไม่กินเนี้ยะโกรธ อาบน้ำ 4-5 ขันไม่เกี่ยวกับใครเลย ตามล่าตามล้าง ไม่ได้มองเลย ว่า เขามาทำอะไรที่ไหน เมื่อไร และเพื่ออะไร

สำราญ - เดี๋ยวมาถามเพิ่มในรอบหน้า ไปที่คุณศิริชัย นิดนึง คุณศิริชัย ตอน กฟผ.ต่อต้านการแปรรูป ปี 47 สู้กันกี่วัน

ศิริชัย - ผม จริงๆ สู้จนถึงแปรรูป 437 วัน แต่ถ้าม็อบทำจริงๆ ประมาณเกือบๆ 6 เดือนนะ

สำราญ - ชุมนุมจริงๆ เกือบ 6 เดือน

ศิริชัย - แต่ถ้าพูดถึงพันธมิตรฯ ชุมนุมตลอด 24 ชั่วโมง แล้วเป็นการชุมนุมที่เข้มข้นมากกว่า กฟผ. กฟผ.อาจชุมนุมเข้มข้นได้แค่ 2-3 เดือน แค่นั้นเอง จากนั้นก็ลดเวลาชั่วโมงลง

สำราญ - คือไม่ 24 ชั่วโมง

ศิริชัย - ไม่ 24 ชั่วโมง เสาร์ อาทิตย์หยุด เกือบๆ 6 เดือน

สำราญ - ประเมินดูแล้ว ตอนเที่ยวนี้ รอบนี้ 43 สหภาพแรงงานวิสาหกิจเข้าร่วม เขาพูดจากันอย่างไรบ้างครับ พี่น้องภาครัฐวิสาหกิจ

ศิริชัย - คือต้องยอมรับครับว่า จริงๆ แล้วสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจมองเรื่องการบริหารราชการ ภายใต้พรรคไทยรักไทยและมาพรรคพลังประชาชนเนี้ยะ เราเห็นแล้วว่า กำลังทำให้ประเทศชาติไปสู่ความเสียหายอย่างแน่นอน ถึงทำให้การเข้าร่วมของสมาพันธ์ กับพันธมิตรฯ เป็นไปด้วยความเอกภาพ ไม่ลังเล เพราะเราถือว่า ขบวนของแรงงานได้รับผลกระทบจากนโยบายของระบอบทักษิณ การนำรัฐวิสาหกิจไปขาย นี่คือเป็นประเด็นสำคัญ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐวิสาหกิจที่เป็นแหล่งทำมาหากินของนักการเมือง นี่คือ 2 เรื่อง

สำราญ - คิดว่า พี่น้องภาครัฐวิสาหกิจพอใจไหมกับเราบรรลุ 2 ประการ ที่พล.ต.จำลองกล่าว และออกแถลงการณ์ไปแล้ว เรื่องรัฐธรรมนูญก็ตาม เรื่องการไล่รัฐบาลหุ่นเชิดก็ตาม พอใจไหม

ศิริชัย - ผมคิดว่าพอใจ และรู้สึกดีใจที่ได้มีการเข้ามาทำงานร่วมกับประชาชน ผมเชื่อในเรื่องของมดงาน ส่วนใหญ่จะมีกองทัพธรรม และมีในส่วนของสมาพันธ์ ที่ได้รับมอบหมายอะไร ผมคิดว่า ทั้งสาวิทย์ แก้วหวาน และผมหรือ พี่สมศักดิ์ ในส่วนของพวกเราแรงงาน และมีทีมงานอีกเยอะ พยายามมุ่งมั่นว่า ที่เขามอบหมายให้ ควรที่จะทำให้บรรลุในหลายเรื่อง ก็ต้องยอมรับว่า หลายเรื่อง เราก็ทำอย่างพี่น้องได้เห็น ความมีพลังของคนรัฐวิสาหกิจ แต่บางส่วน บางครั้งไม่พอใจ ไม่ทันใจ อย่างเช่น กรณีมาตรการบางอย่างที่จะเกี่ยวกับไฟฟ้า ประปา เป็นหน่วยงานราชการ ก็ต้องอธิบายกันเยอะ

สำราญ - ถ้าย้อนเวลาไปได้ คุณศิริชัย คิดว่า 43 รัฐวิสาหกิจสหภาพ ยังยืนยันที่จะเข้าร่วมไหม

ศิริชัย - ผมคิดว่ายืนยัน เพราะมันทำให้เห็นแล้วว่า ผลลัพท์ที่ได้รับและมีการแถลงการณ์ และคนที่เข้ามาร่วมมันมีพลัง แต่ยอมรับว่า บางสหภาพจะต้องพัฒนา จะต้องคิดในเรื่องการมีส่วนร่วมต่อสู้ แต่ที่เข้มข้นขึ้นถ้าเข้าร่วมมากและดีขึ้น ผมคิดว่า เป็นพลังมหาศาล

สำราญ- ไปที่คุณตั้ว ศรันยูนิดหนึ่ง จะถามยังไงดีคุณตั้ว คือคุณตั้วต้องยอมรับ ผมคุยกับคนไม่ทราบท่านอื่นเห็นอย่างไร คือร้อยทั้งร้อยสิโรราบให้กับคุณตั้ว คือยอม ยอมใจคุณตั้วว่าเที่ยวนี้มาสุดตัว แล้วก็มาด้วยหัวใจ และเป็นพระเอกตัวจริง คำถามเดียวกัน ถ้าย้อนเวลาจะเข้าร่วมไหมครับ

ศรันยู- ถ้าย้อนเวลาก็เข้าร่วมเด็ดขาดครับ ชัดเจนคือไม่ได้ลังเลอะไรเลยครับ พอเห็นและเข้าใจสิ่งที่มันเป็นเราก็มุ่งหน้าไปเลย เพียงแต่ว่าระยะเวลาการต่อสู้ที่มันยาวมันค่อยๆ บอกเราเองว่าเราทำอะไรได้บ้าง จากเริ่มต้นไปเป็นหนึ่งประชาชน พอไปอยู่ตรงนั้น มันเป็นการชุมนุมที่แต่ละคนเอื้อกันว่าใครทำอะไรได้ ช่วยเหลือแบ่งเบาอะไรกันได้ยามที่ท้อแท้ใครให้กำลังใจกันได้ มันจะขับออกมาเองว่าใครควรจะไปอยู่ตรงไหน ใครควรจะไปอยู่ในหน่วยไหน ช่วยเหลือตรงไหน มันพาไปเอง ผมก็ไปอยู่ในจุดที่ผมทำอะไรได้ผมก็ทำ แล้วมันก็พามุ่งไปอย่างนั้นเอง โดยที่ไม่ได้คิดอะไร

สำราญ- สุดท้ายก็มาเป็นแกนนำรุ่น 2 ด้วย

ศรันยู- ครับ ผมว่ามันทำให้คนกล้าขึ้น เหมือนอย่างที่ทุกท่านพูด ที่ชัดคือ ประชาชนเริ่มเห็นชัดว่าตัวเองมีพลังแค่ไหน มารวมกันแล้วมันเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง แล้วคนกล้า กล้าที่จะรู้ว่าเสี่ยงต่ออันตราย เสี่ยงต่อชีวิต เสี่ยงต่อการถูกระเบิด เสียใจก็เสียใจ รู้ว่าเสี่ยง แต่ยังยืนหยัดต่อโดยที่ไม่ลังเลเลยที่จะอยู่ตรงนั้น

สำราญ- ประทับใจอะไรที่สุด 193 วัน

ศรันยู- ประทับใจน้ำใจประชาชน นี่เป็นสิ่งเดียว สมมุติว่าที่สำราญถามว่า ถ้าย้อนไปจะมาอย่างนี้ไหม ตัวเองมา ถ้าไม่ได้การเชื่อมโยงการตอบรับจากประชาชนที่เป็นแบบนี้มันอาจจะมีบางช่วงที่ท้อที่ถอย สิ่งหนึ่งที่มันเติมให้กันก็คือ สายตา แววตา ความรู้สึกของพี่น้องประชาชน เวลาเจอ เวลาคุยกันที่เราสัมผัสได้ มันยิ่งเพิ่ม ในทุกๆ วันยิ่งเพิ่มว่าทิ้งตรงนี้ไปไม่ได้ ยิ่งต้องอยู่ ต้องอยู่

สำราญ- ฟังดูเหมือนว่า 193 วัน ไม่มีวันใดที่หัวใจแฟ่บฝ่อเลยนะครับ

ศรันยู- ไม่มีครับ ถ้าถึง 194 วันนี้ 194 ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

สำราญ- สำราญขอคารวะ มาถึงเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง มีคนแซวเยอะ เดี๋ยวนี้เราโดนฟ้องเยอะ สำราญกลายเป็นคนรวย การบินไทยฟ้องอีก 2 หมื่นล้าน ฟ้อง 12 คน ต้องเรียนถาม พล.ต.จำลอง พี่น้องเป็นห่วง ทำเนียบก็ดี คดีนู้นคดีนี้อีรุงตุงนังไปหมด สุวรรณภูมิมันจบแล้วหรือยัง พี่น้องกังวล พวกเราถูกล่ามขา ทำให้พวักพะวงแล้วมันจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร อยากให้ พล.ต.จำลอง ช่วยแจกแจงเรื่องตรงนี้นิดหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเรามาแสดงให้เห็นว่าเราทุกข์ร้อนมากไม่ใช่ เพียงแต่ว่าให้พี่น้องได้คลายกังวล

จำลอง- วิกฤตของชาติที่เกิดขึ้น คือเขาจะแก้รัฐธรรมนูญแล้วก็รัฐบาลที่ขึ้นมาบริหารบ้านเมืองทำความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผิดกฎหมายก็จะทำซะอย่างใครจะว่ายังไง ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเขาได้นอกจากการชุมนุม ผมพูดได้เต็มปาก ในฐานะที่ผมก็เคยเป็นนักการเมืองมา เป็นทั้งนักการเมืองจากการแต่งตั้ง 2 ครั้ง จากการเลือกตั้งผ่านมาก็ 2 ครั้ง ไม่มีอย่างอื่นที่จะมายั้งได้ ถ้ายั้งได้โดยสภาเราจะออกมาทำไม ก็ให้สภาว่าไปก็จบไม่เห็นต้องลำบากเดือดร้อนเลย ออกมาแล้วมันต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างที่เคยรู้ ดังนั้น ด้วยความจำเป็นจริงๆ ถึงได้ทำ มักจะมีคำถามอยู่เรื่อย แล้วเมื่อไรจะหยุด เราบอกว่า ถ้ามันจำเป็นก็ต้องทำ ถ้ามันหมดความจำเป็นเราก็หยุด เราได้ตามที่ เราเห็นแล้วว่า สามารถแก้ไขปัญหาของชาติได้ เราก็หยุดอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เราประกาศไปแล้วเราก็หยุดตั้งแต่วันนี้ ถูกต้องแล้ว และเขาฟ้องเราทำไง ผมก็บอกไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง ที่เขาดีใจที่เราหยุด ไม่ว่าจะเป็นสำนักนายกฯ หรือการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยก็ตาม ยังบอกเขาเลยว่า ยังไงก็ตาม คุณต้องคิดนะ ที่เรามาทำเนี้ยะ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเลย เปรียบเทียบว่า รัฐบาลตรงกันข้าม ของเราไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง แต่ละคนไม่มีไรเสีย พวกพ้องคือพันธมิตรฯ นับแสนนับล้านคน ไม่มีใครได้ ใครเสียทั้งนั้น เมื่อเรามาทำเพื่อประโยชน์ของชาติ ทำสำเร็จและคุณก็ได้ด้วย ถึงแม้คุณไม่ได้ออกมาร่วมกับเราก็ตาม เพราะงั้นถ้าจะฟ้องร้องอะไรก็ คิดดูให้ดีว่า เราไม่ได้มาทำเพื่อตัวเราเอง เรามาเสียสละอย่างงี้ แต่ฟ้องก็ฟ้อง ไม่เป็นไร เราก็เตรียมแล้ว

