xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ พบพี่น้องทาง ASTV ประเมิน 193 วันบรรลุเป้า พร้อมฮือต้านนายกฯ นอมินี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แกนนำพันธมิตรฯ พบประชาชนผ่านจอ ASTV ประเมิน 193 วัน สำเร็จตามเป้าหยุดยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปกป้องกระบวนการยุติธรรม สถาปนาการเมืองภาคประชาชน ปูฐานสู่การเมืองใหม่ ส่วนคดีความที่ “รัฐมาร” เตรียมเล่นงาน แกนนำพร้อมรับผิดชอบ จับตาตั้งนายกฯ ใหม่ “นอมินีแม้ว” คืนเก้าอี้ไม่ง่ายแน่ เหตุภาคธุรกิจตื่นตัว ปชช.ไม่ยอมรับ พร้อมชุมนุมต้านทุกเมื่อ เผยโปรเจกต์ละคร “ตั้ว ศรัณยู” ทางเอเอสทีวี สะท้อนเรื่องราวการต่อสู้ พร้อมทำสารคดีชีวิตแม่ยก

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง แกนนำพันธมิตรฯ พบประชาชน 

ภายหลังจาก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยุติการชุมนุมตั้งแต่เช้าวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา แกนนำพันธมิตรฯ ได้หารือกันและมีมติที่จะจัดกิจกรรมเหมือนในที่ชุมนุมต่อเนื่อง โดยนำเข้าสู่ผังรายการเอเอสทีวีแทน เพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อกับมวลชนพันธมิตรฯ และติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การอ่านข่าวเช้า รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ไปจนถึงช่วงเย็นที่แกนนำจะขึ้นเวทีปราศรัย ก็จะเชิญแกนนำมาพูดคุยกับพิธีกรคือ นายสำราญ รอดเพชร ซึ่งได้ประเดิมรายการตั้งแต่เวลา 21.00 น.เมื่อคืนวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา

สำราญ - สวัสดีครับ ท่านผู้ชมครับ ท่านพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอต้อนรับเข้าสู่รายการพิเศษ เวทีของพันธมิตรฯ อย่างที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้พูดไปเมื่อช่วงที่แล้ว ผังรายการจากนี้ไป นับจากวันที่ 193 ของการต่อสู้ของพันธมิตรฯ เอเอสทีวี ทีวีของประชาชนก็จะปรับสภาพการณ์ให้สอดคล้อง ต้องย้ายเข้ามาที่ห้องส่ง แต่ว่า เนื้อหาสาระรูปแบบรายการ กล่าวโดยสรุปก็คือ ยังจะจำลองคล้ายกับเวทีการชุมนุม เพียงแต่ว่า เราอาจจะไม่มีท่านผู้ชม พี่น้องมานั่งอยู่เบื้องหน้า วันนี้ก็เลยแปลกนิดหน่อย โดยกล่าวว่า พ่อแม่ พี่น้องเอย ก็ไม่มีคนปรบมือให้ ก็ฝากถึงทางบ้านนะครับ ปรบมือได้นะครับ ตามใจชอบนะครับ เอามือตบมารับชมรายการนี้ได้นะครับ ตามสบายนะครับ

เอาละครับ ท่านผู้ชม พี่น้องพันธมิตรฯ ครับ วันนี้ เป็นวันแรก พรุ่งนี้ ประมาณ 3 ทุ่มจะเป็นคล้ายๆ แบบนี้ คือยกเวทีมาไว้ตรงห้องส่ง เนื้อหาสาระจะมีแกนนำสลับสับเปลี่ยนมาหมุนเวียนมาพูดจากกันบนเวที จนถึงเที่ยงคืนโดยประมาณ วันนี้จะใช้เวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมง ประเดิมวันแรกเป็นรายการพิเศษ ก็เชิญแกนนำบางส่วนที่ว่าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาวันนี้ ทั้งรุ่น 1 รุ่น 2 มากันอย่างพร้อมหน้า พร้อมตา มาพูดจากกันเป็นเรื่องแรกก่อนว่า 193 วันของการต่อสู้ ได้ผลอย่างไรบ้าง และจากนี้ไป เราจะเดินหน้าไปสู่หนใด เดินอย่างไร อับปรีย์ไป จัญไรมา และต่อมาอะไรจะมาอีก ต้องมาพูดจากัน ไม่อย่างนั้นพี่น้องจะมีคำถามมาก นอกเหนือจากนั้น ก็เป็นรายการอื่นๆ ซึ่งคุณสนธิได้แจกแจงไปแล้ว ก็คงจะได้รับทราบกันไปแล้ว

วันนี้มากัน พร้อมหน้า พร้อมตาพอสมควร ขาดเพียงบางท่าน เพราะมีภารกิจ แน่นอนครับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็มา คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข ก็มา อาจารย์พิภพ ธงไชย ก็มา อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ก็มา นี่ก็ครบแล้วรุ่น 1

รุ่น 2 นะครับ แกนนำ คุณศิริชัย ไม้งาม ก็มา คุณศรัณยู วงษ์กระจ่าง ก็มา ผมเองก็วันนี้ ขอทำหน้าที่เป็นพิธีกรก็มา ขาดแต่คุณสาวิทย์ แก้วหวาน มีภารกิจ คุณมาลีรัตน์ แก้วก่า ก็มีภารกิจ รวมทั้งคุณสุริยะใส กตะศิลา ก็ยังติดอยู่ที่งานศพ

ผมก็กราบสวัสดีทุกท่านนะครับ ทั้งรุ่น 1 รุ่น 2 ท่านพล.ต.จำลอง นะฮะ คุณตั้ว อาจารย์พิภพท่านก็มาจากงานศพใช่ไหมครับ

พิภพ - ครับ เพิ่งมาจากงานศพน้องโบว์

สำราญ - วันนี้จะไม่มีการปราศรัยกันยาวๆ แต่จะซักถามพูดคุยกันนะครับ ดังนั้นเรียนทุกท่านนะครับว่า ใครมีอะไรที่จะสอดแทรก เพิ่มเติมได้ ก็ใช้จังหวะในการที่จะพูดจาได้เลย โดยที่ผมไม่ต้องถามก็ได้นะครับ รวมทั้งท่าน พล.ต.จำลอง นะครับ ซึ่งท่านก็คงช่วยเก็บตกประเด็นให้ผมด้วยนะครับ และที่สำคัญที่สุดนะครับ พี่น้องครับ ท่านผู้ชมครับ คือ เราสู้มา 193 วัน เมื่อวานเราออกแถลงการณ์ฉบับที่ 27 เมื่อวาน วันก่อนนะครับ วันนี้ก็มีแถลงการณ์ปิดท้ายอีก 1 ฉบับ ท่ามกลางการต่อสู้ที่ยังไม่จบเบ็ดเสร็จ ยังไม่เด็ดขาด แต่เราต้องยุติการชุมนุมไว้ก่อน ด้วยเหตุและผลที่เรียนมาแล้ว วันนี้มีแถลงการณ์ฉบับใหม่ ซึ่งผมคิดว่า เป็นจากใจถึงใจ จากเราถึงพี่น้อง

(คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข อ่าน แถลงการณ์)

สำราญ - ขอบพระคุณคุณสมศักดิ์นะครับ อ้าวพี่น้องปรบมือด้วยครับทางบ้านครับ ต้องกราบเรียนท่าน พล.ต.จำลอง ด้วยความเคารพนะครับ ว่าอาจจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้างว่าเราสูญเสียถึง 8 ชีวิต บาดเจ็บอีกครึ่งพัน พิกลพิการด้วยส่วนหนึ่งนะครับ กับสิ่งที่เราบรรลุ บางคนก็ สังคมที่ไม่เข้าใจเราก็นำไปเปรียบเทียบว่า มันคุ้มกันหรือเปล่า พล.ต.จำลอง เคยพูดบอกว่า เราไม่อยากให้เกิดขึ้นแต่เราโชคร้ายมากนะครับ อยากให้ พล.ต.จำลอง พูดอีกสักครั้งหนึ่งว่า สิ่งที่เราบรรลุกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นอย่างไร

