นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการสร้างฝายชะลอน้ำ งบประมาณกว่า 770 ล้านบาท ซึ่งกำลังถูกตรวจสอบอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากเป็นการดำเนินงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติให้ปรับเปลี่ยนการใช้งบประมาณให้สอดคล้องกับนโยบายลดภาวะโลกร้อน
นางอนงค์วรรณ เปิดเผยว่า ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าจ้างแรงงาน รวมทั้งการขนวัสดุอุปกรณ์ และยอมรับว่า ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพของฝายทั้ง 119,600 ฝายได้ เพราะมีจำนวนมากเกินกว่ากำลังของเจ้าหน้าที่
โครงการสร้างฝายชะลอน้ำเป็นการดึงงบประมาณปี 2551 ที่กระจายไปในพื้นที่ กลับไปยังส่วนกลาง โดยให้เหตุผลว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะบรรเทาปัญหาโลกร้อน แต่กลับมีการร้องเรียนไปที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และกรรมาธิการ ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร ว่ามีความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณ
ล่าสุด กรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก พบว่ามีการจ้างงานแบบเหมาจ่าย ฝายละ 500 บาท ขณะที่งบในการสร้างฝายสูงถึงฝายละ 5,000 บาท นอกจากนี้ ยังพบว่าวัสดุในการก่อสร้างใช้เพียงถุงปุ๋ยบรรจุดินวางขวางทางน้ำ โดยมีไม้เป็นโครงสร้างเท่านั้น โดยกรรมาธิการ ป.ป.ช.มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้เพียงพอที่จะชี้มูลความผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน และจะสรุปเรื่องส่ง สตง.และ ป.ป.ช.เร็วๆ นี้
ขณะที่นายศักดา วิเชียรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 จ.พิษณุโลก ชี้แจงว่า การเข้าดูงานของกรรมาธิการ ป.ป.ช.ไม่เป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เพราะมีการตรวจสอบเพียงไม่กี่แห่ง ก่อนจะสรุปว่าฝายไม่สมบูรณ์ ทั้งที่ฝายผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว และยืนยันว่า กรมอุทยานฯ มีการจ้างงานแบบรายวันเท่านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าคนงาน 2 คน ที่ให้ข่าว เป็นลูกจ้างของกรมอุทยานฯ หรือไม่
นางอนงค์วรรณ เปิดเผยว่า ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าจ้างแรงงาน รวมทั้งการขนวัสดุอุปกรณ์ และยอมรับว่า ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพของฝายทั้ง 119,600 ฝายได้ เพราะมีจำนวนมากเกินกว่ากำลังของเจ้าหน้าที่
โครงการสร้างฝายชะลอน้ำเป็นการดึงงบประมาณปี 2551 ที่กระจายไปในพื้นที่ กลับไปยังส่วนกลาง โดยให้เหตุผลว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะบรรเทาปัญหาโลกร้อน แต่กลับมีการร้องเรียนไปที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และกรรมาธิการ ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร ว่ามีความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณ
ล่าสุด กรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก พบว่ามีการจ้างงานแบบเหมาจ่าย ฝายละ 500 บาท ขณะที่งบในการสร้างฝายสูงถึงฝายละ 5,000 บาท นอกจากนี้ ยังพบว่าวัสดุในการก่อสร้างใช้เพียงถุงปุ๋ยบรรจุดินวางขวางทางน้ำ โดยมีไม้เป็นโครงสร้างเท่านั้น โดยกรรมาธิการ ป.ป.ช.มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้เพียงพอที่จะชี้มูลความผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน และจะสรุปเรื่องส่ง สตง.และ ป.ป.ช.เร็วๆ นี้
ขณะที่นายศักดา วิเชียรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 จ.พิษณุโลก ชี้แจงว่า การเข้าดูงานของกรรมาธิการ ป.ป.ช.ไม่เป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เพราะมีการตรวจสอบเพียงไม่กี่แห่ง ก่อนจะสรุปว่าฝายไม่สมบูรณ์ ทั้งที่ฝายผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว และยืนยันว่า กรมอุทยานฯ มีการจ้างงานแบบรายวันเท่านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าคนงาน 2 คน ที่ให้ข่าว เป็นลูกจ้างของกรมอุทยานฯ หรือไม่