สำราญ - ที่พล.ต.จำลอง พูดเมื่อวันก่อน อะไรนะ ขอรับแต่คนเดียวคือยังไง ขออีกซักครั้งหนึ่ง พวกเราจะได้สบายใจ

จำลอง - คุณสำราญ ถามแทนนะ เดี๋ยวพี่น้องประชาชนไม่รู้ คุณสำราญก็นั่งประชุมอยู่ด้วย คือ เรามีการไปชมการเข้าทำเนียบเอย ไปดอนเมืองเอย ไปสุวรรณภูมิเอย ก็มีการเสนอกัน และมีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ว่า ถ้ามันจะเกิดจะต้องจ่ายเงินขึ้นมาทำไงดี ผมก็เห็นว่า ผมเป็นคนที่น่าจะเป็นคนจ่ายมากที่สุด คือธรรมเนียมไทย ผู้ใหญ่ต้องช่วยผู้น้อย ผู้ใหญ่ต้องเลี้ยงเด็ก ไม่ใช่ให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยส่งส่วยให้ผู้ใหญ่ อันนี้ไม่ใช่ คือ ผมเห็นว่า ผมอายุมาก ผมอายุ 74 มากกว่าเขาอย่างน้อย 10 กว่าปีขึ้นไป และผมก็พร้อม อยากฟ้องเท่าไรฟ้องมาเลย ผมก็อาสากับคณะในฐาะที่เป็นคนร่วมคิดด้วย และเป็นคนตั้งใจว่า เออ เราต้องไปอยู่ที่นั่น เราต้องไปคิดที่นั่นให้ได้ เพราะฉะนั้น ก็ตรงตามที่การท่าอากาศยานที่ร้องต่อศาล ร้องต่อศาลว่า ให้ 13 คน ร่วมกันชดใช้ หรือ แทนใช้ คือใครคนใดคนหนึ่ง รับชดใช้แทนได้ ซึ่งผมได้ปรึกษากับทนายเรียบร้อยว่า ทำงี้ทำได้ ถูกต้อง ตกลงว่า คุณสำราญก็ไม่ต้องเดืดดร้อน ใครไม่ต้องเดือดร้อน ขอรับคนเดียว ขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียว ไม่ใช่หาญว่า รวยมาก เพราะมันไม่มีอะไรจะให้ฟ้อง

สำราญ - ที่ถาม เพราะว่า อีกด้านเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่หน่อย จะได้สบายใจขึ้น แต่คดีใหม่ บอร์ดบินไทย สบช่องธุรกิจเจ๊ง สั่งฟ้องพันธมิตรฯ 20,000 ล้าน ข่าวเมื่อตอนบ่ายวันนี้ ต้องเรียนท่านผู้ชม พี่น้องพันธมิตรฯทางบ้าน ว่า การท่าก็ส่วนการท่า แต่การบินไทยก็ส่วนการบินไทย คนละองค์กรกัน ทีนี้การบินไทยฟ้องอีก 20,000 ล้าน ผมดูแล้ว 12 นี่ ถ้าแพ้คดีนะ คุณพิภพต้องเกิดอีก 500 ชาติก็ใช้ไม่ได้

พิภพ-พันชาติ

จำลอง - 13 คนนะ ผมอยากถามหน่อย อ่านหรือเปล่า แจ้งหมายนะ ผมอ่านแล้วผมก็สงสัย

พิภพ- ผมยังไม่ได้กลับบ้าน

จำลอง - อ่อ ไม่มีใครอ่านซักคน มีผมอ่านคนเดียวมั้ง ปกติแล้วเราจะต้องรู้ใช่ไหมอีก 12 คนคือใคร แต่เราเดาถูก เอาผมเป็นหัวจั่วเลย เห็นว่าผมอายุมากที่สุดมั้ง พล.ต.จำลอง และคณะ รวม 13 คน 13นะครับไม่ใช่ 12

สำราญ- การบินไทยไม่แน่ แต่การท่า 13 การท่าคนละอันกับการบินไทยนะครับ

พล.ต.จำลอง- การบินไทยอาจจะเอาเฉพาะ 5 คน

สำราญ- เห็นว่า 12 คน

ศิริชัย- มาแค่ 5 คนครับ ชุด 2 ไม่ต้อง

สำราญ - 5 คนหรอ ชุด 2 ไม่ต้องรอดตัวไป เอาเป็นว่านี่คือ สปิริตและน้ำใจของ พล.ต.จำลอง แสดงถึงภาวะการนำด้วย พี่น้องคงคลายกังวลได้ว่า จะติดคุกไหม ทั้งแพ่งทั้งอาญา มาถึงคำถามที่สำคัญผมคิดว่า อ.สมเกียรติ ต้องวิสัชนานิดหนึ่ง ที่ผมได้เกรินไป ซึ่งไม่ได้เป็นคำพูดจาที่หยาบคายอะไร อัปรีย์ไปจัญไรมา ภาษาทั่วไปที่เขาพูดกัน คือเราไล่มาแล้ว 2 รัฐบาล 3 รัฐบาลทั้งคุณทักษิณด้วย สมัคร สุนทรเวช ลงไปแล้ว สมชายก็ลงโดย ลงไปแล้วเมื่อวันที่ 2 โดยกระบวนการตุลาภิวัฒน์แล้วก็ภาคประชาชนด้วย คำถามคือ ถ้าดูหน้าเสื่อหน้าไพ่ ต่อไปก็เฉลิมมาอีก หรือชัย ชิดชอบ มาอีก หรือ เสธ.เปีย พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย มาอีก หรือไม่ก็มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อะไรทำนองนี้ พี่น้องเลยกลัดกลุ้ม เป็นความทุกข์ใหม่ อ.สมเกียรติ พอจะคลายกังวลตรงนี้ได้นิดหน่อยไหมครับ

สมเกียรติ- ก็คงคลายกังวลได้ว่า ถ้ารัฐบาลชุดนี้คำนึงถึงความรับผิดชอบและมารยาททางการเมือง เขาต้องจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นที่ยอมรับ เพราะว่าขนาดศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาทั้ง 3 พรรคในพรรคร่วมรัฐบาลว่า เป็นพรรคที่โกงการเลือกตั้ง แล้วเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แล้วยังจะมาหน้าด้านจัดตั้งรัฐบาลอีก มันเป็นเรื่องใหญ่มาก คล้ายๆ ไม่สำนึกในคำพิพากษาของศาล ยังตะแบงไปหารังใหม่แล้วมาจัดตั้งรัฐบาล ผมว่าประชาชนคงยอมยาก เมื่อประชาชนได้กลั่นตัวเอง 190 กว่าวัน เป็นการเมืองภาคประชาชนขนาดใหญ่แล้ว พลังมหึมา ตอนนี้ไม่มีนกหวีดแล้วครับ เพียงแต่ป่าวประกาศว่า มันไม่เหมาะสมแล้ว นัดหมายกันจะเอาระดับดาวกระจาย หรือระดับปิดล้อม หรือระดับปักหลักพักค้าง ศัพท์ของท่าน พล.ต.จำลองนะครับ หรือจะเอาระดับไหนบอกมาเลยทำได้ทุกระดับ เพราะพลังของมวลชนตอนนี้มันเป็นพลังที่หนักเหมือนขุนเขา หนักมากแล้วมีพลังมาก แต่พลังนักวิชาการเบาโหวงเลยตอนนี้ เสนออะไรไปไม่มีน้ำหนักเลย เบาดุจขนนกเลย พลังของนักธุรกิจ พูดก็ไม่มีใครฟัง สังเกตไหมหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคารไทย ชี้นำสังคมไม่ได้เลย ทำหน้าที่อย่างเดียวว่า ฉันเสียหาย ฉันเสียหายเท่าไหร่ที่ส่งสินค้าออกต่างประเทศไม่ได้ ฉันกระทบเท่าไหร่ แต่เรื่องชาติมีอยู่ในสมองหรือเปล่าไม่รู้ มีแต่เรื่องส่วนตัว ส่วนรวมเรื่องชาติกระทบอย่างไรไม่เห็น แล้วก็พลังของสื่อมวลชนเบา สื่อมวลชนบางฉบับแถลงการณ์ประณามเรา เหล่าองค์กรสื่อแถลงการณ์ประณามเรา สื่อมวลชนกลับกลายเป็นป้อมค่ายที่มาทำลายเรา แสดงว่าพลังสื่อในวันนี้สูญเสียการชี้นำสังคมแล้ว มีแต่เอาพลังเล็กๆ น้อยๆ มาบอกว่า การ์ดของเราทำรุนแรงกับคนที่เข้ามาในบริเวณชุมนุม แต่พอลงระเบิดเอ็ม 79 บอกไม่รุนแรง พอเราบุก NBT ประณาม พออีกกลุ่ม เสื้อแดงบุก NBT ที่เชียงใหม่ ขอเรียกร้องไม่ประณาม พอเราไปจัดการสลายตำรวจที่ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ ประณาม มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนประณามเรา 3 ครั้ง มีแถลงการณ์ประณาม 3 ครั้ง แต่พอตำรวจมาสลายเราไม่ประณาม พอประชาชนไปสลายแล้วไม่เจ็บประณาม พอเราตาย 8 คนไม่ประณามสมน้ำหน้า แสดงว่า พลังวิชาการ พลังสื่อ พลังนักธุรกิจ และพลังข้าราชการ โดยเฉพาะทหาร มึนงงสงสัยตัวเอง ไปไม่เป็นเลยทหาร ต้องออกลาดตระเวนร่วมกับกัมพูชา หาเห็ด หาหอยไป มันทำอะไรมากไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นพลังที่หนักอย่างขุนเขา ที่เราเรียกว่าการเมืองภาคประชาชนเนี้ยะ มันจึงตั้งป้อมที่จะจัดการสิ่งแปลกปลอม ใช้คำว่าสิ่งแปลกปลอม อัปปรีย์ไปจัญไรมา คุณสุรวิทย์ วีรวรรณ ถามผมว่า อาจารย์จะใช้คำว่าอะไร ยังคิดไม่ออก แต่จะเอาคำว่า เสนียด กลับคืนหรือไร มันมีคำว่า เสนียดจัญไรและอัปรีย์ มันมี 3 ฝัก แต่ในทางวิชาการ ภาษาไทยที่เรียนมา ต้องมาร้อยคำให้ดี มันเป็นเสนียดอย่าง
แล้วพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และต่างประเทศทราบไหมว่า ใน 197 ประเทศ มีประเทศ ไทยประเทศเดียวที่ ทำให้นายกฯไม่มีโอกาสเข้าทำเนียบรัฐบาล สมชายไม่เคยเข้าไปทำงานในทำเนียบรัฐบาลได้เลย จนสิ้นอายุขัย นับแต่วันได้รับโปรดเกล้าฯ จนถึงวันสิ้นอายุขัยกลายเป็นนายกฯ ที่ไม่มีรัง และเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ ตามสภาพการณ์ ฝนตกที่ไหน อึ่งอ่างร้องที่นั่น ถ้าตรงไหนไม่ตกลงไปอยู่ในรู เพราะฉะนั้น ปรากฏการณ์เหล่านี้ ผมคิดว่า คนจะมีมาใหม่อย่างที่คุณสำราญบอกว่า คนนี้มา คนนี้มา คิดหนักเลย คิดหนักว่า จะฝ่าข้ามการเมืองภาคประชาชน

สำราญ - เขาคิดหนักยังไง แต่เขาจะดันแล้วนี่ 8-9 จะเปิดวิสามัญ และเขาจะฉกฉวยโอกาสตรงนี้ อาจารย์คิดว่าทันไหม