พล.ต.จำลอง - เรามาชุมนุมกันตลอดระยะเวลายาวนาน ไม่มีใครเคยคิดนะครับว่า เราจะถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมถึงขนาดใช้อาวุธสงคราม และขณะที่เราเสียชีวิตไป ครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ก็มีคนนั่งดูเรา ทั้งๆ ที่เขามีหน้าที่โดยตรงในการปกป้อง 3 สถาบัน และในการรักษาความมั่นคงของประเทศ เขานั่งดูเฉยๆ ได้ ผมเห็นว่า เขานั่นแหละที่จะต้องออกมาช่วย แต่เขาก็เปล่า เป็นคนใจดำมากนะครับ บรรดาผู้ที่ผมกล่าวมาให้ฟัง ที่แท้แล้วชาวบ้านอย่างเรา ผมในฐานะชาวบ้าน ถึงแม้เป็นทหารมาก่อนแต่เกษียณมาแล้วก็มาทำหน้าที่ชาวบ้านธรรมดา ชาวบ้านธรรมดาไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงว่าจะต้องมาทำอย่างนี้ หน้าที่โดยตรงเป็นของคนอื่น แต่เมื่อเขาไม่ทำเราจะมานั่งงอมืองอเท้าก็ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเกิดวิกฤตของชาติขึ้นมา เราก็เลยต้องรวมตัวกันแล้วเราก็ประท้วงอย่างสงบ การประท้วงอย่างสงบนี้เขาทำกันทั่วโลกไม่ใช่ทำเฉพาะเมืองไทยเท่านั้น แล้วก็เป็นผลสำเร็จ ของเราก็เป็นผลสำเร็จ แต่ไม่น่าจะต้องถึงเสียชีวิตและเลือดเนื้อเลย นี่เป็นเรื่องที่น่าคิดมากเลยครับ ผมพูดเสมอๆ นะครับว่า พวกเราที่มาชุมนุมโชคร้าย โชคร้ายเพราะมาเจอรัฐบาลที่หน้าด้านที่สุด และมาเจอคนที่เขามีหน้าที่โดยตรงในการปกป้อง 3 สถาบัน และรักษาความมั่นคง ไม่ออกมาทำอะไรเลย นี่คือความโชคร้าย ถ้าเป็นประเทศอื่นไม่ต้องยาวนานมาถึง 193 วัน ก็เป็นไปตามที่ประชาชนออกมาคัดค้าน คือประชาชนที่ออกมาคัดค้านไม่ใช่สนุกสนาน ออกมาลำบากลำบน มานอนกลางดินกินกลางทราย เหมือนคนไร้ญาติขาดมิตร คนจรหมอนหมิ่น นอนที่ไหนก็ได้ กินที่ไหนก็ได้ ดูแล้วมันไม่น่ารื่นรมย์ แต่เราจำเป็นต้องออกมาทำเพราะไม่มีใครทำ ผมยังพูดอยู่เสมอเลยว่า ได้มีใครสักกลุ่มหนึ่งมาทำเรากลับทันที เราไม่ต้องการทำหรอก แต่ทีนี้เมื่อมันมีความจำเป็นเราก็ต้องออกมาทำ แล้วเรากำหนดวัตถุประสงค์ของการชุมนุมไว้อย่างชัดเจนนะครับ พูดแล้วพูดอีกอย่างแผ่นเสียงตกร่อง คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 แล้วก็เรียกร้องให้รัฐบาลหุ่นเชิดออกไป เพื่อนำไปสู่การเมืองใหม่ ที่เราหยุดการชุมนุมไปวันนี้ วันที่ 3 นี้ เพราะเนื่องจากว่า เราได้ครบทั้ง 2 อย่าง พร้อมมูลแล้ว ถ้าจะมีต่อ ก็ถามว่า อ้าวแล้วจะเอาอะไรอีก ก็ได้ครบทั้ง 2 อย่างแล้วนี่ เรียกร้องให้รัฐบาลหุ่นเชิด ไม่ใช่รัฐบาลเดียวนะ 2 รัฐบาล ออกไปเรียบร้อยแล้ว และถ้าเราไม่ออกมา ปกป้องรัฐธรรมนูญ ขบวนการยุติธรรมที่มีการพิพากษาไปนั่น ทำไม่ได้ ถ้ารัฐธรรมนูญที่เขาจะแก้ เขาจะแก้องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ไม่มีใครที่จะมาชี้ มาพิพากษาให้เห็นเด่นชัดอย่างที่แล้วมา ดังนั้น ไม่ใช่มาอวดตัว อวดตน หรืออวดพรรคพวก เป็นเพราะพวกเรามีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ที่ทำให้เกิดอะไรที่มันดีขึ้น

วันนี้ผมก็นั่งคุยกับผู้ใหญ่มาก ในวงการตุลาการ ท่านได้ยอมรับ ยอมรับว่า เป็นเพราะพวกเรา ท่านยังเป็นห่วงเลยว่า เอ ไม่ทราบว่าพวกเรานี้ หยุดไปแล้ว และไม่กลับมาอีกเลยอะไรมันจะเกิดขึ้น

สำราญ - คือที่สำคัญมากที่เห็นชัดเจน คือ พล.ต.จำลอง เชื่อมั่นว่า ถ้าเราไม่เคลื่อนไหวตั้งแต่วันแรก 25 พฤษภาคม ป่านนี้ รัฐธรรมนูญอย่างน้อยมาตรา 237 เรื่องพรรคการเมือง เรื่องการยุบพรรค เขาแก้เรียบร้อยแล้ว และการยุบพรรควันที่ 2 ก็จะไม่มี

พล.ต.จำลอง - นอกจากนั้น องค์กรอิสระ องค์กรที่เกี่ยวข้องกระบวนการยุติธรรมก็รื้อหมด ศาลรัฐธรรมนูญเขาก็จะไม่เอาไว้ ป.ป.ช.ก็จะไม่เอาไว้ นอกจากนั้นแล้ว ถ้ามาแก้รัฐธรรมนูญ โดยที่ยกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับมาใช้ อย่างฉบับที่จะเข้าไปเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ถ้าฉบับนี้มาแทนฉบับ 2550 ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะว่า ไม่มีข้อกำหนดที่รองรับสถาบันองคมนตรีเลย

สำราญ - สังคมก็ไม่รู้จะไปถึงไหนแล้วป่านนี้นะฮะ ถ้าไม่มีการเคลื่อนไหว ท่านใดจะมีไรเพิ่มเติมบ้างไหมฮะ คุณสมศักดิ์ อาจารย์สมเกียรติ พี่พิภพ มีไหมฮะ

สมเกียรติ - การประเมินรึเปล่า

สำราญ - ประเมิน

สมเกียรติ - ถ้าจะประเมินก็อยากจะเริ่มต้นการประเมินการชุมนุม ผมคิดว่า 4-5 ประการที่ควรได้รับการกล่าวถึงกัน และบันทึกไว้คือ การชุมนุมคราวนี้ ได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ระดับโลก ประวัติศาสตร์ระดับประเทศเรียบร้อยแล้ว ในระดับโลกคือไม่มีการชุมนุมไหนที่มันยาวขนาดนี้ ในระดับประเทศคือไม่มีการชุมนุมไหนที่มันทรงพลังขนาดนี้ และมีขบวนการใหม่ๆ เกิดขึ้นมาตลอด เราไม่เชื่อว่าเลย ว่าจะเกิดคำว่าดาวกระจาย เราไม่เชื่อเลยว่า จะเกิดการบุกที่สนามบิน ที่โทรทัศน์ ไปที่ใจกลางอำนาจรัฐ คือทำเนียบรัฐบาล เราไม่เคยคิดว่า เราจะปิดล้อมรัฐสภา เพราะฉะนั้น ไอ้พลังของการเคลื่อนไหวคราวนี้ มันถูกจารึกไว้ในประเทศไทยแล้ว เป็นประวัติศาสตร์ที่ครบถ้วนเลย ครบถ้วนทั้งทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และแหล่งเศรษฐกิจของชาติ และขณะเดียวกัน สื่อสารมวลชนที่บิดเบือนมันก็ถูกติดตามไปถึงแม้แต่กระทรวงการคลัง เพราะฉะนั้น การประมวลข้อนี้ ได้รับการจารึกไว้แล้ว ไม่ใช่เพียงยาวที่สุดนานที่สุดนะ อันที่ 2 เนี่ย การประเมินการชุมนุมคราวนี้ มีทุกรสชาติ มีทั้งถูกจับจำคุก

ท่าน พล.ต.จำลอง กับพี่ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ถูกตั้งข้อหากบฏก็มี แล้วก็ถอนข้อหากบฏเฉยๆ อย่างนั้นแหละ แล้วก็โศกเศร้าก็มี ยินดีก็มี เดี๋ยวก็รดน้ำศพ เดี๋ยวก็เฉลิมฉลองชัยชนะ รสชาติมันมีโดยตลอด มีกิจกรรมบันเทิงทำให้เกิดวงดนตรีเพลงใหม่ๆ มากมาย แล้วติดปากติดคำเลย แม่ยกพันธมิตร ออกมาออกมา เพลงพวกนี้เป็นใจกลางของงาน วัฒนธรรมใหม่ของภาคประชาชน อันนี้เป็นการประเมินอันที่ 2 ผมอยากจะประเมินไป 4 ข้อนะครับ

ข้อที่ 3 คือว่า ในวันนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ปักหลักสร้างฐาน ยกระดับไปสู่การสถาปนาการเมืองภาคประชาชนแล้ว แล้วการเมืองภาคประชาชนทรงพลังมาก ในความเห็นส่วนตัวของผม การเมืองภาคประชาชนภายใต้พันธมิตรและองค์กรแนวร่วม อย่างแถลงการณ์ยังขาดไปเรื่องสภาประชาชน มันมีพลัง ในความเห็นของผม มากกว่าพรรคการเมือง ลำพังให้พรรคการเมืองต่อต้านพวกพรรคทรราช หรือว่ารัฐบาลทรราชแก้รัฐธรรมนูญ มันต้านไม่อยู่ ต้องใช้การเมืองภาคประชาชนมา เพราะฉะนั้นฐานะทางประวัติศาสตร์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พลังมันมากกว่าพรรคการเมือง มันมากกว่า 6-7 พรรคที่ดำรงอยู่ในรัฐสภาและในคณะรัฐมนตรี ผมต้องถือว่าในวันนี้ ไม่ใช่มายกย่องอะไรกันนะครับ การเมืองภาคประชาชนได้รับการชูสูงเด่นแล้ว และเป็นสถาบันจะดูแคลนไม่ได้อีกแล้วอำนาจรัฐ แม้แต่แถลงการณ์ออกมาแต่ละฉบับ เพียงแต่บอกว่าจะไปตรงนั้น ดาวกระจายไปตรงนั้น วิ่งหนี้จ้าละหวั่นก่อนเลย ทั้งๆ ที่ไม่ไป เพราะฉะนั้นพลังอันนี้ผมถือเป็นการออกแบบใหม่ ที่เราเรียกว่า การเมืองใหม่ กระบวนการประชาชนใหม่

สำราญ - อาจารย์คิดว่าการเมืองใหม่ คำว่า การเมืองใหม่ ซึ่งเรายังไม่ลงรายละเอียด แต่ว่าหลักกิโลเมตรแรกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ลงหลักแล้ว

