นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มกลุ่มดีเซล และเบนซินอีก 40 - 50 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นเบนซิน 95 เพราะมีการเก็บเต็มเพดานราคาแล้ว และแก๊สโซฮอล์อี 20 เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้มากขึ้น ซึ่งมีผลตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 20 ให้เพิ่มขึ้น เพิ่มเงินสำรองใช้ในการส่งเสริมพลังงานทดแทน และลดผลกระทบช่วงราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งรองรับราคาเอทานอลที่ปรับเพิ่มจาก 18.01 บาทต่อลิตร เป็น 22.12 บาทต่อลิตร และมีแนวโน้มสูงขึ้นอีกในอนาคต พร้อมทั้งยืนยันไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศโดยราคาขายน้ำมันหน้าสถานีบริการยังคงจำหน่ายในราคาเดิม ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในกองทุนฯเพิ่มเป็น 81.9 ล้านบาทต่อวัน หรือ เพิ่มเป็น 2,472 ล้านบาทต่อเดือน
นอกจากนี้ มีมติให้จัดสรรน้ำมันดีเซลราคาถูกให้กับกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ใช้ในการขุดลอกร่องน้ำ บวกกับน้ำมันเดิมที่เคยจัดสรรให้ 1,500 ลิตรต่อเดือน เป็น 1,131,000 ลิตรต่อเดือน และให้กรมประมง ใช้ในการขุดลอกหนองบึง และแหล่งน้ำธรรมชาติจำนวน 36,000 ลิตรต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนนี้
ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวด้วยว่า กบง. ยังมีมติเห็นชอบให้ความช่วยเหลือดีเซลให้เปล่ากับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมใน 5 จังหวัด คือ จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร สระบุรี ลพบุรี และนครราชสีมา จังหวัดละ 100,000 ลิตร เพื่อให้มีความคล่องตัว และช่วยเหลือประชาชนได้ทันเหตุการณ์
นอกจากนี้ มีมติให้จัดสรรน้ำมันดีเซลราคาถูกให้กับกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ใช้ในการขุดลอกร่องน้ำ บวกกับน้ำมันเดิมที่เคยจัดสรรให้ 1,500 ลิตรต่อเดือน เป็น 1,131,000 ลิตรต่อเดือน และให้กรมประมง ใช้ในการขุดลอกหนองบึง และแหล่งน้ำธรรมชาติจำนวน 36,000 ลิตรต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนนี้
ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวด้วยว่า กบง. ยังมีมติเห็นชอบให้ความช่วยเหลือดีเซลให้เปล่ากับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมใน 5 จังหวัด คือ จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร สระบุรี ลพบุรี และนครราชสีมา จังหวัดละ 100,000 ลิตร เพื่อให้มีความคล่องตัว และช่วยเหลือประชาชนได้ทันเหตุการณ์