สมเกียรติ - ผมไม่อยากวิเคราะห์ในแง่กฎหมาย เพราะว่าขณะนี้ยังมีปมเงื่อนทางสังคมอยู่ 2 ปมเงื่อน ปมเงื่อนแรก ส.ส.ระบบสัดส่วน สัดส่วน จำนวนมากกว่า 40 คน ย้ายพรรคใหม่ได้หรือไม่ อันนี้ปมเงื่อนที่จะนำไปสู่การตีความของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และมีคำวินิจฉัยออกมา ปมเงื่อนที่ 2 พอยุบพรรคแล้ว ประธานรัฐสภา คุณชัย ชิดชอบ กำลังไม่มีพรรคทำหน้าที่ประธานรัฐสภาได้หรือไม่ ทำหน้าที่สนองบรมราชโองการเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้หรือไม่

สำราญ - หรือ ส.ส.ที่เคว้งอยู่

สมเกียรติ- ส.ส.ที่เคว้งอยู่ เป็นปมเงื่อนทางกฎหมาย แต่มีรายการ 3 เกลอขี้หมาไรนะ วันที่ 8 จะโหวตนายกฯแล้ว ผมว่า ไม่ได้โหวตนายกฯไรหรอกครับ มันคงขู่ไรไปเรื่อยๆ ให้เห็นภาพเฉยๆว่า 8-9 นี้ไม่ง่ายเลย มันฝ่าด่านศาลรัฐธรรมนูญไปอีก 2 ครั้งกว่าจะทำได้ ลองคิดดู คุณชัย ประธานรัฐสภา ผู้รับสนองบรมราชโองการ โปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คุณรับสนองได้ยังไง เออ จริงเว้ย ผมไม่มีพรรค ยังเข้าพรรคใหม่ไม่ได้ เอาจริงเว้ย รัฐบาลไม่มีพรรคตำแหน่งหลุดหรือเปล่า ข้อกฎหมายทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอย่างเราเรียนรู้กฎหมาย ก็ระดับพอเข้าใจได้ ไม่ถึงขั้นที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็เลยพูดทิ้งไว้ว่า มันยังมีปมเงื่อนไข

สำราญ - เหมือนที่นั่งคุยข้างนอกเล่นๆ ว่า ถ้าผมเป็น ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ผมอยากไปเป็น ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์จะได้ไหม เรามองเห็นความยุ่งยากอยู่ ไม่ง่าย

สมเกียรติ - ยุ่งยากมากในสภา ความยุ่งยากมากที่จะฝ่าด่านศาล ความยุ่งยากมากถึง เมฆฝนครึ้มของพันธมิตรฯ ที่ประกาศจะกลับมาอีก จะกลับมา ตอนนี้ม้วนเสื่อกลับบ้านชั่วคราว มันยังเป็นม้วนเดียวอยู่ และยังนั่งอยู่ พูดให้มีไรนะ ไม่เครียดเกินไป

สำราญ - แสดงว่าม้วนของท่านจำลองยังไม่จบใช่ไหม

จำลอง- ม้วนนึงเนี้ยะจะยาวเท่าไร ไม่ถึงเดือน เสร็จแล้วก็ 11 วัน เท่านั้นเอง เราประกาศวันที่ 21 ใช่ไหม วันที่ 21 ว่าเรามารวมตัววันที่ 23 จนกระทั่งถึง วันที่ 2 ก็ 10-11 วันเท่านั้นเอง

สมเกียรติ - หารือกับท่านตลอด ท่านบอกว่า 30 พ.ย.เนี้ยะ วงในนะ ผ่านมาแล้ว ถึงกล้าพูด นั่งใกล้ท่านพล.ต.จำลอง 30 พ.ย. จบ ปักธงได้ เออเร่อมา คลาดเคลื่อนมาแค่ 3 วัน แค่ 2 วัน ปักธงได้เลยเนี้ยะ การไรเนี้ยะ การพยากรณแบบมีเหตุมีผลและขับเคลื่อนขบวนการประชาชนไป ไม่ได้เหลือเวลานั้นเลย

สำราญ - แต่ผมตั้งใจไว้ว่า 199 วัน

สมเกียรติ - ไม่ถึง มาไม่ถึง

สำราญ- บางทีก็เครียดคุยกันสนุกสนาน

พล.ต.จำลอง- ไม่เป็นไรครับไปชุมนุมเดี่ยวก็ได้

สำราญ- ปักหลักพักค้างคนเดียวให้ครบ 199 วัน ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่ อ.สมเกียรติ พูดมา คือเพื่อให้เห็นภาพคร่าวๆ ว่า มันไม่ง่าย วันที่ 8 ที่ 9 เขาฝันจะตั้งนายกฯ ให้ได้ ประเภทม้วนเดียวจบตามสไตล์ของเขา มีทั้งความยุ่งยากหลายด้าน แล้วอีกด้านหนึ่ง ถ้าพูดอย่างให้ความเป็นธรรมเขานิดหนึ่ง ไม่ได้แย้ง อ.สมเกียรติ นะ ผมฟังภาคธุรกิจเองนะ หลายส่วนเขามองเห็นตรงนี้อยู่ เขาบอกถ้าหุ่นเชิดมาอีกตายแน่ประเทศนี้ พันธมิตรก็ต้องคัดค้านอีก มันจะมีความปั่นป่วนอีก ผมคิดว่าสังคมกำลังหาทางออกให้ตัวเอง แล้วทางออกนี้ไม่ได้เป็นพันธมิตรผูกขาดในการหาทางออก เพราะตอนนี้เป็นเรื่องขององค์กรภาคส่วนต่างๆ แล้ว

พิภพ- เอกชนภาคธุรกิจเขาก้าวหน้าไปพร้อมๆ กับการเมืองภาคประชาชน เราจะนึกไม่ถึงเลยในอดีตว่า เอกชนมักจะสงวนท่าทีในการจะวิจารณ์รัฐบาลหรือแสดงจุดยืน สังเกตได้ที่เราชุมนุมมา เอกชนธุรกิจสงวน เพราะกลุ่มทุนพวกนี้จะอาศัยความได้เปรียบ หรือการเกาะเกี่ยวทางการเมืองและอำนาจ เพื่อได้เปรียบ แต่พอการพัฒนาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เรียกว่า ประชาภิวัฒน์ ที่คุณสนธิแกเคยบอกกับผม พิภพยังไงเปิดประชาภิวัฒน์นึกถึงว่าผมเป็นคนตั้งขึ้นนะ นี่ก็เป็นเกร็ด กระเซ้ากันเล่น การที่การเมืองเก่ามันล้าหลังมาก แล้วมันตามไม่ทัน รู้เลยว่าโลกที่มันเปลี่ยนไป ถ้าใช้แบบการเมืองเก่าเข้ามาบริหารประเทศ ธุรกิจจะไม่ก้าวหน้าก็จะไปผูกติดกับการเมืองเก่า มาวันนี้เอกชนได้ออกมาพูดชัดเจนเลยว่า การกลับไปสู่การเมืองเก่า การกลับไปสู่การเมืองแบบที่จะใช้ สมชายไปเฉลิมมา เอกชนรับไม่ได้

สำราญ- ไม่ได้แน่นะ

พิภพ- รับไม่ได้แน่เลย ถึงกับบอกว่า ผมแปลกใจมาก เอกชนเคยบอกว่า รัฐประหารไม่เอานะล้าหลัง แต่พอถึงจุดๆ หนึ่ง เมื่อ 10 กว่าวัน บอกต้องหาทางออกทางการเมืองให้ได้ ถ้าไม่ยุบสภาไม่ลาออก รัฐประหารก็เอา

สำราญ- เฉลิมไม่เอา ชัย ชิดชอบ เอาไหม รับได้ไหมครับ

พิภพ- ไม่ได้ เพราะฉะนั้นธุรกิจต้องการมืออาชีพที่สะอาด แล้วการเมืองที่สะอาดมันมากับการเมืองใหม่นะ เขาเริ่มรู้สึก แล้วเริ่มรู้สึกว่าทุนที่ไม่สะอาดจะอยู่ไม่ได้ด้วย เพราะกระแสสังคมทั่วโลกบอกว่า ทุนจะต้องดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ต้องดูแลผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย แล้วทุนที่ไปผูกติดกับการทุจริตคอร์รัปชั่นมันล้าหลังไปแล้ว เพราะฉะนั้นทุนเริ่มปรับตัว ปรับตัวไปกับการเปลี่ยนแปลงของประชาชน เพราะฉะนั้นถ้าเอากันตอนนี้จริงๆ ตัวบ่งชี้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงสังคม ก็คือ ตุลาการภิวัฒน์ แล้วมาตามด้วย ประชาภิวัฒน์ นี่เป็นการทำงานร่วมกันครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ถ้าไม่มีประชาภิวัฒน์ ตุลาการภิวัฒน์ ก็ก้าวไปข้างหน้าลำบาก แต่ถ้าไม่มีตุลาการภิวัฒน์ ประชาชนก็เหนื่อยหน่อย เพราะฉะนั้นนี่เป็นการทำงานร่วากันครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ระหว่างตุลาการภิวัฒน์กับประชาภิวัฒน์

สำราญ- แล้วก็มี สห.ภิวัฒน์ เคยได้ยินไหมครับ

พิภพ- อะไร

สำราญ- สารวัตรทหารภิวัฒน์

พิภพ- แล้วอีกอันหนึ่งที่สำคัญมาก

สำราญ- ที่ยืนเฝ้าทำเนียบ

พิภพ- ที่สำคัญมากที่ผมเอ่ยไปตอนต้น ปกติผมไม่ค่อยพูดสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ก็เห็นชัดเลยนะครับว่า นักวิชาการส่วนหนึ่ง หรือพวกที่อยู่ในการเมืองกลุ่มทักษิณ หาว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ล้าหลัง ถ้าใครไปเกาะติดกับสถาบันพระมหากษัตริย์จะล้าหลัง แต่ปรากฏว่า คาดการณ์ผิดเลย การที่ การทำงานร่วมกันระหว่างประชาชนการเคลื่อนตัวของประชาชน สถาบันพระมหากษัตริย์กลับก้าวหน้าขึ้น การนำเสนอก่อนวันที่ 19 กันยา เป็นการนำเสนอที่ก้าวหน้ามากในการแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติ ให้มีตุลาการภิวัฒน์ อันนี้เป็นความก้าวหน้า แล้วมันก็ก้าวหน้าไปอยู่ในระดับที่ สถาบันพระมหากษัตริย์ในยุโรปได้ก้าวไป นั่นก็คือ ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับการพัฒนาของระบบกฎหมายและตุลาการมันเกิดขึ้น อย่าลืมว่า สังคมไทยเป็นระบบประชาธิปไตยที่มีแยกอำนาจ 3 ฝ่าย ฝ่ายตุลาการไม่เคยแสดงบทบาทเลยในอดีต แต่ครั้งนี้ก่อน 19 กันยายน หลังจากพระองค์ท่านได้ชี้แนะในเรื่องบทบาทของตุลาการ ก็ทำให้เกิดตุลาการภิวัฒน์ขึ้น แต่ตุลาการภิวัฒน์ก็ก้าวจังหวะยังไงที่จะออกมา เพราะไม่เคย แต่พอมีกระบวนการภาคประชาชนในทางการเมืองภาคประชาชนตามมา ทำให้การก้าวของตุลาการภิวัฒน์ กระฉับกระเฉงและก้าวขึ้น เอาละ กลายเป็นว่า กลุ่มที่เกาะกลุ่มชนที่คิดว่า ตัวเองจะก้าวหน้า เรียกว่า ทุนกลุ่มใหม่ กลายเป็นพวกล้าหลังไปแหละ เพราะทุนที่เขาไปเกาะ กลายเป็นเผด็จการทุนนิยม อย่างเช่น ไปเกาะคุณทักษิณ ยังงี้เป็นต้น นึกว่าจะก้าวหน้า กลายเป็นล้าหลัง แต่พวกเราที่ไปอาศัยบารมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ยาวนาน กลายเป็นพวกก้าวหน้า อันนี้ซิครับ นักวิชาการตามไม่ทัน เพราะฉะนั้น ตอนนี้กลายเป็นว่า การทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ และตุลาการภิวัฒน์ และประชาภิวัฒน์ กลายเป็นภาคนิติบัญญัติล้าหลัง ฝ่ายบริหารล้าหลังซะแหละ จะกลับไปใช้วิธีการแบบเก่า และตัวเองจะฝืนธรรมชาติ ทั้งนี้กลายเป็นโจทก์ในสังคมที่ฝ่ายธุรกิจเริ่มมองเห็นแล้วว่า ทิ้งไม่ได้ ถ้าฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติล้าหลังขนาดนี้ จะเป็นปัญหาถ่วงความเจริญและการก้าวหน้าในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อันนี้แหละวันหลังค่อยมาถกเถียงกัน