สมเกียรติ - เขาเรียกว่า ตอกเสาเข็มขึ้นคานแล้ว รอวันที่จะหาอะไรมามุงแต่งให้บ้านนี้สวยงาม แล้วในขณะเดียวกัน อยู่ในนั้นเราก็สร้างบ้านนี้ไม่เสร็จ ยุ่ง มันสั้นมีหลายงาน เดี๋ยวประชุมการเมืองใหม่ เดี๋ยวอะไร แล้วอันสุดท้ายที่ผมอยากประเมิน เป็นม็อบที่น่าพิศวงมาก คือว่า ม็อบพึ่งตนเอง และมุ่งมั่นจะเอาชนะด้วยหลักอหิงสาปราศจากอาวุธ ไม่น่าเชื่อเลยว่าการบริจาคมันเกิดขึ้นโดยเต็มใจมาเอง เสียเงินเอง บริจาคตั้งแต่หลัก 6-7 หลักลงมาจนมาถึงหลักร้อย แล้วก็การระดมทุนแบบนี้ การระดมทุนแบบนี้มันเป็นการระดมทุนเพื่อสถาปนาการเมืองใหม่ และต้องการโค่นล้มอะไรบางอย่างที่ถือเป็นอุปสรรค หรือเป็นวิกฤตการณ์ของชาติ แล้วการยืนหยัดของอหิงสา ได้รับการพิสูจน์ว่า อหิงสาชนะได้ ตรงนี้สำคัญมาก อหิงสาต่างจากอาวุธชนะได้ แม้จะมีการเบี่ยงเบนไปบ้าง ล้ำเส้นไปบ้าง แต่ก็ไม่เลยธงไปเท่าไหร่ ไม่เลยเส้นไปเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น 4 ประการ ผมอยากประเมินว่า ในความเห็นผม การต่อสู้คราวนี้ สร้างผลสั่นสะเทือนต่อสังคม เราจะละเลยคำว่า พันธมิตร องค์กรแนวร่วม ไม่ได้แล้ว เราจะดูแคลนไปว่า ผู้ก่อความไม่สงบ ผู้ไม่ประสงค์ดี ผู้ก่อการร้าย จะเป็นในประเทศหรือสากล หรือม็อบมาปิดล้อม ไม่ได้แล้ว มันเป็นฐานะหนึ่งของการเมืองภาคพลเมือง หรือการเมืองภาคประชาชนที่ควรจะได้รับการตราไว้ในประเทศไทย ในฐานะประวัติศาสตร์ส่วนหน้าที่ได้รุกคืบไปสู่การเปลี่ยนผ่านสังคมนี้แล้วครับ

สำราญ - ถ้าพูดให้คำโตหน่อย ไม่โตมาก ก็คือ การเคลื่อนไหวเที่ยวนี้ก็มีฐานะทางประวัติศาสตร์ที่แน่นอนแล้ว คุณพิภพคิดว่า ถามแบบชาวบ้านคือ คุ้มไหม บรรลุไหม บรรลุจริงหรือเปล่า

พิภพ - คือคุ้มในการ ในแง่มองในแง่พัฒนาทางการเมือง ผมคิดว่าในช่วงร้อยกว่าวันมันก้าวกระโดดมาก ก้าวกระโดดจนกระทั่งพรรคการเมืองเองก็ตามไม่ทัน ไม่ใช่เฉพาะพรรคไทยรักไทยเก่า ที่มาเป็นพรรคพลังประชาชน หรือพรรคมัชฌิมา หรือพรรคชาติไทย พรรคชาติไทยนี่ คุณบรรหารตามไม่ทัน หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ก็ตามไม่ทัน คุณอภิสิทธิ์นี่เก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะขยับก้าวยังไงให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของภาคประชาชน อันนี้น่าสนใจมาก

และอันที่ 2 นักวิชาการก็ตามไม่ทัน นักวิชาการตามไม่ทันในความก้าวหน้า หรือการพัฒนาของความคิดของการเมืองภาคประชาชน โดยเฉพาะ ไม่ใช่เฉพาะชนชั้นกลางเท่านั้น มาจากทุกสาขาอาชีพ นักวิชาการแตกเป็นเสี่ยงๆว่า จะแสดงจุดยืน วิเคราะห์ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างไร ตามไม่ทันจริงๆ มันเห็นชัดเลยว่า งานวิจัยทั้งหมดของนักวิชาการล้มเหลวหมด ไม่สามารถให้คำตอบกับการเปลี่ยนในสังคมช่วงนี้ได้ พร้อมกันนั้น นักวิชาการที่ไม่ได้ทำงานวิจัย หรือทำงานวิจัยไปแล้ว มาวิเคราะห์สังคมโดยไม่เข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมือง

สำราญ - อันนี้ต้องพลิกตำรากันหลายเล่มเลย

พิภพ - พลิกเลย งานนี้พลิกกันอย่างที่เรียกว่า เอ่อ มหาศาล เพราะฉะนั้นนักวิชาการเนี่ย เป็นครั้งแรกที่นักวิชาการถูกปฏิเสธ และถูกดิสเครดิต ไม่มีความหมายเลย

สำราญ - ยกตัวอย่างรูปธรรมซักอันได้ไหม เดี๋ยวไม่เห็นภาพ

พิภพ - ยกตัวอย่างเช่น นักวิชาการไม่สามารถวิเคราะห์ให้ออกได้ว่า การที่พลัง คือการรวมตัวกันทุกกลุ่มอาชีพอันเนี่ย มันเกิดจากอะไร และมันกำลังจะขับเคลื่อนไปสู่อะไร และนักวิชาการก็ตกใจมาก คิดว่า พันธมิตรฯ ล้าหลัง เพราะเกาะติดอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ นักวิชากาคิด แต่พวกเดียวเนี่ยการเกาะติดอยู่กับการรักษาสถาบันกลับสามารถสร้างการเมืองใหม่ได้ ซึ่งนักวิชาการสร้างไม่ได้ในเรื่องการเมืองใหม่ นักวิชาการคิดไม่ออก คือความเป็นนักวิชาการ พยายามจะคิด ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างไร คราวนี้ 193 วัน มันกระโดดมากเลยในเรื่องการเมืองใหม่ และมันกระโดดจากกระบวนการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน หรือ ความเข้มแข็งของภาคประชาชน ซึ่งคลานต้วมเตี้ยมมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับ 2540

สำราญ - ผมขอแทรกนิดเดียว ผมขออนุญาต นักวิชาการบางกลุ่ม หรือทั่วไป เท่าที่สังเกตดูคือว่า มองว่า ม็อบเที่ยวนี้คือม็อบเสื้อเหลือง คือม็อบที่ปกป้องสถาบันอย่างเดียว ไม่ได้มีเนื้อหาทางประชาธิปไตย ทางรัฐธรรมนูญอะไรแบบนี้ เขามองว่าตรงนู้นเป็นหลัก และสุดท้าย คุณพิภพกำลังบอกว่า จริงๆ แล้ว 2 อย่างมันไปด้วยกันได้เลย ไปพร้อมกันด้วย

พิภพ -ใช่ ไปพร้อมกันเลย มันดูเหมือนว่า การที่ไปผูกติดอยู่กับเสื้อเหลืองก็ดี หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ดี ดูว่าจะล้าหลัง จริงๆคือก้าวหน้า และถ้าเทียบกับตะวันตกแล้ว สถาบันพระมหากษัตริย์ในตะวันตก ได้ผูกติดกับประชาธิปไตย แต่นักวิชาการไม่เข้าใจ นึกว่าการผูกติดกับสถาบันพระมหากษัตริย์จะไม่เป็นประชาธิปไตย มันกลับกันเลย กลับปรากฏว่า คนที่ผูกติดกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ กลับมีความเป็นประชาธิปไตย ขณะที่คนที่ไปผูกติดกับประชาธิปไตยแบบการเลือกตั้ง กลับมีความล้าหลัง มันกลับกันเลย และนักวิชาการก็ไปผูกติดกับการเลือกตั้งว่า เป็นประชาธิปไตย กลายเป็นความล้าหลัง และนักวิชาการคิดว่าตัวเองดูดี ที่ผูกกับระบบการเลือกตั้ง มีการเลือกตั้งและมาเป็นรัฐบาล แต่นักวิชาการไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่า แล้วการเลือกตั้งมันให้คำตอบอะไรกับประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ และให้คำตอบอะไรกับความล้าหลังและความก้าวหน้าทางการเมืองของสังคมไทย อันนี้ซิ

สำราญ - ผมว่า นี่แหละฮะ ท่านผู้ชม พี่น้องพันธมิตรฯ ทางบ้าน เป็นประเด็นหนึ่งนะ เอาอาจารย์พิภพมาคนเดียวและพูดชั่วโมงครึ่งยังได้ เรื่องปรากฏการณ์ที่มันเกิดขึ้นแบบนี้ และมันเกิดคำถามทางวิชาการมากมาย ซึ่งยังตอบไม่ได้ หรือบางคนตามไม่ทัน

พิภพ - ขออีกนิดเดียวคุณสำราญ คนอาจจะตกใจ หรือแปลกใจ เพราะคนไทยปกติ มักจะสงวน สงวนแสดงความคิดในที่สาธารณะ สงวนที่จะแสดงจุดยืนในที่สาธารณะ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทุกกลุ่มได้แสดงจุดยืนและความคิดทางสาธารณะถึงแม้จะตรงข้ามกัน หรือบางครั้งอาจจะเหมือนกัน บางคนมองว่านี่เป็นความแตกแยกในสังคม ผมคิดว่าไม่ใช่ แต่เป็นครั้งแรกที่คนไทยได้ผ่านขั้นตอนในการจะไม่แสดงตัวตนในที่สาธารณะ เป็นการแสดงตัวตนในที่สาธารณะ แต่ปัญหาที่เราจะต้องแก้ต่อไปก็คือ การแสดงตัวตนในที่สาธารณะ จุดยืนในที่สาธารณะที่แตกต่างกัน จะต้องไม่เกิดความแตกแยก อันนี้กลายเป็นโจทย์ใหญ่ของคนไทยในขณะนี้แล้ว ผมคิดว่ามันจะพัฒนาไปได้จะไม่แตกแยก

