“ไพบูลย์” เผยกลุ่ม 40 ส.ว.เห็นความไม่โปร่งใสโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ระบุเห็นดี “มาร์ค” ใช้วิธีซื้อดีกว่า เหตุได้ราคาต่ำกว่า พร้อมควรมีนิติบุคคลบริหารโครงการ ปูดพบสมัยปี 46 เปิดเช่ารถเมล์ระยะเวลา 10 ทำรัฐเสียหาย เตรียมหารือร่วมกรรมาธิการ 5 คณะสอบข้อมูล 9 มิ.ย.นี้
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา หนึ่งในกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวถึงโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน ว่า 1.เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีที่ควรเปลี่ยนจากวิธีเช่ารถเมล์มาใช้วิธีซื้อ เพราะเมื่อเปรียบเทียบราคารถได้ง่ายกว่าทำให้เกิดการแข่งขันราคาได้ ซึ่งราคากลางควรกำหนดไว้ไม่ควรเกินคันละ 3 ล้านบาท และรัฐมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่าเอกชน ดังนั้น จะได้รถเมล์ในราคาที่ถูกลงมาก และขอให้มีการพิจารณาจำนวนรถที่ต้องซื้อเท่าที่จำเป็น 2.เห็นด้วยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ควรให้มีนิติบุคคลเฉพาะกิจมาบริหารโครงการรถเมล์ NGV เพราะทำให้เกิดความชัดเจนตรวจสอบได้ของผลการดำเนินงาน และเห็นด้วยที่จะนำรายได้จากค่าโดยสารเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยเฉพาะของกระทรวงการคลังไม่ต้องค้ำประกัน เพราะจะทำใงการมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ตามที่เราได้คัดค้านโครงการดังกล่าวนั้น เพราะมีความไม่โปรงใสของการนำเสนอโครงการจะทำให้รัฐเสียหายเป็นจำนวนเงินหลายหมื่นล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทเอกชนบางรายจะได้ผลประโยชน์ในส่วนนี้ เนื่องจากตรวจพบว่า ขสมก.ในปี 2546 ที่มีการเช่ารถเมล์ 500 คัน ระยะเวลา 10 ปี เป็นวงเงิน 9,000 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาสอบสวนและศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต วุฒิสภา และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่า มีการกระทำที่ไม่ชอบ หลายประการและสร้างความเสียหายให้กับรัฐ โดยมีประธานคณะกรรมการ ขสมก.คนปัจจุบัน ในขณะนั้นปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการเปิดซองและต่อรองราคา และกรรมการบริหาร ขสมก.ซึ่งปรากฏชื่อในรายงานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. ดังนั้น ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ วุฒิสภา ทั้ง 5 คณะ ที่ร่วมกันตรวจสอบโครงการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน จะประชุมร่วมกันกันในวันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2552 เวลา 14.00 น.ซึ่งที่ประชุมจะนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาเป็นเรื่องแรก