สำราญ - ได้อีกประเด็นแหละ น่าสนใจในเชิงทฤษฎี มาถึงพี่สมศักดิ์ ง่ายๆ เลย คือ ชาวบ้านกังวลที่ผมถามอาจารย์สมเกียรติ ใครต่อใครไปแล้ว คือ อะไรไป จัญไรไปเสนียดมา ส่วนลึกฟันธงได้ไหมว่า ในใจเชื่อว่าไม่มาแน่ มาไม่ได้

สมศักดิ์ - ไม่ใช่ อยากให้มา อยากให้มาจริงๆ หัวใจจริงๆ

สำราญ - อยากให้มา แล้วสุดท้ายจะได้มาไหม

สมศักดิ์ - แล้วแต่จะมา จะได้เป่านกหวีดง่ายนิดเดียว คนจะได้มาอย่างเร็วแรง ทีเดียวจบ ม้วนเดียวอย่างเร็ว

สำราญ - งานเข้าอีกแล้วครับท่านผู้ชม

สมศักดิ์ - ผมกำลังเตรียมตัวอยู่ และผมเชื่อว่า มา เพราะคนพวกนี้ หมดความเป็นมนุษย์ไปหมดแล้ว เพราะเที่ยวที่แล้ว เราดูเรื่องเขาพระวิหาร โดยหลัก ครม. ทำผิดรัฐธรรมนูญ เรื่องปราสาทพระวิหาร คุณไม่มีทางที่จะมา

สำราญ - อันนี้เข้าใจแล้วว่า มา มีเชื่อว่ามาหรอ

สมศักดิ์ - คิดว่า เขาต้องพยายามดิ้นจะมาแหละ

สำราญ - ไม่ว่าชัย เฉลิม หรือมิ่งขวัญ ไรก็แล้วแต่

สมศักดิ์- พวกนี้ต้องมา นอกจากมาไม่ได้ ถ้ามาได้มันจะมา ต้องดูว่ามาได้หรือไม่ แต่มันอยากจะมา

สำราญ - ในใจเชื่อว่ามาได้ไหม สุดท้าย ท้ายสุดมาได้ไหม

สมศักดิ์ - คิดว่าอาจจะมาอย่างกระหืดกระหอบมา แต่ว่า เราจะต้อง พวกเราได้พักผ่อนแล้ว มันนานนะ

สำราญ - หมายความว่า กระหืดกระหอบมา สุดท้ายมาไม่ถึงทำเนียบ

สมศักดิ์- มาต้องเจอกับพวกเรา เป่านกหวีด ก็จะได้

สำราญ - ฟังดูแล้ว สุดท้ายมาไม่ได้ ถูกมะ

สมศักดิ์ - ให้เขาคิดเอาเอง เพราะคนพวกนี้ไม่ใช่ล้าหลังอย่างที่คุณพิภพให้เกียรติเขามากไป คนโกงชาติมันล้าหลังยังไง มันผิดนะ ล้าหลังแปลว่า บื้อไม่ทันสถานการณ์ แต่นี่ไม่สนใจ แดดจะออก ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง กูจะปล้นอย่างเดียว คอยจ้องโกงชาติบ้านเมือง คนพวกนี้มีประวัติทั้งนั้น มันน่าอับอายที่การเมืองมีคนพวกนี้อยู่ ทีนี้ประชาชนเขาตื่นแล้วไง จะพูดว่าล้าหลังก็ คนเขาตื่นแล้ว เขาไม่เอาแล้ว แต่พวกนี้ยังไม่รู้ตัว น่าสงสาร และคนพวกนี้ จะไปแผ่เมตตาไม่ได้ ต้องสกัดอย่างเดียว และประชาชนไม่ต้องไปคอยใครทั้งนั้น เพราะไม่มีใครทำงานกันแล้ว เราต้องอาศัยประชาชน อย่าเหน็ดเหนื่อยกับการทำเพื่อประเทศชาติ อย่าไปน้อยใจว่าคนไม่ออกเราแหละต้องออก ชีวิตมันไม่มีอะไรนะ เกิดแล้วก็ตาย ฉะนั้นวัตถุประสงค์พี่น้องพันธมิตรประชาชนที่ออกมา ให้แน่ว่าเกิดมาเพื่ออะไร บริหารบริษัท บริหารธุรกิจ มีวัตถุประสงค์อย่างนั้น คุณบริหารวัตถุประสงค์ชีวิตตัวเอง และให้สอดคล้องกับภารกิจที่ทำ บ้านเมืองจะเจริญ พี่จำลองวัตถุประสงค์ชีวิตถูกกันกับงาน

สำราญ- วันนี้ถ้าเกิดเขาบอกว่า ไม่รู้ละจะมีกระบวนการจัดการอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าสามารถงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราได้ เช่น นายกฯ ไม่จำเป็นต้องมาจาก ส.ส. พี่สมศักดิ์โอเค

สมศักดิ์- โอเคหมดเลยอย่าให้พวกนี้มาก็แล้วกัน อย่างอื่นยังไงก็ได้หมด แล้วที่สำคัญว่า ให้มีทิศทาง เมื่อเราเรียนรู้ว่า นี่คือเหตุของวิกฤตเพราะมีนักการเมืองเลว นักการเมืองดีไม่วิกฤต นี่ก็วิชาปรัชญาเบื้องต้น ในต่างประเทศเวลาเขาแก้ เขาถอดสิ่งที่ไม่ดีออก เอาญี่ปุ่นก็แล้วกัน แค่เรตติ้งต่ำก็ลาออกแล้ว ลาออกทุกอย่างมันก็จบ เขาเรียกว่า สปิริต ไม่ต้องบอกผมผิดอะไร ผมโกงอะไร ศาลพิพากษาผิดแล้ว ผมผิดตรงไหน แล้วมาเรียกร้องให้คนทำตามกฎหมายอีก อย่างนี้มันไม่ธรรมดานะ มันโหดเหี้ยมอำมหิต และรุนแรงมาก เพราะความไม่รู้จักถูกผิด ชั่วดี ในฐานะเป็นผู้บริหารประเทศ ไม่มีอะไรจะเลวทรามชั่วช้าสามานย์เท่ากับแบบนี้แล้ว

สำราญ- มีการพูดถึงกระบวนการจัดการที่ทำให้มีการงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา เพื่อจะผ่าทางตันและหาทางออกให้บ้านเมืองเรา พอมีทางไหม หรือในข้อเท็จจริงในสังคมนี้ นาทีนี้กำลังมีการเคลื่อนไหวตรงนี้อยู่ไหน เท่าที่ทราบมันมีนะ

พิภพ- มีการเคลื่อนไหว คือรัฐบาลแห่งชาติ เคยถูกตั้งคำถามว่า ควรหรือไม่ควร เป็นประชาธิปไตยหรือไม่เป็น แต่สังเกตว่าในช่วงปลายของการเคลื่อนไหวของพันธมิตร รัฐบาลแห่งชาติได้รับการยอมรับ แล้วคนอย่าง อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ซึ่งไม่เคยเสนอเรื่องรัฐบาลแห่งชาติขึ้นมา แล้ว อ.ศิวรักษ์ คุยโอ้อวดว่าตัวเองเป็นเนติบัณฑิตอังกฤษ แล้วเรียนอยู่ในประเทศซึ่งมีระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และรู้บทบาทของพระมหากษัตริย์ดีว่าควรจะมี ควรจะทรงทำอะไรเมื่อเกิดปัญหาวิกฤต และนายกรัฐมนตรีควรจะเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์เพื่อขอคำแนะนำจากองค์พระมหากษัตริย์อย่างไรบ้าง อ.สุลักษณ์ เสนอให้สมชายเข้าเฝ้าที่จะขอคำแนะนำ แต่เนื่องจากสมชายไม่มีความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์เป็นประมุข ว่านายกฯ ควรจะเข้าไปกราบทูลสถานการณ์บ้านเมือง แล้วขอคำแนะนำอย่างไรบ้าง ก็เลยไม่คิดจะทำ เพราะฉะนั้น อ.สุลักษณ์ เสนออันนี้ เมื่อมีการแนะนำขึ้นมา กระบวนการที่สภาจะเข้าไปจัดการเพื่อจะรับคำแนะนำมาแก้ไขบ้านเมือง มันต้องเกิดขึ้น แต่น่าเสียดายสมชายไม่ทำ เพราะฉะนั้นวันนี้ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติ เรา สังคมเกิดมองตรงกันว่า จะต้องมีรัฐบาลเป็นกลาง ที่ไม่อิงกับพรรคการเมือง ที่มีลักษณะการเมืองเก่า หรืออย่างที่คุณสมศักดิ์บอก ยังมีความคิดในเรื่องการโกงกินบ้านเมืองอยู่ ปัญหาจริยธรรมเก่าๆ ล้าหลัง เราจะก้าวพ้นไปอย่างนี้ชั่วคราวได้อย่างไร เพราะฉะนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกเว้นรัฐธรรมนูญบางมาตรา ผมคิดว่ากระแสจะกดดันรัฐสภาชุดนี้สูงขึ้นมา

สำราญ- จากนี้ไป

พิภพ- แล้วนักกฎหมายจะออกมาพูดเรื่องนี้กันมากขึ้น มันจะถึงทางตันอย่างที่ อ.สมเกียรติ ว่า จะตีความว่า ส.ส.สัดส่วน ที่ต้องสังกัดพรรค เมื่อพรรคไม่มีแล้วจะขยับตรงนี้อย่างไร เป็นต้น ประธานรัฐสภา ซึ่งต้องมาจากการสังกัดพรรคการเมือง เมื่อพรรคที่ตัวเองสังกัดไม่มีแล้ว ไปขัดกับรัฐธรรมนูญ อันนี้ผมมองในแง่ดีนะ การที่เรามาถกเถียงกันเรื่องทางกฎหมายมากขึ้น แล้วต้องขยับตรงนี้ให้ได้ อันนี้ละนิติรัฐจะเกิด แล้วผมคิดว่าจะเกิดแน่ๆ ในช่วงไม่กี่วัน กี่สัปดาห์ การถกเถียงกันเรื่องนี้จะเข้มข้นและรุนแรง และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง

สำราญ- ต้องบอกท่านผู้ชม พันธมิตรทางบ้านว่า วันนี้วันที่ 3 4 5 6 7 8 9 คือธงของเขาจะเปิดวิสามัญให้ได้ เปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อจะรวบรัดตัดความ คือเลือกนายกฯ คนใหม่ มีตัวเต็งอยู่ 4-5 ชื่อ แต่เราดูแล้วว่ามันยุ่งยาก และมันไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างน้อยการเปิดสมัยวิสามัญก็ต้องมีพระราชกฤษฎีกา พี่น้องอย่ากังวลมากเกินไป แต่ต้องติดตามในเชิงของรายละเอียด แม้กระทั่งรายละเอียดนั้นจะเป็นเรื่องของกฎหมาย ก็ต้องติดตามกันบ้าง อ.สมเกียรติ มีอะไรเสริมไหมประเด็นนี้ ประเด็น 8 9 ธันวา