สำราญ - พอดีเลยผมกำลังจะถามคุณพี่สมศักดิ์ คือเราโดนกล่าวหามากว่าจริงๆ แล้วสังคมแตกแยกอยู่แล้ว แต่พอมา พันธมิตรเคลื่อนไหว 193 วัน ก็มีเสียงกล่าวหาว่าพันธมิตรทำให้สังคมแตกแยกหนักยิ่งขึ้น หาว่าเราเป็นตัวการ จริงไหมครับ

สมศักดิ์ - คืออันนี้ต้องปฏิเสธ นี่เป็นห่วง ประเทศเราต้องสอนวิธีปรัชญา ในยุโรป มัธยมต้นเขาสอนวิชาปรัชญาแล้ว ของเราบางทีปริญญาตรียังไม่ได้เรียนวิชาปรัชญา คือวิชาว่าด้วยการใช้เหตุและผล อะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผล อันนี้ไม่เข้าใจ ประเด็นที่มีปัญหาก็คือว่า รัฐบาลโกง ทุจริต แล้วเราถูกสอนให้คนทำความดี ให้เห็นกับส่วนรวม การทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ดี ประธานองคมนตรีก็เคย ป๋าเปรมเคยเป็นนายแบบใช่ไหม การทุจริต การคอร์รัปชั่นคือการทำลายชาติ รัฐบาลทักษิณเคยประกาศว่า การทุจริตจะเป็น เขาเรียกว่าทำสงครามกับการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่สุดท้ายทำเอง ตามรัฐธรรมนูญบอกว่า เรามีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับชาติ อันนี้มาตรา 87 และถ้ารัฐบาลทำผิดรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นไปตามวิถีทาง เราก็มีสิทธิ์ต่อต้านโดยสันติวิธี นี่มาตรา 69 แล้วเราใช้อำนาจหน้าที่ตามมาตรา 70 ประชาชนปวงชนมีหน้าที่ปกป้องพิทักษ์รักษาไว้ ผมอยากให้ทุกคนอ่านรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มาตรานี้จำไว้ ผมท่องทุกคน

สำราญ - มาตรา 70

สมศักดิ์ - ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราดูกระบวนการระบอบทักษิณ เขาเรียกว่า ทำความผิดครบวงจร เรื่องเอาอำนาจอธิปไตยไปให้ต่างประเทศ ผิดกฎหมายอาญา กรณีเขาพระวิหาร ศาลพิพากษาแล้วนะ เรื่องที่ดินรัชดา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาแล้วผิดชัดแล้ว แล้วก็เรื่องศาลรัฐธรรมนูญ ก็พิพากษาแล้วว่า ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย เมื่อก่อนเรากล่าวหานะ เรากล่าวหา วันนี้พิสูจน์แล้วว่าข้อกล่าวหาเราเป็นเรื่องจริง เพราะศาลมีคำพิพากษาแล้วว่า พรรคพลังประชาชนก็โกงการเลือกตั้ง แล้วที่นี้คนไม่ต้องออกมาทำอะไรหรอ แล้วออกมาทำให้แตกแยก ถ้าอย่างนั้นพลเมืองดีก็อยู่ไม่ได้ ใครจะปล้นบ้านปล้นเมือง ใครจะจุดไฟเผา อย่าไปจับนะเดี๋ยวจะแตกแยกกับโจร ไปจับผู้ร้ายทำให้แตกแยก โจรจะโกรธ โจรก็ยิงเรา และวันนี้ที่เราปกป้องตามหน้าที่ของคนไทย อย่างที่กล่าวมาแล้ว เราก็ถูกโจรยิง เข่นฆ่าเรา ฉะนั้นอย่ามากล่าวแบบคนที่ไม่มีความรู้เพียงพอ หรือด้อยความรู้ ว่าการชุมนุมทำให้เสียชีวิต การชุมนุมโดยสงบมันจะเสียชีวิตได้อย่างไรเพราะมันไม่มีอาวุธ ที่มันยิงมาจากข้างนอก ผู้ร้ายที่คนไม่หวังดีต่อประเทศชาติ เพราะกาลครั้งนี้ ผมสมมุติให้ชาวบ้านเข้าใจว่า โจรกำลังจะลักทรัพย์ แต่วันนี้มันปล้นทรัพย์ของแผ่นดิน ของชาติ ของประเทศ ทำลายสถาบันที่อยู่กับประเทศไทยเป็น 800-900 ปี เมื่อเราออกมาทำหน้าที่อย่างนี้มันก็ยิงเรา เราก็บาดเจ็บและตาย การตายไม่ใช่เกิดจากการชุมนุมโดยสงบ เกิดจากการทำร้ายของพวกอาชญากรรม อาชญากรของแผ่นดิน แต่เมื่อรัฐบาลชั่วมันก็ไม่มีใครไปดำเนินคดีอะไร นี่ฆ่าคนกลางกรุงจับไม่ได้สักคนเดียว พูดจาบจ้วงสถาบัน วันนี้ไม่ถูกลงโทษสักคนเดียว ใช้เวลาสอบสวนนานมาก ถ้าพี่น้องบอกว่า ประชาชนบอกว่า เราอย่าไปโวยวายนะ ใครจะลักของขโมยของ เดี๋ยวจะทะเลาะกัน ทุกคนหยุดหมด ถ้าเป็นอย่างนี้บ้านเมืองก็ไปสู่วิกฤตและมากกว่านี้ ฉะนั้นการที่ทุกคนออกมาทำหน้าที่นั้น อย่าสับสน อย่าไปไขว้เขวกับพวกนักวิชาการที่ผมบอกว่า ผมไม่ให้เครดิตเลย แล้วคนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์เป็นนักวิชาการได้ เพราะสอบตกวิชาปรัชญาเบื้องต้น ผมยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า พวกนี้อาจจะตอบไม่ถูกด้วย ถนนเปียกเพราะฝนตก หรือว่าฝนตก ทำให้ถนนเปียก ผมถามแค่เนี้ยะ ผมเชื่อ พวกนี้ตอบผิดหมด ตอบผิดหมดเลย ไม่รู้อะไรเป็นเหตุเป็นผล ถามพวกนี้รับรอง พวกนี้ตอบไม่ได้ เพราะความรู้ด้านนี้ไม่มี และ 1 อคติ คือจะโจมตี หน้าอย่างพี่จำลองเนี้ยะ อาฆาตเรื่องไรไม่รู้ เพราะแกไม่กินเนื้อ กินอะไรเนี้ยะโกรธ และไม่โกงไม่กินเนี้ยะโกรธ อาบน้ำ 4-5 ขันไม่เกี่ยวกับใครเลย ตามล่าตามล้าง ไม่ได้มองเลย ว่า เขามาทำอะไรที่ไหน เมื่อไร และเพื่ออะไร

สำราญ - เดี๋ยวมาถามเพิ่มในรอบหน้า ไปที่คุณศิริชัย นิดนึง คุณศิริชัย ตอน กฟผ.ต่อต้านการแปรรูป ปี 47 สู้กันกี่วัน

ศิริชัย - ผม จริงๆ สู้จนถึงแปรรูป 437 วัน แต่ถ้าม็อบทำจริงๆ ประมาณเกือบๆ 6 เดือนนะ

สำราญ - ชุมนุมจริงๆ เกือบ 6 เดือน

ศิริชัย - แต่ถ้าพูดถึงพันธมิตรฯ ชุมนุมตลอด 24 ชั่วโมง แล้วเป็นการชุมนุมที่เข้มข้นมากกว่า กฟผ. กฟผ.อาจชุมนุมเข้มข้นได้แค่ 2-3 เดือน แค่นั้นเอง จากนั้นก็ลดเวลาชั่วโมงลง

สำราญ - คือไม่ 24 ชั่วโมง

ศิริชัย - ไม่ 24 ชั่วโมง เสาร์ อาทิตย์หยุด เกือบๆ 6 เดือน

สำราญ - ประเมินดูแล้ว ตอนเที่ยวนี้ รอบนี้ 43 สหภาพแรงงานวิสาหกิจเข้าร่วม เขาพูดจากันอย่างไรบ้างครับ พี่น้องภาครัฐวิสาหกิจ

ศิริชัย - คือต้องยอมรับครับว่า จริงๆ แล้วสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจมองเรื่องการบริหารราชการ ภายใต้พรรคไทยรักไทยและมาพรรคพลังประชาชนเนี้ยะ เราเห็นแล้วว่า กำลังทำให้ประเทศชาติไปสู่ความเสียหายอย่างแน่นอน ถึงทำให้การเข้าร่วมของสมาพันธ์ กับพันธมิตรฯ เป็นไปด้วยความเอกภาพ ไม่ลังเล เพราะเราถือว่า ขบวนของแรงงานได้รับผลกระทบจากนโยบายของระบอบทักษิณ การนำรัฐวิสาหกิจไปขาย นี่คือเป็นประเด็นสำคัญ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐวิสาหกิจที่เป็นแหล่งทำมาหากินของนักการเมือง นี่คือ 2 เรื่อง

สำราญ - คิดว่า พี่น้องภาครัฐวิสาหกิจพอใจไหมกับเราบรรลุ 2 ประการ ที่พล.ต.จำลองกล่าว และออกแถลงการณ์ไปแล้ว เรื่องรัฐธรรมนูญก็ตาม เรื่องการไล่รัฐบาลหุ่นเชิดก็ตาม พอใจไหม