สมเกียรติ- 8 9 คงไม่มีอะไร เพราะว่าแค่จะหาคนลงนามรับสนองพระบรมราชโองการเปิดประชุมรัฐสภาในฐานะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดูกฎหมายในเบื้องต้นแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ ผมยังดูว่ากลุ่มสัมภเวสีทางการเมืองที่หลังจากการยุบพรรคเมื่อวานนี้ มันจะทำได้สำเร็จอะไร เพราะ กกต.ต้องรับรองก่อน ไม่ใช่ไปเข้าพรรคนี้แล้ววันรุ่งขึ้นเซ็นชื่อได้เลย เข้าชื่อตามกฎหมายได้เลย ด่านของ กกต.ก็บอกวันนี้มาแล้วว่า เรื่อง ส.ส.สัดส่วน ไม่รู้จะย้ายไปหรือไม่ น่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญ กกต.รู้สึกสงสัยตัวเองขึ้นมาทันทีเลยว่ากล้ารับรองไหม จะกล้ารับรองไหม จะส่งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นองค์กรที่ชี้ขาดหลายเรื่อง ผมไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์มาก

สมศักดิ์- เสริมนิดหนึ่ง ที่บอกว่าเลวทรามชั่วช้า มีรัฐบาลไหนบ้างที่ปกป้องนักโทษชายที่ศาลมีคำพิพากษา ไม่สนใจจะติดตาม มีรัฐบาลไหนบ้างที่ยังให้นักโทษชายหนีคำพิพากษาโฟนอินเข้ามา ใช้โทรทัศน์ของรัฐบาล ช่อง 11 ซึ่งเป็นเงินภาษีประชาชน มีรัฐบาลไหนบ้างที่เอาพวกนรกป่วนกรุง ศาลยังร้อง มีรัฐบาลไหนบ้างปล่อยให้พวกอันธพาลกล่าวหาว่า ศาลรัฐประหารเงียบ มันไม่มีนะ บ้านเมืองมันไม่มีขื่อไม่มีแปร เห็นไหมครับ ยิงประชาชน จาบจ้วงสถาบัน ครบถ้วนกระบวนความแห่งความชั่วช้าสามานย์ที่สุด ใครทนได้ก็ทนไปแต่ผมทนไม่ได้

สำราญ- ถ้าเป็นสมัย นี่พูดเล่นๆ นะครับท่านผู้ชมครับ ถ้าเป็นสมัยรุ่นยังเติร์ก จปร.7 ของ พล.ต.จำลอง สมัยนู้น แค่เป็น พ.อ.พูดทีก็บ้านเมืองสะเทือนนะครับ อันนี้ไม่ได้นิยมทหาร แต่พูดถึงว่า ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ใจคนมันก็เปลี่ยน อะไรมันก็เปลี่ยนไปเยอะ สมัยก่อน ยังเติร์ก หรือ ผบ.พลพูดทีเดียวมันสะเทือนบ้านสะเทือนเมือง เดี๋ยวนี้ขนาด ผบ.ทบ.พูด

สมเกียรติ- คุณสำราญครับ สมัยก่อน จปร.7 พูดก็สั่นสะเทือนแล้ว สมัยนี้นั่งแถลงข่าว 2 ครั้งยังไม่สะเทือนเลย นั่งแถลงข่าวบอกออกเถอะ ยุบเถอะ 2 ครั้งก็ยังไม่สะเทือน

สำราญ- เอาละเดี๋ยวมันจะบานปลาย ผมตัดประเด็นดีกว่านะครับ ไปคุยเรื่อง ก่อนคุยคุณศิริชัย คุยคุณตั้วนิดนึง ผมติดใจ ผมต้องตีซี้คุณศรันยูจากนี้ไปเห็นทำละคร ผมทำมาหลายอย่างแล้วอยากแสดงละครสักเรื่อง มีโครงการยังไงครับ

ศรันยู- จริงๆ คิดไว้พักใหญ่ ชุมนุมเลย 60 วัน พอเลย 60 วันไปก็เริ่มเห็นเค้าลางว่าอนาคตตกงานแน่ๆ คือจริงๆ มันตกงานโดยสภาพจิตใจตัวเอง

สำราญ- ถามแทรกนิดจริงๆ ไม่อยากถาม เรื่องจริงผ่านจอ

ศรันยู- คือรายการเรื่องจริงผ่านจอ ผมเป็นพิธีกรรับจ้าง เค้าจ้างเป็นพิธีกร เข้าปีที่ 10 แต่จริงๆ เนื้อหารายการผมเป็นเพียงพิธีกรนำเข้าเนื้อหาที่เขาทำ ก็เคยบอกรายการเขาอยู่ได้ด้วยเนื้อหาเขามากกว่า เขาก็ มีช่วงหนึ่งที่เขาบอกว่า มีคนโทรเข้าไปต่อว่า ซึ่งผมก็แล้วแต่เขา ยังไงดีอึดอัด ผมเคยบอกเขาว่า ก็ปลดผมออกได้ไม่มีปัญหา เจ้าของรายการปลดพิธีกรได้อยู่แล้ว วันที่เกิดเหตุมีโทรเข้ามาแล้วอึกอักนิดหนึ่ง สรุปใจความคือ ขอร้องให้ผมบอกว่าผมไม่ว่างแล้วขอลาออก ซึ่งผมเอ๊ะทำไมต้องขอร้องให้ผมพูดในสิ่งที่ผมไม่ได้พูด ก็เลยสับสน ก็เลยบอกว่า เอางี้ง่ายๆ พี่ จะปลดผมก็ปลดเลย พี่มีเหตุผลในการปลด ผมก็ยอมรับเหตุผลของพี่ ผมมีเหตุผลที่ผมอยู่ตรงนี้ ผมก็ยอมรับแค่เหตุผลของผม ทำไมผมต้องไปพูดสิ่งที่ไม่ใช่เหตุผลผม ผมก็งงอยู่ จากนั้น เขาก็คงปลดนะครับ ก็แล้วไป ไม่เป็นไร

สำราญ - คุณตั้ว โดยที่พูดมาเมื่อสักครู่ รู้ชะตากรรมอยู่แล้วว่า โอกาสที่จะปลด

ศรันยู - จริงๆ ตั้งแต่เข้า 60 วัน มันรู้ด้วยสภาพจิตใจตัวเอง คือ งานตัวเอง ทำอาชีพบันเทิง พออยู่ตรงนี้เยอะๆ มันไม่มีสมาธิไปเรื่องบันเทิง มีโปรเจกต์หนังที่เตรียมจะทำทุกอย่าง พร้อม เหลือเขียนสคริปต์และเปิดกล้องอะไรแล้ว มันเป็นหนังรัก หนังทั่วไป ใจมันไม่อยู่ตรงนั้นเลย หันไปหาทีมงานจะทำยังไงวะเนี้ยะ มันไม่มีสมาธิตรงนั้นเลย คือ ไม่ได้ทำแน่

สำราญ - แสดงว่ารักแม่ยก มากกว่ารักหนังเรื่องนั้น

ศรันยู- ใจมันอยู่ตรงเนี้ยะนะฮะ จะคิดยังไงก็แล้วแต่ ก็เลยคิดขึ้นมา ว่า เออ ไอ้ตรงเนี้ยะ ไอ้การต่อสู้ยาวๆ เนี้ยะมันมีรายละเอียดของชีวิตมนุษย์ อยู่ในนี้เยอะ และมันก็มีเลือด มีการต่อสู้ในเรื่องการเมือง ก็ชนะ ทางการเมือง เรื่องบ้าน เรื่องเมือง และมันมีชีวิตเล็กๆ ชีวิตรักระหว่างกัน มีคนมารักกันและเลิกกัน มีคนทะเลาะกันก็มีปนอยู่ในนั้น และฉากหลังของเรื่องทั้งหมด คือเรื่องยิ่งใหญ่ในการกู้ชาติบ้านเมือง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ที่น่าทำเป็นภาพยนตร์

สำราญ - จะทำเป็นหนังใหญ่

ศรันยู - เดิมคิดจะทำเป็นหนัง และคิดค้างไว้อย่างนั้น จนกระทั่งได้คุยกับพี่สนธิ จนกลายเป็นโปรเจกต์นี้ขึ้นมา ตอนนี้มันกลายเป็นละคร เป็นซีรีย์ยาว

จำลอง - ละครโทรทัศน์ช่องไหน ช่องนี้หรอ และคุณคิดว่าจะได้ตังค์หรอ

ศรันยู- ตังค์อาจจะไม่ได้ อาจจะแค่ได้ทำก็เอาแล้วฮะ

สำราญ - อ๋อ จะทำละครและออนแอร์ในช่อง ASTV เนี้ยะนะ

ศรันยู- ครับ เห็นคุณสนธิบอกว่า จะเปิดช่อง เปิดเวลาให้มีภาคบันเทิงที่มีสาระเรื่องบ้านเรื่องเมือง ก็เลยเป็นจังหวะดี ก็เลยเล็งพี่สำราญมาเชิญร่วมเล่น ก็คงเป็นเรื่องการต่อสู้ เรื่องของมวลมนุษยชาติที่เรียกร้องเพื่อสังคมส่วนร่วม เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์

สำราญ - ต้องเอาท่าน พล.ต.จำลอง เป็นตัวละครด้วยนะ

จำลอง - ไม่ได้ๆ แก่เกินไปแหละ

ศรันยู- เขาคงรอดูกัน และอาจมีเป็นเชิงสารคดี

สำราญ- มีชื่อเรื่องยังฮะ

ศรันยู- ยังครับ ยัง

สำราญ - 1 มีละคร 2 มีสารคดีต่างหาก

ศรันยู - เป็นรายการ เป็นเชิงสารคดี คือผมมันก็มาจากเรื่องผู้คนในนี้ ผมเห็นรายละเอียดชีวิตของคนในนี้

สำราญ - ผมแอบได้ยินมา ผมแอบเจาะข่าวมา ได้ข่าวว่า จะทำชีวิตแม่ยกหรอ

ศรันยู- ใช่ครับ ตั้งเป้าว่า คล้ายๆ ลับเฉพาะแม่ยกพันธมิตรฯ ก็จะตามดูชีวิตของพวกเขา แต่ละคนเสียสละเยอะนะครับ มาอยู่ตรงนี้ได้ ซึ่งบางทีเราเห็นแค่หน้าจอ มานั่งอย่างนี้ จริงๆ ชีวิตเขาบางคนลำบากนะครับ กิจการเขา ธุรกิจเขาทำยังไง

สำราญ - แม่ยกเป็นแสน โห ไปหยิบเอาแค่ซักพันคน ร้อยคน เขาไม่ว่าเอาหรอ เดี๋ยวคนนี้ก็ทำไมไม่มาเสนอฉันบ้าง

ศรันยู- ก็คิดว่า จะได้ทำซัก 2 แสนปอนด์ นะฮะ ก็ทำไปเรื่อยๆ อย่างน้อยเป็นช่องทางหนึ่งที่เราได้สื่อสาร ในเรื่องแม่ยกคนหนึ่ง อาจไปพูดถึงอีกคน อาจเป็นช่องทางที่เราได้เจอผ่านสื่อที่มี ก็ส่วนหนึ่งครับ

ศิริชัย - ผมจะฝากคุณศรันยูนิดนึง เรื่องของเยาวชน ที่ผมเห็นว่า บ้านเมือง เยาวชนน่าสนใจมาก คนหนุ่มสาวเข้ามาเยอะมาก มากับครอบครัว ทำยังไง เพราะคนหนึ่งคือคนที่ต้องรับไม้ต่อในการนำพาประเทศ ผมเชื่อว่า ประเทศที่พัฒนา คนก็ต้องสร้างคนตั้งแต่เด็ก ที่มีคุณภาพ จะทำให้เขามีพลเมืองที่สามารถจะบริหารบ้านเมือง และยืนบนความถูกต้อง ให้เห็นว่า พันธมิตรฯที่ต่อสู้ 15 ล้านคน ก็คือคนที่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ โดยเฉพาะผมดูพระเอกแล้วก็ น้องบอล ของพล.ต.จำลอง

สำราญ- บอล แจ้งเกิด

จำลอง- เอาบอลมาเล่นด้วยคน

ศรันยู- พอพูดถึงแม่ยกพันธมิตร ผมว่า แม่ยก ตีความรวมมันไม่เฉพาะบรรดาผู้ที่เอาอาหารมาให้ ทั้งหมด ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่

สมเกียรติ- บอกคุณตั้วว่า รายการนี้อาจจะพลิกโฉมค่าโฆษณานะ ค่าโฆษณาปกติเราได้จากบริษัทธุรกิจใช่ไหม แต่นี่แม่ยกจะบริจาคเองเลย

จำลอง- เป็นละครของประชาชน

สมศักดิ์- ผมคิดว่า คุณตั้วทำเป็นแหวกแนว แล้วจะโด่งดังที่สุด ต้องชมเชยว่าคุณตั้วเป็นพระเอกตัวจริง ไม่ใช่พระเอกลิเก แต่นี่ของจริง ผมพิสูจน์มาแล้ว ตั้งแต่ดนตรีที่ไหนขึ้นตรงเวลาเป๊ะ ไม่เคยพลาด ยืนหยัด มีวินัย วันนั้นผมมอบหมายไปเลยสุวรรณภูมิจะได้เป็นพระเอกตัวจริง

สำราญ- ผมยอมรับ คุณตั้วใจถึงกว่าผม

สมเกียรติ- ชีวิตการ์ดอาสาสุวรรณภูมิ ผมได้รับมอบหมายจากแกนนำไปดู ผมก็มอบให้คุณตั้วดูแล เพราะต้องการดูดซับซึมซับคนที่ ขอการ์ดอาสา 200 คน 10 นาทีมาเลย ใจคนสุดยอดจริงๆ ต้องนับถือน้ำใจ แล้วให้ศรันยูผู้มีบุคลิกอ่อนโยนไปกับคนที่มันเข้ม คอยดูว่าความขัดแย้งของคนในเชิงบริหารจัดการ เพราะฉะนั้นผมยอมรับว่าไปอยู่ 4-5 วันที่สุวรรณภูมิ เรื่องความปลอดภัยค่อนข้างลงตัว เพราะเราส่งคนที่เข้าใจเขา แล้วเราสลายกลุ่มเดิมหมดเลย แล้วทุกคนเป็นการ์ดอาสาหมด การ์ดสุวรรณภูมิหมดเลย ไม่มีป้อมค่ายของใครๆ

สำราญ- สุวรรณภูมิ คุณศิริชัย การส่งมอบอะไรทุกอย่างเรียบร้อย

ศิริชัย- เรียบร้อยครับ

สำราญ- มีอะไรติดขัดบ้าง

ศิริชัย- แทบจะไม่ติดเลย เพราะเราประสานดูแลทุกพื้นที่เป็นอย่างดี ได้รับคำชมว่าเขาสบายใจมาก วันนี้เครื่องที่ภูเก็ตมาลง ภายในประเทศไฟลท์แรก หลังจากเราออกไม่กี่ชั่วโมง

สำราญ- แล้วเขาจะเปิดเป็นทางการวันที่ 5

ศิริชัย- ไปโรมครับ อาจจะเป็นคืนวันที่ 4

สำราญ- ดูแล้วเจ้าหน้าที่การท่ากับเรา

ศิริชัย- ต้อนรับมากครับ

สำราญ- เขาเข้าใจ

ศิริชัย- วันนี้มาหาซื้อมือตบครับ แต่ได้อันเล็ก

สมเกียรติ- มหาจำลองไปทำพิธี เขาเรียกขอบคุณหรืออะไรผมไปไม่ทัน ไม่ทราบว่าท่านเล่านิดนึงได้ไหมครับตอนที่เขาคุยกับเราตอนส่งมอบ

ศิริชัย- ถวายสดุดี

จำลอง- มันเป็นเรื่องตรงกันข้าม เขาน่าจะหงุดหงิด ทำให้เขาต้องขลุกขลักทำให้เขาต้องหยุดงานไปตั้งหลายวัน เขากลับเห็นอกเห็นใจเรา แล้วขอบคุณเราว่า ทำไมรักษาได้ดีถึงขนาดนี้ เขาเดินไปตรวจหมดแล้ว ซึ่งตรงนั้นมันตรงที่ค่อนข้างจะล่อแหลม แต่ละร้านล้วนแล้วแต่ทำให้สวยๆ

สำราญ- อยู่สภาพเดิมหมด

จำลอง- ใช่ครับ แล้วมีของมีค่า อยู่ครบหมด

สำราญ- ที่ดอนเมืองเป็นยังไงบ้างพี่สมศักดิ์

สมศักดิ์- เรียบร้อยมากครับ สะอาดกว่าเดิม วันนี้พาสื่อมวลชนไปดู ไม่มีอะไรเสียแม้แต่นิดเดียว นอกจากกระจกที่ถูกระเบิดเอ็ม 79 พวกผู้ก่อการร้ายของรัฐบาล นอกนั้นเรียบร้อยดีมาก เพราะว่าสอนให้เข้มงวด ต้องมีวินัย เข้าไปไม่ได้ ใครเข้าไปไม่ว่าจากการ์ดไม่การ์ดเล่นงานทันที

สำราญ- ที่ทำเนียบคงจะหนักหน่อย

สมศักดิ์- ทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี

สำราญ- ทำเนียบอาจจะหนักหน่อยเพราะสนามหญ้า

พิภพ- ทำเนียบรัฐบาลที่เรารักษาไว้อย่างดีมากคือ ตึกสันติไมตรี ตึกไทยคู่ฟ้า ข่าวลือมากเหลือเกินว่างาช้างหายไป ข่าวลือมากเหลือเกินว่าถ้วยโถโอชามที่อยู่ในตู้โชว์ที่เป็นของที่ทูต ที่มีสัมพันธไมตรีกับรัฐบาลหายไป แล้วตั้งกรรมการขึ้นมาจากองค์กรต่างๆ ประมาณ 8-9 องค์กร กรรมการสิทธิ องค์กรกลาง และสำนักงานของคุณหญิงจารุวรรณ ปรากฏว่าเรารักษาได้ดีเยี่ยม งาช้างยังอยู่ ถ่ายรูปกันใหญ่

สำราญ- ลือว่างาช้างไปขายที่คลองถม

พิภพ- รักษา 2 ตึกนี้ได้ดีมาก สื่อมวลชนก็เข้าไปดู เผอิญข่าวเด่นๆ มันออกมาชนกัน ไม่อย่างนั้นการมอบตึกทำเนียบรัฐบาลและตึกสันติไมตรีจะเป็นข่าวเด่น แต่เผอิญมีศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค เรายกเลิกการชุมนุมปิดสนามบิน เป็นที่ยอมรับ

สำราญ- แต่ที่ทำเนียบมันอยู่ยาว ต้องอธิบายกันด้วยว่าเราอยู่ยาว ไม่ทราบกี่วันท่าน พล.ต.จำลอง เฉพาะทำเนียบ กี่วันครับ 2 เดือนกว่า

จำลอง- 67 บวกวันที่ วันที่เราออกจากทำเนียบวันที่

สำราญ- อยู่ที่ทำเนียบมันยาวไม่เหมือนดอนเมืองแค่ 6-7 วัน สุวรรณภูมิก็ 6-7 วัน เวลามันยาวแล้วอยู่กันเยอะด้วย

พล.ต.จำลอง- 3 เดือนกว่า 90 กว่าวัน

ศรันยู- วันที่เราย้ายมาทำเนียบเกือบ 100 แล้วครับ 99 หรือ 98 วัน

สมเกียรติ- ผมจำวันได้ เข้าไป 26 สิงหา

พล.ต.จำลอง- เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ เราออกจากทำเนียบวันที่เท่าไหร่ 25 67+25 92 วัน

สำราญ- 3 เดือนกับ 2 วัน นานมันก็อย่างว่า พวกที่มาสุมมาแทรกอยู่เยอะ ต้องยอมรับมันมีอยู่มือที่ 3 พยายามที่จะทำลายตึก ต้องดูแลกัน แต่ว่า คุณพิภพกับคุณสุริยะใส ก็ดูแลอย่างเต็มที่

พิภพ- 2 ตึกเนี้ยะ ต้องยอมรับว่า กองทัพธรรมนะดูแลอย่างดี

จำลอง - ตึกสันติ กับตึกไทยคู่ฟ้า พวกเราเพ็งเล็งมาก เพราะเป็นตึกที่สวยหรู และมีของมีค่าเยอะ ส่วนตึกอื่นๆ ก็ตึกทำงานธรรมดา

พิภพ- คงอาจจะมีความเสียหายบ้าง เพราะเรามีคนแทรกเยอะ แต่ตึกสำคัญที่เรารักษาไว้ เป็นตึกที่สวยงาม และเป็นตึกที่เป็นประวัติศาสตร์เนี้ยะ คิดว่า เราทำได้ดีที่สุด กลับมานิดนึงที่คุณตั้ว เรื่องแม่ยกพันธมิตรฯ คือผมอยากให้คุณตั้วอย่าทำแต่แม่ยกพันธมิตรฯ คนหนุ่มสาวในพันธมิตรฯ ให้สังเกตนะ คุณอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ กับ น.ส.กมลวรรณ หรือน้องโบว์ อายุ 27 เอง และยิ่งคุณยุทธพงษ์ เสมอภาค ที่ทำหน้าที่การ์ด อายุ 22 เท่านั้นเอง คุณต้องตั้งคำถามว่า คนหนุ่มสาวพวกนี้ ทำไมมีความตื่นตัวทางการเมืองสูงมาก ถ้าปกติทำมองไม่เห็น ไม่ใช่เฉพาะ คนไปมองแม่ยกพันธมิตรฯ นึกว่ามีแต่คนสูงอายุเท่านั้น ที่ตื่นตัวทางการเมือง ไม่ได้มองคนที่เป็นคนหนุ่มสาว และเป็นคนเสียสละ มีระเบิดลงลูกแล้วลูกเล่า พวกนี้อยู่ คนหนุ่มสาว ผมคิดว่า อันนี้ซะอีก ฝ่ายการเมืองที่ทุจริตคอรัปชั่น และเป็นการเมืองเก่า ไม่ตระหนักจะเป็นอันตรายกับตัวเอง เพราะคนรุ่นนี้ที่อยู่กับพันธมิตรฯเป็นเวลา 190 กว่าวัน เขาเปลี่ยนใหม่หมดแล้ว ความคิดทางการเมืองเขาเปลี่ยนใหม่หมดแล้ว แล้วการแสดงออกทางการเมืองเขาไม่คลุมเคลือแล้ว เขาจะแสดงออกทันทีที่ฝ่ายการเมืองยังคลุมเคลืออยู่ อันนี้ผมอยากเตือนไว้ แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ได้ถูกกล่าวหา หรือใส่ร้ายทางการเมืองคราวนี้มาก คุณอภิสิทธิ์เนี้ยะ เป็นคนรุ่นบารัก โอบามา จะต้องไม่แสดงความคลุมเคลือทางการเมือง เพราะฉะนั้นคน20 - 35 จะปฏิเสธ
อันที่ 2 มีการพูดกันว่า คนหนุ่มสาวที่มาอยู่ในพันธมิตรฯตั้งแต่อายุ 25-45 จะทำงานร่วมกันยังไงหลังจากมีการหยุดการชุมนุม มีการคิดจะทำงานร่วมกัน เพราะเป็นคนที่มีความสามารถ บางคนเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ บางคนเป็นผู้จัดการ เป็นนู้นนี่ ล้วนมีสำนึกทางการเมืองสูง ถ้าคนพวกนี้ขยับที่จะทำงานการเมือง การเมืองใหม่เกิดแน่ และคนรุ่นนี้จะเป็นคน เขาเรียกว่า กำหนดทิศทางการเมืองในอนาคต