ศิริชัย - ผมคิดว่าพอใจ และรู้สึกดีใจที่ได้มีการเข้ามาทำงานร่วมกับประชาชน ผมเชื่อในเรื่องของมดงาน ส่วนใหญ่จะมีกองทัพธรรม และมีในส่วนของสมาพันธ์ ที่ได้รับมอบหมายอะไร ผมคิดว่า ทั้งสาวิทย์ แก้วหวาน และผมหรือ พี่สมศักดิ์ ในส่วนของพวกเราแรงงาน และมีทีมงานอีกเยอะ พยายามมุ่งมั่นว่า ที่เขามอบหมายให้ ควรที่จะทำให้บรรลุในหลายเรื่อง ก็ต้องยอมรับว่า หลายเรื่อง เราก็ทำอย่างพี่น้องได้เห็น ความมีพลังของคนรัฐวิสาหกิจ แต่บางส่วน บางครั้งไม่พอใจ ไม่ทันใจ อย่างเช่น กรณีมาตรการบางอย่างที่จะเกี่ยวกับไฟฟ้า ประปา เป็นหน่วยงานราชการ ก็ต้องอธิบายกันเยอะ

สำราญ - ถ้าย้อนเวลาไปได้ คุณศิริชัย คิดว่า 43 รัฐวิสาหกิจสหภาพ ยังยืนยันที่จะเข้าร่วมไหม

ศิริชัย - ผมคิดว่ายืนยัน เพราะมันทำให้เห็นแล้วว่า ผลลัพธ์ที่ได้รับและมีการแถลงการณ์ และคนที่เข้ามาร่วมมันมีพลัง แต่ยอมรับว่า บางสหภาพจะต้องพัฒนา จะต้องคิดในเรื่องการมีส่วนร่วมต่อสู้ แต่ที่เข้มข้นขึ้นถ้าเข้าร่วมมากและดีขึ้น ผมคิดว่า เป็นพลังมหาศาล

สำราญ - ไปที่คุณตั้ว ศรัณยูนิดหนึ่ง จะถามยังไงดีคุณตั้ว คือคุณตั้วต้องยอมรับ ผมคุยกับคนไม่ทราบท่านอื่นเห็นอย่างไร คือร้อยทั้งร้อยสิโรราบให้กับคุณตั้ว คือยอม ยอมใจคุณตั้วว่าเที่ยวนี้มาสุดตัว แล้วก็มาด้วยหัวใจ และเป็นพระเอกตัวจริง คำถามเดียวกัน ถ้าย้อนเวลาจะเข้าร่วมไหมครับ

ศรัณยู - ถ้าย้อนเวลาก็เข้าร่วมเด็ดขาดครับ ชัดเจนคือไม่ได้ลังเลอะไรเลยครับ พอเห็นและเข้าใจสิ่งที่มันเป็นเราก็มุ่งหน้าไปเลย เพียงแต่ว่าระยะเวลาการต่อสู้ที่มันยาวมันค่อยๆ บอกเราเองว่าเราทำอะไรได้บ้าง จากเริ่มต้นไปเป็นหนึ่งประชาชน พอไปอยู่ตรงนั้น มันเป็นการชุมนุมที่แต่ละคนเอื้อกันว่าใครทำอะไรได้ ช่วยเหลือแบ่งเบาอะไรกันได้ยามที่ท้อแท้ใครให้กำลังใจกันได้ มันจะขับออกมาเองว่าใครควรจะไปอยู่ตรงไหน ใครควรจะไปอยู่ในหน่วยไหน ช่วยเหลือตรงไหน มันพาไปเอง ผมก็ไปอยู่ในจุดที่ผมทำอะไรได้ผมก็ทำ แล้วมันก็พามุ่งไปอย่างนั้นเอง โดยที่ไม่ได้คิดอะไร

สำราญ - สุดท้ายก็มาเป็นแกนนำรุ่น 2 ด้วย

ศรัณยู - ครับ ผมว่ามันทำให้คนกล้าขึ้น เหมือนอย่างที่ทุกท่านพูด ที่ชัดคือ ประชาชนเริ่มเห็นชัดว่าตัวเองมีพลังแค่ไหน มารวมกันแล้วมันเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง แล้วคนกล้า กล้าที่จะรู้ว่าเสี่ยงต่ออันตราย เสี่ยงต่อชีวิต เสี่ยงต่อการถูกระเบิด เสียใจก็เสียใจ รู้ว่าเสี่ยง แต่ยังยืนหยัดต่อโดยที่ไม่ลังเลเลยที่จะอยู่ตรงนั้น

สำราญ - ประทับใจอะไรที่สุด 193 วัน

ศรัณยู - ประทับใจน้ำใจประชาชน นี่เป็นสิ่งเดียว สมมุติว่าที่สำราญถามว่า ถ้าย้อนไปจะมาอย่างนี้ไหม ตัวเองมา ถ้าไม่ได้การเชื่อมโยงการตอบรับจากประชาชนที่เป็นแบบนี้มันอาจจะมีบางช่วงที่ท้อที่ถอย สิ่งหนึ่งที่มันเติมให้กันก็คือ สายตา แววตา ความรู้สึกของพี่น้องประชาชน เวลาเจอ เวลาคุยกันที่เราสัมผัสได้ มันยิ่งเพิ่ม ในทุกๆ วันยิ่งเพิ่มว่าทิ้งตรงนี้ไปไม่ได้ ยิ่งต้องอยู่ ต้องอยู่

สำราญ - ฟังดูเหมือนว่า 193 วัน ไม่มีวันใดที่หัวใจแฟบฝ่อเลยนะครับ

ศรัณยู - ไม่มีครับ ถ้าถึง 194 วันนี้ 194 ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

สำราญ - สำราญขอคารวะ มาถึงเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง มีคนแซวเยอะ เดี๋ยวนี้เราโดนฟ้องเยอะ สำราญกลายเป็นคนรวย การบินไทยฟ้องอีก 2 หมื่นล้าน ฟ้อง 12 คน ต้องเรียนถาม พล.ต.จำลอง พี่น้องเป็นห่วง ทำเนียบก็ดี คดีนู้นคดีนี้อีรุงตุงนังไปหมด สุวรรณภูมิมันจบแล้วหรือยัง พี่น้องกังวล พวกเราถูกล่ามขา ทำให้พวักพะวงแล้วมันจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร อยากให้ พล.ต.จำลอง ช่วยแจกแจงเรื่องตรงนี้นิดหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเรามาแสดงให้เห็นว่าเราทุกข์ร้อนมากไม่ใช่ เพียงแต่ว่าให้พี่น้องได้คลายกังวล

พล.ต.จำลอง - วิกฤตของชาติที่เกิดขึ้น คือเขาจะแก้รัฐธรรมนูญแล้วก็รัฐบาลที่ขึ้นมาบริหารบ้านเมืองทำความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผิดกฎหมายก็จะทำซะอย่างใครจะว่ายังไง ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเขาได้นอกจากการชุมนุม ผมพูดได้เต็มปาก ในฐานะที่ผมก็เคยเป็นนักการเมืองมา เป็นทั้งนักการเมืองจากการแต่งตั้ง 2 ครั้ง จากการเลือกตั้งผ่านมาก็ 2 ครั้ง ไม่มีอย่างอื่นที่จะมายั้งได้ ถ้ายั้งได้โดยสภาเราจะออกมาทำไม ก็ให้สภาว่าไปก็จบไม่เห็นต้องลำบากเดือดร้อนเลย ออกมาแล้วมันต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างที่เคยรู้ ดังนั้น ด้วยความจำเป็นจริงๆ ถึงได้ทำ มักจะมีคำถามอยู่เรื่อย แล้วเมื่อไรจะหยุด เราบอกว่า ถ้ามันจำเป็นก็ต้องทำ ถ้ามันหมดความจำเป็นเราก็หยุด เราได้ตามที่ เราเห็นแล้วว่า สามารถแก้ไขปัญหาของชาติได้ เราก็หยุดอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เราประกาศไปแล้วเราก็หยุดตั้งแต่วันนี้ ถูกต้องแล้ว และเขาฟ้องเราทำไง ผมก็บอกไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง ที่เขาดีใจที่เราหยุด ไม่ว่าจะเป็นสำนักนายกฯ หรือการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยก็ตาม ยังบอกเขาเลยว่า ยังไงก็ตาม คุณต้องคิดนะ ที่เรามาทำเนี้ยะ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเลย เปรียบเทียบว่า รัฐบาลตรงกันข้าม ของเราไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง แต่ละคนไม่มีไรเสีย พวกพ้องคือพันธมิตรฯ นับแสนนับล้านคน ไม่มีใครได้ ใครเสียทั้งนั้น เมื่อเรามาทำเพื่อประโยชน์ของชาติ ทำสำเร็จและคุณก็ได้ด้วย ถึงแม้คุณไม่ได้ออกมาร่วมกับเราก็ตาม เพราะงั้นถ้าจะฟ้องร้องอะไรก็ คิดดูให้ดีว่า เราไม่ได้มาทำเพื่อตัวเราเอง เรามาเสียสละอย่างงี้ แต่ฟ้องก็ฟ้อง ไม่เป็นไร เราก็เตรียมแล้ว

สำราญ – ที่ พล.ต.จำลอง พูดเมื่อวันก่อน อะไรนะ ขอรับแต่คนเดียวคือยังไง ขออีกซักครั้งหนึ่ง พวกเราจะได้สบายใจ