สำราญ - เอาละ ต่อที่คุณพิภพ ก่อนจะจบรายการ อีก 10 นาทีข้างหน้า คือเรื่องผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะแยกย้ายจากกันเมื่อเช้า ก็ยังมีคนอยู่บ้าง ถามว่า ที่เขาไปติดต่อประสานงานอย่างไร จากนี้ไป เรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องไรต่างๆ อยากให้คุณพิภพ ถือโอกาสเรียนชี้แจงอีกครั้ง ว่าศูนย์ประสานงานอะไรยังไง

พิภพ- คือเดิมทีเรานึกว่าการบาดเจ็บและล้มตาย เกิดจากวันที่ 7 ตุลาเท่านั้น เราก็แบ่งเงินเป็น 3 กอง ใช้กองแรกจบแล้ว 10 กว่าล้าน กอง 2 กำลังจ่ายเพื่อคนที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 7 ตุลา เสียชีวิต และพิการ ปรากฏว่าเกิดบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีก เอ่อ ทำให้กองที่ 2 มาใช้กับผู้บาดเจ็บจำนวนมาก เกินกว่าที่คาดคิด เพราะฉะนั้นตรงนี้ ก็ใช้เสร็จเรียบร้อย กองที่ 3 จะมาดูและ ว่า ส่วนที่มันขาดไปจากการใช้กองที่ 1 ขาดตกบกพร่องไป จะเอากองที่ 3 ไปใช้ เพราะตอนนี้เงินในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จะเข้ามาอยู่ในมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ที่จะดูแล โดยให้ผมเป็นคนบริหารจัดการอยู่ ญาติมิตรที่บาดเจ็บ และต้องอยู่โรงพยาบาล เกิดความสงสัยว่า ต่อไปจะติดต่อทีมงานของผมที่ไหน เพราะปกติผมจะนอนที่มัฆวานฯ ตอนนี้เหงาๆ เหมือนกัน ปกติผมเคยไปเอาข่าวที่กองทัพธรรม เลยไม่รู้จะหาข้าวที่ไหน
เอาละ พูดกันตรงๆ ให้กระจ่างชัดคือ ASTV ต้องเป็นศูนย์กลาง และการที่จะให้ผู้ที่บาดเจ็บและผู้ที่พิการ ที่ผมต้องดูแลอยู่ ถ้าสื่อสารถึงผมและทีมไม่ได้ ให้มาที่ผู้จัดการทันที แต่ตอนนี้ ว่าไปแล้ว ผู้บาดเจ็บชุดเดิมสามารถสื่อสารติดต่อกับทีมงานได้

สำราญ- เบอร์ติดต่อประสานงานเดี๋ยวเราจะขึ้น

พิภพ- เอาเบอร์ส่วนตัวผมขึ้น เดี๋ยวจะมีปัญหารับโทรศัพท์ไม่ไหว ผมว่าเอาเป็นทางการดีกว่า ที่มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน

สำราญ- เอาอย่างนี้แล้วกัน 1-2 วันนี้จะขึ้นหน้าจอให้ พี่น้องถ้ามีเรื่องคับข้องหมองใจ โทรศัพท์มาตามเบอร์ที่เราจะแจ้งให้ทราบ 1-2 วันนี้

พิภพ- ขอให้เป็นเบอร์กลาง

จำลอง- คุณสำราญ เมื่อกี้เราพูดกันทั้งหมด เราพูดถึงเรื่อง ประชาชนเป็นคนที่เอาจริงเอาจัง เป็นคนที่กล้า มีประสิทธิภาพ แต่เราลืมไปอย่างหนึ่งว่า ถ้าไม่มี ASTV ทำไม่ได้ถึงขนาดนี้ เหมือนอย่างที่ผมพูดไปเมื่อวาน ที่สุวรรณภูมิ ถ้าท่านไม่สมัครเป็นสมาชิกข่าวสาร ASTV เพิ่มมากขึ้นๆ ตรงนี้อยู่ไม่ได้ รายการที่ว่า รวมทั้งละคร ไปหมดไม่เหลือ

พิภพ- อันนี้เป็นปรากฏการณ์ครั้งแรก ปกติรายการของสถานีโทรทัศน์ ช่องต่างๆ ต้องอาศัยโฆษณาจากสินค้าต่างๆ แต่ ASTV ถึงจะต้องการอันนั้น พวกกลุ่มทุนและสินค้าต่างๆ ก็ระแวงว่าการเมืองจะกลั่นแกล้ง เพราะฉะนั้นครั้งนี้จะเป็นปรากฏการณ์ว่า ประชาชนเท่านั้นที่จะดูแล ASTV นั่นก็คือเป็นสมาชิกของ ASTV ตอนนี้คือเป็นสมาชิกของรายการข่าว 200 บาท ผมคิดว่า 100 กว่าบาท นั่นก็คือการจะช่วยให้รายการต่างๆ ของ ASTV อยู่ได้ ซึ่งถูกมากสำหรับเดือนละ 100 กว่าบาท อย่าคิดว่าการสมัครข่าว sms 30 กว่าบาท แล้วอีก 100 กว่าบาทดูแพงไป ต้องคิดว่า 170 กว่าบาทคือการสนับสนุนรายการต่างๆ ของ ASTV ให้อยู่ได้ โดยไม่ต้องไปพึ่งสินค้า แล้วละครของตั้วจะเป็นครั้งแรกไม่ต้องอาศัยโฆษณาสินค้า แต่อาศัยจากเงินของประชาชนที่สมัครเข้ามา

ศรันยู- ทำให้เนื้อหาของละครทำได้ตรงตามต้องการตามเป้าหมายได้ง่ายกว่า เพราะถ้าไปพึ่งสินค้าแล้ว ตัวนี้เป็นตัวกดดันว่าควรจะเป็นอย่างนั้น ผมว่า ASTV จะเป็นสถานีที่มีอิสระในการนำเสนอทุกรูปแบบ ทั้งในเรื่องความคิดความเห็นได้ตรงเป้ากว่าทุกสถานี

สำราญ- มาถึงช่วงสุดท้าย ท่านผู้ชมพี่น้องพันธมิตร พรุ่งนี้ 3 ทุ่มโดยประมาณ เราจะมีแกนนำบางส่วน อาจจะไม่ครบ 10 คน 11 คน มีแกนนำ มีคณะทำงานของเรามาพูดจาปราศรัยกับพี่น้องทางหน้าจอตรงนี้ในรูปแบบต่างๆ พยายามให้เหมือน รักษาอารมณ์ความรู้สึกของเวทีเอาไว้ให้ได้มากที่สุด แต่วันนี้อาจจะมีอารมณ์บนเวทีน้อยไปนิด เพราะว่าเราอยากให้มามองภาพรวมกันซะก่อน ก่อนที่พรุ่งนี้จะเข้าสู่ความเป็นปกติ แล้วจำลองเวทีมาให้ได้มากที่สุด 3 ทุ่มพรุ่งนี้

พิภพ- ให้มีบรรยากาศของเวที คุณสำราญก็จบด้วย

สำราญ- พี่น้องเอ้ย

ศรันยู- ให้ทางบ้านเอาทีวีมาตั้งไว้กลางสนาม ลาน

สำราญ- ต่อไปคุยกันแล้วว่าจะอนุญาตให้มีพี่น้องผู้ชม

สมเกียรติ- มีรายการเพลงมาแทรก

สำราญ- มีๆ แล้วเปิดโอกาสให้ชม

พิภพ- ถ้ามีมือตบยิ่งได้

สำราญ- ช่วงท้ายรายการ อยากให้มีความในใจนิดนึง หรือเก็บตกที่ผมยังไม่ได้พูดก็แล้วแต่ คุณศิริชัยมีอะไรไหมครับ 193 วันอยากบอกอะไรกับพี่น้องในช่วงท้ายรายการ

ศิริชัย- ก็คงความประทับใจ ครั้งหนึ่งมีโอกาสได้ทำงานกับพี่ๆ แล้วได้มีโอกาสทำงานกับประเทศชาติ ประชาชน มันเป็นความเหนื่อย ผมเองถ้านั่งดู ผมค่อนข้างจะตาลึก พักผ่อนน้อย สุขภาพไม่ดี แต่ได้รับกำลังใจจากพี่น้อง และที่สำคัญคือ ความสุขที่ได้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง มันหาไม่ได้ เป็นเพียงแค่วันนี้จากกันด้วยน้ำตา หลายคนได้รับเสียงพี่น้องให้กำลังใจจริงๆ และที่สำคัญคือ ห่วงเราซะด้วยซ้ำ ว่าระวังเรื่องความปลอดภัย

สำราญ - คุณตั้วครับ

ศรันยู- เหมือนที่คุณศิริชัยประทับใจ ในส่วนที่มาทำงานกับผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหมด และประทับใจพี่น้องประชาชนมากๆ ให้กำลังใจทุกสายตา ทุกความรู้สึกที่ส่งมาให้ในสถานการณ์เป็นปลื้มมากๆ ก่อนจะออกจากเวที มีนักข่าว หนังสือพิมพ์ไทยรัฐมาขอสัมภาษณ์นิดนึง ผมก็ถามว่ามาจากไหน มาจากไทยรัฐ อยากถามอะไร อยากถามความรู้สึกว่าวันนี้รู้สึกยังไ ผมเลยบอกว่า มันเป็นความรู้สึกระหว่างผมกับพี่น้องประชาชน คุณอย่ารู้เลยครับ อธิบายไม่ได้ ผมว่า มันเป็นความรู้สึกที่ผมและทุกคนในนี้รู้กันหมด โดยบรรยายไม่ได้จริง และไม่สามารถจะหาคำสวยๆ มาประดิษฐ์ออกมา เพื่อให้คนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้เข้าใจ ผมว่า ไม่จำเป็น