พล.ต.จำลอง - คุณสำราญ ถามแทนนะ เดี๋ยวพี่น้องประชาชนไม่รู้ คุณสำราญก็นั่งประชุมอยู่ด้วย คือ เรามีการไปชมการเข้าทำเนียบเอย ไปดอนเมืองเอย ไปสุวรรณภูมิเอย ก็มีการเสนอกัน และมีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ว่า ถ้ามันจะเกิดจะต้องจ่ายเงินขึ้นมาทำไงดี ผมก็เห็นว่า ผมเป็นคนที่น่าจะเป็นคนจ่ายมากที่สุด คือธรรมเนียมไทย ผู้ใหญ่ต้องช่วยผู้น้อย ผู้ใหญ่ต้องเลี้ยงเด็ก ไม่ใช่ให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยส่งส่วยให้ผู้ใหญ่ อันนี้ไม่ใช่ คือ ผมเห็นว่า ผมอายุมาก ผมอายุ 74 มากกว่าเขาอย่างน้อย 10 กว่าปีขึ้นไป และผมก็พร้อม อยากฟ้องเท่าไรฟ้องมาเลย ผมก็อาสากับคณะในฐานะที่เป็นคนร่วมคิดด้วย และเป็นคนตั้งใจว่า เออ เราต้องไปอยู่ที่นั่น เราต้องไปคิดที่นั่นให้ได้ เพราะฉะนั้น ก็ตรงตามที่การท่าอากาศยานที่ร้องต่อศาล ร้องต่อศาลว่า ให้ 13 คน ร่วมกันชดใช้ หรือ แทนใช้ คือใครคนใดคนหนึ่ง รับชดใช้แทนได้ ซึ่งผมได้ปรึกษากับทนายเรียบร้อยว่า ทำงี้ทำได้ ถูกต้อง ตกลงว่า คุณสำราญก็ไม่ต้องเดือดร้อน ใครไม่ต้องเดือดร้อน ขอรับคนเดียว ขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียว ไม่ใช่หาญว่า รวยมาก เพราะมันไม่มีอะไรจะให้ฟ้อง

สำราญ - ที่ถาม เพราะว่า อีกด้านเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่หน่อย จะได้สบายใจขึ้น แต่คดีใหม่ บอร์ดบินไทย สบช่องธุรกิจเจ๊ง สั่งฟ้องพันธมิตรฯ 20,000 ล้าน ข่าวเมื่อตอนบ่ายวันนี้ ต้องเรียนท่านผู้ชม พี่น้องพันธมิตรฯทางบ้าน ว่า การท่าก็ส่วนการท่า แต่การบินไทยก็ส่วนการบินไทย คนละองค์กรกัน ทีนี้การบินไทยฟ้องอีก 20,000 ล้าน ผมดูแล้ว 12 นี่ ถ้าแพ้คดีนะ คุณพิภพต้องเกิดอีก 500 ชาติก็ใช้ไม่ได้

พิภพ -พันชาติ

พล.ต.จำลอง - 13 คนนะ ผมอยากถามหน่อย อ่านหรือเปล่า แจ้งหมายนะ ผมอ่านแล้วผมก็สงสัย

พิภพ - ผมยังไม่ได้กลับบ้าน

พล.ต.จำลอง - อ่อ ไม่มีใครอ่านซักคน มีผมอ่านคนเดียวมั้ง ปกติแล้วเราจะต้องรู้ใช่ไหมอีก 12 คนคือใคร แต่เราเดาถูก เอาผมเป็นหัวจั่วเลย เห็นว่าผมอายุมากที่สุดมั้ง พล.ต.จำลอง และคณะ รวม 13 คน 13นะครับไม่ใช่ 12

สำราญ - การบินไทยไม่แน่ แต่การท่า 13 การท่าคนละอันกับการบินไทยนะครับ

พล.ต.จำลอง - การบินไทยอาจจะเอาเฉพาะ 5 คน

สำราญ - เห็นว่า 12 คน

ศิริชัย - มาแค่ 5 คนครับ ชุด 2 ไม่ต้อง

สำราญ - 5 คนเหรอ ชุด 2 ไม่ต้องรอดตัวไป เอาเป็นว่านี่คือ สปิริตและน้ำใจของ พล.ต.จำลอง แสดงถึงภาวะการนำด้วย พี่น้องคงคลายกังวลได้ว่า จะติดคุกไหม ทั้งแพ่งทั้งอาญา มาถึงคำถามที่สำคัญผมคิดว่า อ.สมเกียรติ ต้องวิสัชนานิดหนึ่ง ที่ผมได้เกรินไป ซึ่งไม่ได้เป็นคำพูดจาที่หยาบคายอะไร อัปรีย์ไปจัญไรมา ภาษาทั่วไปที่เขาพูดกัน คือเราไล่มาแล้ว 2 รัฐบาล 3 รัฐบาลทั้งคุณทักษิณด้วย สมัคร สุนทรเวช ลงไปแล้ว สมชายก็ลงโดย ลงไปแล้วเมื่อวันที่ 2 โดยกระบวนการตุลาภิวัฒน์แล้วก็ภาคประชาชนด้วย คำถามคือ ถ้าดูหน้าเสื่อหน้าไพ่ ต่อไปก็เฉลิมมาอีก หรือชัย ชิดชอบ มาอีก หรือ เสธ.เปีย พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย มาอีก หรือไม่ก็มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อะไรทำนองนี้ พี่น้องเลยกลัดกลุ้ม เป็นความทุกข์ใหม่ อ.สมเกียรติ พอจะคลายกังวลตรงนี้ได้นิดหน่อยไหมครับ

สมเกียรติ - ก็คงคลายกังวลได้ว่า ถ้ารัฐบาลชุดนี้คำนึงถึงความรับผิดชอบและมารยาททางการเมือง เขาต้องจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นที่ยอมรับ เพราะว่าขนาดศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาทั้ง 3 พรรคในพรรคร่วมรัฐบาลว่า เป็นพรรคที่โกงการเลือกตั้ง แล้วเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แล้วยังจะมาหน้าด้านจัดตั้งรัฐบาลอีก มันเป็นเรื่องใหญ่มาก คล้ายๆ ไม่สำนึกในคำพิพากษาของศาล ยังตะแบงไปหารังใหม่แล้วมาจัดตั้งรัฐบาล ผมว่าประชาชนคงยอมยาก เมื่อประชาชนได้กลั่นตัวเอง 190 กว่าวัน เป็นการเมืองภาคประชาชนขนาดใหญ่แล้ว พลังมหึมา ตอนนี้ไม่มีนกหวีดแล้วครับ เพียงแต่ป่าวประกาศว่า มันไม่เหมาะสมแล้ว นัดหมายกันจะเอาระดับดาวกระจาย หรือระดับปิดล้อม หรือระดับปักหลักพักค้าง ศัพท์ของท่าน พล.ต.จำลองนะครับ หรือจะเอาระดับไหนบอกมาเลยทำได้ทุกระดับ เพราะพลังของมวลชนตอนนี้มันเป็นพลังที่หนักเหมือนขุนเขา หนักมากแล้วมีพลังมาก แต่พลังนักวิชาการเบาโหวงเลยตอนนี้ เสนออะไรไปไม่มีน้ำหนักเลย เบาดุจขนนกเลย พลังของนักธุรกิจ พูดก็ไม่มีใครฟัง สังเกตไหมหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคารไทย ชี้นำสังคมไม่ได้เลย ทำหน้าที่อย่างเดียวว่า ฉันเสียหาย ฉันเสียหายเท่าไหร่ที่ส่งสินค้าออกต่างประเทศไม่ได้ ฉันกระทบเท่าไหร่ แต่เรื่องชาติมีอยู่ในสมองหรือเปล่าไม่รู้ มีแต่เรื่องส่วนตัว ส่วนรวมเรื่องชาติกระทบอย่างไรไม่เห็น แล้วก็พลังของสื่อมวลชนเบา สื่อมวลชนบางฉบับแถลงการณ์ประณามเรา เหล่าองค์กรสื่อแถลงการณ์ประณามเรา สื่อมวลชนกลับกลายเป็นป้อมค่ายที่มาทำลายเรา แสดงว่าพลังสื่อในวันนี้สูญเสียการชี้นำสังคมแล้ว มีแต่เอาพลังเล็กๆ น้อยๆ มาบอกว่า การ์ดของเราทำรุนแรงกับคนที่เข้ามาในบริเวณชุมนุม แต่พอลงระเบิดเอ็ม 79 บอกไม่รุนแรง พอเราบุก NBT ประณาม พออีกกลุ่ม เสื้อแดงบุก NBT ที่เชียงใหม่ ขอเรียกร้องไม่ประณาม พอเราไปจัดการสลายตำรวจที่ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ ประณาม มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนประณามเรา 3 ครั้ง มีแถลงการณ์ประณาม 3 ครั้ง แต่พอตำรวจมาสลายเราไม่ประณาม พอประชาชนไปสลายแล้วไม่เจ็บประณาม พอเราตาย 8 คนไม่ประณามสมน้ำหน้า แสดงว่า พลังวิชาการ พลังสื่อ พลังนักธุรกิจ และพลังข้าราชการ โดยเฉพาะทหาร มึนงงสงสัยตัวเอง ไปไม่เป็นเลยทหาร ต้องออกลาดตระเวนร่วมกับกัมพูชา หาเห็ด หาหอยไป มันทำอะไรมากไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นพลังที่หนักอย่างขุนเขา ที่เราเรียกว่าการเมืองภาคประชาชนเนี้ยะ มันจึงตั้งป้อมที่จะจัดการสิ่งแปลกปลอม ใช้คำว่าสิ่งแปลกปลอม อัปรีย์ไปจัญไรมา คุณสุรวิชช์ วีรวรรณ ถามผมว่า อาจารย์จะใช้คำว่าอะไร ยังคิดไม่ออก แต่จะเอาคำว่า เสนียด กลับคืนหรือไร มันมีคำว่า เสนียดจัญไรและอัปรีย์ มันมี 3 ฝัก แต่ในทางวิชาการ ภาษาไทยที่เรียนมา ต้องมาร้อยคำให้ดี มันเป็นเสนียดอย่าง

แล้วพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และต่างประเทศทราบไหมว่า ใน 197 ประเทศ มีประเทศ ไทยประเทศเดียวที่ ทำให้นายกฯไม่มีโอกาสเข้าทำเนียบรัฐบาล สมชายไม่เคยเข้าไปทำงานในทำเนียบรัฐบาลได้เลย จนสิ้นอายุขัย นับแต่วันได้รับโปรดเกล้าฯ จนถึงวันสิ้นอายุขัยกลายเป็นนายกฯ ที่ไม่มีรัง และเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ ตามสภาพการณ์ ฝนตกที่ไหน อึ่งอ่างร้องที่นั่น ถ้าตรงไหนไม่ตกลงไปอยู่ในรู เพราะฉะนั้น ปรากฏการณ์เหล่านี้ ผมคิดว่า คนจะมีมาใหม่อย่างที่คุณสำราญบอกว่า คนนี้มา คนนี้มา คิดหนักเลย คิดหนักว่า จะฝ่าข้ามการเมืองภาคประชาชน

สำราญ - เขาคิดหนักยังไง แต่เขาจะดันแล้วนี่ 8-9 จะเปิดวิสามัญ และเขาจะฉกฉวยโอกาสตรงนี้ อาจารย์คิดว่าทันไหม

สมเกียรติ - ผมไม่อยากวิเคราะห์ในแง่กฎหมาย เพราะว่าขณะนี้ยังมีปมเงื่อนทางสังคมอยู่ 2 ปมเงื่อน ปมเงื่อนแรก ส.ส.ระบบสัดส่วน สัดส่วน จำนวนมากกว่า 40 คน ย้ายพรรคใหม่ได้หรือไม่ อันนี้ปมเงื่อนที่จะนำไปสู่การตีความของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และมีคำวินิจฉัยออกมา ปมเงื่อนที่ 2 พอยุบพรรคแล้ว ประธานรัฐสภา คุณชัย ชิดชอบ กำลังไม่มีพรรคทำหน้าที่ประธานรัฐสภาได้หรือไม่ ทำหน้าที่สนองบรมราชโองการเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้หรือไม่

สำราญ - หรือ ส.ส.ที่เคว้งอยู่

สมเกียรติ - ส.ส.ที่เคว้งอยู่ เป็นปมเงื่อนทางกฎหมาย แต่มีรายการ 3 เกลอขี้หมาไรนะ วันที่ 8 จะโหวตนายกฯแล้ว ผมว่า ไม่ได้โหวตนายกฯไรหรอกครับ มันคงขู่ไรไปเรื่อยๆ ให้เห็นภาพเฉยๆว่า 8-9 นี้ไม่ง่ายเลย มันฝ่าด่านศาลรัฐธรรมนูญไปอีก 2 ครั้งกว่าจะทำได้ ลองคิดดู คุณชัย ประธานรัฐสภา ผู้รับสนองบรมราชโองการ โปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คุณรับสนองได้ยังไง เออ จริงเว้ย ผมไม่มีพรรค ยังเข้าพรรคใหม่ไม่ได้ เอาจริงเว้ย รัฐบาลไม่มีพรรคตำแหน่งหลุดหรือเปล่า ข้อกฎหมายทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอย่างเราเรียนรู้กฎหมาย ก็ระดับพอเข้าใจได้ ไม่ถึงขั้นที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็เลยพูดทิ้งไว้ว่า มันยังมีปมเงื่อนไข

สำราญ - เหมือนที่นั่งคุยข้างนอกเล่นๆ ว่า ถ้าผมเป็น ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ผมอยากไปเป็น ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์จะได้ไหม เรามองเห็นความยุ่งยากอยู่ ไม่ง่าย

สมเกียรติ - ยุ่งยากมากในสภา ความยุ่งยากมากที่จะฝ่าด่านศาล ความยุ่งยากมากถึง เมฆฝนครึ้มของพันธมิตรฯ ที่ประกาศจะกลับมาอีก จะกลับมา ตอนนี้ม้วนเสื่อกลับบ้านชั่วคราว มันยังเป็นม้วนเดียวอยู่ และยังนั่งอยู่ พูดให้มีไรนะ ไม่เครียดเกินไป

สำราญ - แสดงว่าม้วนของท่านจำลองยังไม่จบใช่ไหม

พล.ต.จำลอง - ม้วนหนึ่งนี่จะยาวเท่าไร ไม่ถึงเดือน เสร็จแล้วก็ 11 วัน เท่านั้นเอง เราประกาศวันที่ 21 ใช่ไหม วันที่ 21 ว่าเรามารวมตัววันที่ 23 จนกระทั่งถึง วันที่ 2 ก็ 10-11 วันเท่านั้นเอง

สมเกียรติ - หารือกับท่านตลอด ท่านบอกว่า 30 พ.ย.นี่ วงในนะ ผ่านมาแล้ว ถึงกล้าพูด นั่งใกล้ท่าน พล.ต.จำลอง 30 พ.ย. จบ ปักธงได้ เออเรอร์มา คลาดเคลื่อนมาแค่ 3 วัน แค่ 2 วัน ปักธงได้เลยเนี่ย การไรเนี้ยะ การพยากรณ์แบบมีเหตุมีผลและขับเคลื่อนขบวนการประชาชนไป ไม่ได้เหลือเวลานั้นเลย

สำราญ - แต่ผมตั้งใจไว้ว่า 199 วัน

สมเกียรติ - ไม่ถึง มาไม่ถึง

สำราญ - บางทีก็เครียดคุยกันสนุกสนาน

พล.ต.จำลอง - ไม่เป็นไรครับไปชุมนุมเดี่ยวก็ได้

สำราญ - ปักหลักพักค้างคนเดียวให้ครบ 199 วัน ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่ อ.สมเกียรติ พูดมา คือเพื่อให้เห็นภาพคร่าวๆ ว่า มันไม่ง่าย วันที่ 8 ที่ 9 เขาฝันจะตั้งนายกฯ ให้ได้ ประเภทม้วนเดียวจบตามสไตล์ของเขา มีทั้งความยุ่งยากหลายด้าน แล้วอีกด้านหนึ่ง ถ้าพูดอย่างให้ความเป็นธรรมเขานิดหนึ่ง ไม่ได้แย้ง อ.สมเกียรติ นะ ผมฟังภาคธุรกิจเองนะ หลายส่วนเขามองเห็นตรงนี้อยู่ เขาบอกถ้าหุ่นเชิดมาอีกตายแน่ประเทศนี้ พันธมิตรก็ต้องคัดค้านอีก มันจะมีความปั่นป่วนอีก ผมคิดว่าสังคมกำลังหาทางออกให้ตัวเอง แล้วทางออกนี้ไม่ได้เป็นพันธมิตรผูกขาดในการหาทางออก เพราะตอนนี้เป็นเรื่องขององค์กรภาคส่วนต่างๆ แล้ว

พิภพ - เอกชนภาคธุรกิจเขาก้าวหน้าไปพร้อมๆ กับการเมืองภาคประชาชน เราจะนึกไม่ถึงเลยในอดีตว่า เอกชนมักจะสงวนท่าทีในการจะวิจารณ์รัฐบาลหรือแสดงจุดยืน สังเกตได้ที่เราชุมนุมมา เอกชนธุรกิจสงวน เพราะกลุ่มทุนพวกนี้จะอาศัยความได้เปรียบ หรือการเกาะเกี่ยวทางการเมืองและอำนาจ เพื่อได้เปรียบ แต่พอการพัฒนาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เรียกว่า ประชาภิวัฒน์ ที่คุณสนธิแกเคยบอกกับผม พิภพยังไงเปิดประชาภิวัฒน์นึกถึงว่าผมเป็นคนตั้งขึ้นนะ นี่ก็เป็นเกร็ด กระเซ้ากันเล่น การที่การเมืองเก่ามันล้าหลังมาก แล้วมันตามไม่ทัน รู้เลยว่าโลกที่มันเปลี่ยนไป ถ้าใช้แบบการเมืองเก่าเข้ามาบริหารประเทศ ธุรกิจจะไม่ก้าวหน้าก็จะไปผูกติดกับการเมืองเก่า มาวันนี้เอกชนได้ออกมาพูดชัดเจนเลยว่า การกลับไปสู่การเมืองเก่า การกลับไปสู่การเมืองแบบที่จะใช้ สมชายไปเฉลิมมา เอกชนรับไม่ได้

สำราญ - ไม่ได้แน่นะ

พิภพ - รับไม่ได้แน่เลย ถึงกับบอกว่า ผมแปลกใจมาก เอกชนเคยบอกว่า รัฐประหารไม่เอานะล้าหลัง แต่พอถึงจุดๆ หนึ่ง เมื่อ 10 กว่าวัน บอกต้องหาทางออกทางการเมืองให้ได้ ถ้าไม่ยุบสภาไม่ลาออก รัฐประหารก็เอา

สำราญ - เฉลิมไม่เอา ชัย ชิดชอบ เอาไหม รับได้ไหมครับ

พิภพ - ไม่ได้ เพราะฉะนั้นธุรกิจต้องการมืออาชีพที่สะอาด แล้วการเมืองที่สะอาดมันมากับการเมืองใหม่นะ เขาเริ่มรู้สึก แล้วเริ่มรู้สึกว่าทุนที่ไม่สะอาดจะอยู่ไม่ได้ด้วย เพราะกระแสสังคมทั่วโลกบอกว่า ทุนจะต้องดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ต้องดูแลผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย แล้วทุนที่ไปผูกติดกับการทุจริตคอร์รัปชั่นมันล้าหลังไปแล้ว เพราะฉะนั้นทุนเริ่มปรับตัว ปรับตัวไปกับการเปลี่ยนแปลงของประชาชน เพราะฉะนั้นถ้าเอากันตอนนี้จริงๆ ตัวบ่งชี้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงสังคม ก็คือ ตุลาการภิวัฒน์ แล้วมาตามด้วย ประชาภิวัฒน์ นี่เป็นการทำงานร่วมกันครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ถ้าไม่มีประชาภิวัฒน์ ตุลาการภิวัฒน์ ก็ก้าวไปข้างหน้าลำบาก แต่ถ้าไม่มีตุลาการภิวัฒน์ ประชาชนก็เหนื่อยหน่อย เพราะฉะนั้นนี่เป็นการทำงานร่วากันครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ระหว่างตุลาการภิวัฒน์กับประชาภิวัฒน์