สำราญ - ต่อไปอาจอธิบายได้ แต่ว่านาทีที่โดนถาม ผมเข้าใจความรู้สึกนะ

สมเกียรติ- ก็ผมมีข้อสังเกตค่อนข้างจะแรงต่อการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ในประวัติศาสตร์ช่วงอายุของผม มันเป็นการเคลื่อนไหวที่มาทั้งครอบครัว ไม่เหมือน 14 ตุลา มันเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา สมัยพฤษภาทมิฬ ก็คนชั้นกลาง ที่พล.ต.จำลอง มีบทบาทสำคัญ แต่สมัยนี้มา พ่อแม่ลูกเลยนะ เอาหลานมา ซึ่งระบบการเรียนรู้ในครัวเรือน หรือครอบครัว ในทางการเมืองมันประทับใจมาก ผมเห็นว่า เซลของสังคมไทยที่เรียกว่าครอบครัว หน่วยเล็กที่สุด มันกำลังเรียนรู้การเมืองอะไรบางอย่าง ที่เรายกระดับสู่การเมืองคุณภาพ และการเมืองใหม่ แล้วลักษณะสังคมชั้นสูง คนชั้นกลาง คนชั้นล่างมารวมกันทั้งหมด ท่านหญิงก็มี ท่านชายก็มี ชาวไร่ ชาวนา กรรมกร สรส. พ่อค้า แม่ค้ามาหมดเลย มันเป็นลักษณะที่ภาษาการสู้รบเรียกว่า การลุกขึ้นสู้แบบประชาชาติ ทุกกลุ่มทุกหมู่เหล่า และผมไม่เคยเห็นคนกล้าหาญขนาดนี้ ในนามของอาสาและนักรบกลุ่มต่างๆ ต้องขอบพระคุณอย่างมาก และเหนือสิ่งอื่นใด ความไม่เหน็ดเหนื่อยของผู้คนและ ASTV เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ASTV ก็ยืนหยัด 190 กว่าวัน อย่างไม่ รู้จักเหน็ดเหนื่อย คนก็ทำหน้าที่ของตนเองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย รู้หน้าที่กัน ภูมิใจมากครับผม ภูมิใจมากที่สุดทำบุญกู้ชาติ อย่างที่มหาจำลองบอก ทำหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญและที่สำคัญที่สุด คือ เรื่องแรงเกาะเกี่ยวพวกเรา จะจากกันทีก็เหงา วันนี้ ผมเชื่อว่า คนหงุดหงิดนะ ปรับสภาพไม่อยู่ มันหงุดหงิดยังไงชอบกล มันเหงา ขาดไรบางอย่าง และสภาพนี้ต้องปรับเวลาอีกหลายวัน เพราะเรามาสร้างวัฒนธรรมใหม่ ตั้ง 6 เดือนกว่า มันเป็นเรื่องที่ อยู่ในส่วนหนึ่งของชีวิตแล้ว ไม่มีปัญหาพี่น้อง เดี๋ยวจะนัดดาวกระจายกัน

สำราญ- อ.พิภพ ครับ

พิภพ- ผมคิดว่ามันเป็นการปฏิวัติวัฒนธรรมทางการเมืองครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ไทย ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในประวัติศาสตร์อย่างที่เราเคยอยู่มา ชุมนุมมาตั้งแต่ 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภา มันพัฒนามาถึง ครั้งนี้ถือเป็นการปฏิวัติวัฒนธรรมทางการเมืองสังคมไทย ปฏิวัติอะไร ปฏิวัติให้ประชาชนรู้ว่าตัวเองมีพลัง แล้วมีพลังจริงๆ แล้วพลังที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ด้วย แล้วพลังนั้นไม่ได้มีพลังกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เป็นพลังระหว่างบุคคลที่อยู่ร่วมกันในที่ชุมนุมด้วย ที่สำคัญ ผมสารภาพเลยว่า บางทีผมอาจจะขาดพลังไปบ้างในบางช่วง แต่ทันทีที่เดินเข้าไปในที่ชุมนุมพลังมันกลับมาทันที พลังของพี่น้องมันกลับมากระแทกเรา นี่พูดโดยไม่เล่นลิ้นนะครับ ผมไปเดินที่สุวรรณภูมิ อะไรมันทำไมเต็มไปด้วยพลังทุกอนูของพื้นที่ที่สุวรรณภูมิ

สำราญ- ผมยอมรับเป็นอย่างพี่พิภพ มีบางห้วงเวลา มันก็มีความสับสนในตัวเองเหมือนกัน มันไม่ถึงกับวูบ มันรู้สึกขาดๆ ไป แต่พอเดินเข้าไปมันเหมือนได้รับการอย่างพี่ว่า

พิภพ- บางครั้งผมแอบไปนอนที่บ้าน พลังฝ่อเลยนะ พลังฝ่อไม่รู้อะไรมันเกิดขึ้นที่นั่น ผมต้องรีบลุกกลับเข้าไป หลังๆ ผมนอนในที่ชุมนุม ถ้าออกจากการชุมนุมพลังมันจะหายทันที

สำราญ- ปัญหาตอนนี้ไม่มีการชุมนุมแล้วพลังจะหายรึเปล่า

พิภพ- นอกจากดาวกระจายอย่างที่ อ.สมเกียรติ ว่า ผมว่าต้องจัดงานพบปะ ผมชมพนักงาน ASTV วันนี้ฉลาดมาก ที่จะฟื้นบรรยากาศเวทีมาในรูปในห้องส่ง ผมคิดว่าประชาชนที่ถามผมที่งานศพวันนี้ ที่วัด จะได้คำตอบ มันกลับมาแล้ว แล้วถ้าเริ่มให้มีห้องใหญ่กว่านี้ มีคนมาร่วมสัก 40-50 คน ผมว่าการเรียนรู้ของประชาชนจะเริ่มต่อ เริ่มก้าวหน้า

สำราญ- พี่สมศักดิ์ พี่น้องเหงาแย่ตอนนี้

สมศักดิ์- คงไม่เหงา ในเมื่อมีรายการอย่างนี้เราสามารถสื่อกันได้ สำหรับผมเห็นว่ากระบวนการศึกษาที่ถูกต้องแท้จริงเพิ่งเกิดขึ้นในประเทศไทย เมื่อมีมหาวิทยาลัยราชดำเนิน เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้สอนให้รู้ว่า อะไรคือความจริง อะไรคือความงาม อะไรคือความดี อะไรคือความรู้ การเรียนรู้นั้นเกิดขึ้นได้จากการปฏิบัติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และการต่อสู้ครั้งนี้สอนให้ทุกคนรู้ว่า เป้าหมาย ประเด็นที่เราเรียกร้องชัดเจน น่าหน้าที่ชัดเจน หน้าที่ของปวงชนชาวไทยที่มีกฎหมายสูงสุด คือรัฐธรรมนูญ รับรองชัดเจน ไม่มีอะไรสับสน ผมนี่ยืนยันได้เลยเรื่องพลังไม่มีหมด สู้เท่าไหร่ไม่หมด เพราะผมรู้ว่ามันเป็นหน้าที่ ผมยืนยันได้เลยว่าผมตายตาหลับนับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เพราะผมได้ทำหน้าที่และชีวิตที่เหลือคือกำไรล้วนๆ ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้ถ้ามีลักษณะแบบนี้ เห็นแล้วว่า พลังทางศีลธรรมเกิดขึ้น คือผมประทับใจมากว่า เราอยู่กับพี่จำลอง ขอแอร์ ขอแหได้แห ขออวนได้อวน ขอพัดลมได้พัดลม ขออะไรได้ทุกอย่าง เหมือนเนรมิตได้ ไม่เคยเจอ

สำราญ- ขอเฉลิมอย่ามาเป็นนายกฯ

สมศักดิ์- ขออย่างเดียวพี่น้อง ถ้าเฉลิมมา นายชัยมาต้องออกมาทันที

ศรันยู- ในห้องส่องพี่สมศักดิ์จะได้โห่ไหมครับ

สำราญ- เชิญท่าน พล.ต.จำลอง

จำลอง- ผมเป็นทหารอยู่คนเดียวท่ามกลางพวกเรา ขึ้นเวทีทีไรผมอาจประชาชน อาจแทนน้องๆ ที่อยู่ในกองทัพและที่เป็นนายตำรวจ โอ้ทำไมต้องปล่อยให้ประชาชนมาเดือดร้อนอย่างนี้ นี่มันหน้าที่ของเราชัดๆ เลย เราไปอยู่ซะที่ไหน บางครั้งสมควรที่จะให้ประชาชนพลเมืองเขาด่า แต่รอดตัวไปสำหรับทหารบก เรือ อากาศ และตำรวจที่ขึ้นเวที เพราะเราหน้าที่ตรงนี้ 2 หน้าที่ หน้าที่หนึ่ง คือเราทำหน้าที่ในฐานะที่เรา ตอนนั้นเป็นทหาร เราเป็นตำรวจ มีหน้าที่มาทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ เลยรอดตัวไป บอกว่า ทหาร ตำรวจถูกด่า ยกเว้นพวกผมที่ขึ้นเวที

สำราญ - คงไม่มีอะไรบอกพี่น้องอีกแล้ว พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ค่อยมาใหม่ ท่านพล.ต.จำลอง ก็จะแวะเวียนมา วันนี้ ก็ร่วมๆ 2 ชั่วโมง คงได้สาระ หรืออื่นใดก็คือมาบอกกล่าว พ่อแม่ พี่น้องทางบ้าน พี่น้องพันธมิตรฯทุกคน ทุกรุ่น ทุกวัย ว่า เราจะย้ายเวทีจากดอนเมือง สุวรรณภูมิ ทำเนียบ มาอยู่ที่ห้องส่ง

สมเกียรติ - ขอครึ่งนาทีนะ ขออนุญาต คือมันมี เชิญเรามา เล่นจัดเวที เยอะแยะเลย ผมเนี้ยะถูกจองตัว 30 จังหวัดแล้ว ผมไม่รู้ว่า วิธีวิเคราะห์ของเราจะดีหรือเปล่า ก็ยังไม่อยากห้ามพี่น้องประชาชนว่า เขารู้สึกเหงา พอกลับไปโคราชไม่เห็นมีอะไรเลยในกรุงเทพฯ จัดจำลองที่นี่ได้ไหม ตอนนี้ติดต่อมา 3 จังหวัด ผมก็ยังไม่ให้คำตอบ กำลังมาปรึกษแกนนำว่า ระยะนี้จะไปไหนดี หรือ ซ่อนตัวอยู่ชั่วคราว ก็เลยยังต้องขอโทษด้วย ยังไม่ให้คำตอบนะฮะ โทรมาวันนี้ ศิริชัย บอกว่าอยุธยาเพิ่มมาอีก หลังจากนครสวรรค์ โคราช สุรินทร์มาเนี้ยะ ผมยังไม่ให้คำตอบซะอย่างเลย ก็ต้องมาปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่ดูก่อนว่า เอ ผมควรออกรบตอนนี้ไหม จะพักจริงๆ หรือยังไม่พักเนี้ยะ ต้องขอโทษด้วยที่ยังไม่ให้คำตอบ

สำราญ - ขอให้พักแต่รบด้วย ได้ไหม

สมเกียรติ - ก็ยังไม่รู้ไง เลยยังไม่ให้คำตอบอะไรลงไป

สำราญ- เอาละครับ เวลาหมดจริงๆ พรุ่งนี้แต่เช้าจำลอง จำแลงให้คล้ายกับทำเนียบฯ มีคุณปอง อัญชลีก็มาข่าวยามเช้า กับน้องเก๋ 9 โมง ผมกับคุณประพันธ์และวิทยากรก็จะมาประจำ ร่ายมาจนถึง 3 ทุ่มแหละครับ พันธมิตรฯ จะนำเวทีมา มีดนตรี มีการแสดงไรด้วย พี่น้องมีข้อแนะนำอย่างไร ก็เสนอความเห็นเข้ามา โทรศัพท์มาได้ ที่สถานีของเอเอสทีวี รายการวันนี้ คงมีประโยชน์
ขอบพระคุณตั้งแต่คุณตั้ว จนถึงท่านพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่มาร่วมรายการ ขออภัย แทนคุณสาวิทย์ แก้วหวาน คุณมาลีรัตน์ แก้วก่า คุณสุริยะใส กตะศิลา ซึ่งมีภารกิจมาไม่ได้ หวังว่าพี่น้องคงสบายดี 193 วันเราทำอย่างดีที่สุด สูญเสียบ้างทั้งที่ไม่อยากให้สูญเสีย ก็เป็นเรื่องน่าเศร้า แปลความเศร้าเป็นพลัง ต่อสู้กันต่อไป ภารกิจยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ได้รับชัยชนะค่อนข้างน่าภูมิใจแล้ว พี่น้องคงไม่หมดแรง เติมพลังใจให้แก่กัน รายการ ที่นี่ASTV ก็จะเป็นเพื่อนท่าน วันนี้หมดเวลาแล้วนะครับ ไม่รู้จะลายังไงดี
พี่น้องเอ้ยยยยยยย คุณตั้วซะหน่อยซิ

ศรันยู- พี่น้องเอ้ยยยยย

สำราญ- ลาก่อนนะครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น