สำราญ - แล้วก็มี สห.ภิวัฒน์ เคยได้ยินไหมครับ

พิภพ - อะไร

สำราญ - สารวัตรทหารภิวัฒน์

พิภพ - แล้วอีกอันหนึ่งที่สำคัญมาก

สำราญ - ที่ยืนเฝ้าทำเนียบ

พิภพ - ที่สำคัญมากที่ผมเอ่ยไปตอนต้น ปกติผมไม่ค่อยพูดสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ก็เห็นชัดเลยนะครับว่า นักวิชาการส่วนหนึ่ง หรือพวกที่อยู่ในการเมืองกลุ่มทักษิณ หาว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ล้าหลัง ถ้าใครไปเกาะติดกับสถาบันพระมหากษัตริย์จะล้าหลัง แต่ปรากฏว่า คาดการณ์ผิดเลย การที่ การทำงานร่วมกันระหว่างประชาชนการเคลื่อนตัวของประชาชน สถาบันพระมหากษัตริย์กลับก้าวหน้าขึ้น การนำเสนอก่อนวันที่ 19 กันยา เป็นการนำเสนอที่ก้าวหน้ามากในการแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติ ให้มีตุลาการภิวัฒน์ อันนี้เป็นความก้าวหน้า แล้วมันก็ก้าวหน้าไปอยู่ในระดับที่ สถาบันพระมหากษัตริย์ในยุโรปได้ก้าวไป นั่นก็คือ ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับการพัฒนาของระบบกฎหมายและตุลาการมันเกิดขึ้น อย่าลืมว่า สังคมไทยเป็นระบบประชาธิปไตยที่มีแยกอำนาจ 3 ฝ่าย ฝ่ายตุลาการไม่เคยแสดงบทบาทเลยในอดีต แต่ครั้งนี้ก่อน 19 กันยายน หลังจากพระองค์ท่านได้ชี้แนะในเรื่องบทบาทของตุลาการ ก็ทำให้เกิดตุลาการภิวัฒน์ขึ้น แต่ตุลาการภิวัฒน์ก็ก้าวจังหวะยังไงที่จะออกมา เพราะไม่เคย แต่พอมีกระบวนการภาคประชาชนในทางการเมืองภาคประชาชนตามมา ทำให้การก้าวของตุลาการภิวัฒน์ กระฉับกระเฉงและก้าวขึ้น เอาละ กลายเป็นว่า กลุ่มที่เกาะกลุ่มชนที่คิดว่า ตัวเองจะก้าวหน้า เรียกว่า ทุนกลุ่มใหม่ กลายเป็นพวกล้าหลังไปแหละ เพราะทุนที่เขาไปเกาะ กลายเป็นเผด็จการทุนนิยม อย่างเช่น ไปเกาะคุณทักษิณ ยังงี้เป็นต้น นึกว่าจะก้าวหน้า กลายเป็นล้าหลัง แต่พวกเราที่ไปอาศัยบารมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ยาวนาน กลายเป็นพวกก้าวหน้า อันนี้ซิครับ นักวิชาการตามไม่ทัน เพราะฉะนั้น ตอนนี้กลายเป็นว่า การทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ และตุลาการภิวัฒน์ และประชาภิวัฒน์ กลายเป็นภาคนิติบัญญัติล้าหลัง ฝ่ายบริหารล้าหลังซะแหละ จะกลับไปใช้วิธีการแบบเก่า และตัวเองจะฝืนธรรมชาติ ทั้งนี้กลายเป็นโจทก์ในสังคมที่ฝ่ายธุรกิจเริ่มมองเห็นแล้วว่า ทิ้งไม่ได้ ถ้าฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติล้าหลังขนาดนี้ จะเป็นปัญหาถ่วงความเจริญและการก้าวหน้าในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อันนี้แหละวันหลังค่อยมาถกเถียงกัน

สำราญ - ได้อีกประเด็นแหละ น่าสนใจในเชิงทฤษฎี มาถึงพี่สมศักดิ์ ง่ายๆ เลย คือ ชาวบ้านกังวลที่ผมถามอาจารย์สมเกียรติ ใครต่อใครไปแล้ว คือ อะไรไป จัญไรไปเสนียดมา ส่วนลึกฟันธงได้ไหมว่า ในใจเชื่อว่าไม่มาแน่ มาไม่ได้

สมศักดิ์ - ไม่ใช่ อยากให้มา อยากให้มาจริงๆ หัวใจจริงๆ

สำราญ - อยากให้มา แล้วสุดท้ายจะได้มาไหม

สมศักดิ์ - แล้วแต่จะมา จะได้เป่านกหวีดง่ายนิดเดียว คนจะได้มาอย่างเร็วแรง ทีเดียวจบ ม้วนเดียวอย่างเร็ว

สำราญ - งานเข้าอีกแล้วครับท่านผู้ชม

สมศักดิ์ - ผมกำลังเตรียมตัวอยู่ และผมเชื่อว่า มา เพราะคนพวกนี้ หมดความเป็นมนุษย์ไปหมดแล้ว เพราะเที่ยวที่แล้ว เราดูเรื่องเขาพระวิหาร โดยหลัก ครม. ทำผิดรัฐธรรมนูญ เรื่องปราสาทพระวิหาร คุณไม่มีทางที่จะมา

สำราญ - อันนี้เข้าใจแล้วว่า มา มีเชื่อว่ามาหรอ

สมศักดิ์ - คิดว่า เขาต้องพยายามดิ้นจะมาแหละ

สำราญ - ไม่ว่าชัย เฉลิม หรือมิ่งขวัญ ไรก็แล้วแต่

สมศักดิ์ - พวกนี้ต้องมา นอกจากมาไม่ได้ ถ้ามาได้มันจะมา ต้องดูว่ามาได้หรือไม่ แต่มันอยากจะมา

สำราญ - ในใจเชื่อว่ามาได้ไหม สุดท้าย ท้ายสุดมาได้ไหม

สมศักดิ์ - คิดว่าอาจจะมาอย่างกระหืดกระหอบมา แต่ว่า เราจะต้อง พวกเราได้พักผ่อนแล้ว มันนานนะ

สำราญ - หมายความว่า กระหืดกระหอบมา สุดท้ายมาไม่ถึงทำเนียบ

สมศักดิ์ - มาต้องเจอกับพวกเรา เป่านกหวีด ก็จะได้

สำราญ - ฟังดูแล้ว สุดท้ายมาไม่ได้ ถูกมะ

สมศักดิ์ - ให้เขาคิดเอาเอง เพราะคนพวกนี้ไม่ใช่ล้าหลังอย่างที่คุณพิภพให้เกียรติเขามากไป คนโกงชาติมันล้าหลังยังไง มันผิดนะ ล้าหลังแปลว่า บื้อไม่ทันสถานการณ์ แต่นี่ไม่สนใจ แดดจะออก ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง กูจะปล้นอย่างเดียว คอยจ้องโกงชาติบ้านเมือง คนพวกนี้มีประวัติทั้งนั้น มันน่าอับอายที่การเมืองมีคนพวกนี้อยู่ ทีนี้ประชาชนเขาตื่นแล้วไง จะพูดว่าล้าหลังก็ คนเขาตื่นแล้ว เขาไม่เอาแล้ว แต่พวกนี้ยังไม่รู้ตัว น่าสงสาร และคนพวกนี้ จะไปแผ่เมตตาไม่ได้ ต้องสกัดอย่างเดียว และประชาชนไม่ต้องไปคอยใครทั้งนั้น เพราะไม่มีใครทำงานกันแล้ว เราต้องอาศัยประชาชน อย่าเหน็ดเหนื่อยกับการทำเพื่อประเทศชาติ อย่าไปน้อยใจว่าคนไม่ออกเราแหละต้องออก ชีวิตมันไม่มีอะไรนะ เกิดแล้วก็ตาย ฉะนั้นวัตถุประสงค์พี่น้องพันธมิตรประชาชนที่ออกมา ให้แน่ว่าเกิดมาเพื่ออะไร บริหารบริษัท บริหารธุรกิจ มีวัตถุประสงค์อย่างนั้น คุณบริหารวัตถุประสงค์ชีวิตตัวเอง และให้สอดคล้องกับภารกิจที่ทำ บ้านเมืองจะเจริญ พี่จำลองวัตถุประสงค์ชีวิตถูกกันกับงาน

สำราญ - วันนี้ถ้าเกิดเขาบอกว่า ไม่รู้ละจะมีกระบวนการจัดการอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าสามารถงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราได้ เช่น นายกฯ ไม่จำเป็นต้องมาจาก ส.ส. พี่สมศักดิ์โอเค

สมศักดิ์ - โอเคหมดเลยอย่าให้พวกนี้มาก็แล้วกัน อย่างอื่นยังไงก็ได้หมด แล้วที่สำคัญว่า ให้มีทิศทาง เมื่อเราเรียนรู้ว่า นี่คือเหตุของวิกฤตเพราะมีนักการเมืองเลว นักการเมืองดีไม่วิกฤต นี่ก็วิชาปรัชญาเบื้องต้น ในต่างประเทศเวลาเขาแก้ เขาถอดสิ่งที่ไม่ดีออก เอาญี่ปุ่นก็แล้วกัน แค่เรตติ้งต่ำก็ลาออกแล้ว ลาออกทุกอย่างมันก็จบ เขาเรียกว่า สปิริต ไม่ต้องบอกผมผิดอะไร ผมโกงอะไร ศาลพิพากษาผิดแล้ว ผมผิดตรงไหน แล้วมาเรียกร้องให้คนทำตามกฎหมายอีก อย่างนี้มันไม่ธรรมดานะ มันโหดเหี้ยมอำมหิต และรุนแรงมาก เพราะความไม่รู้จักถูกผิด ชั่วดี ในฐานะเป็นผู้บริหารประเทศ ไม่มีอะไรจะเลวทรามชั่วช้าสามานย์เท่ากับแบบนี้แล้ว

พันธมิตรฯ พบพี่น้องผ่านจอ ASTV (ต่อ)







กำลังโหลดความคิดเห็น