xs
xsm
sm
md
lg

กรมศิลป์ตรวจสอบวัดแก้วนอกเตรียมขึ้นทะเบียนโบราณสถาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอเนก สีหามาตย์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 3 กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะส่งเจ้าหน้าที่และนักโบราณคดี ลงไปสำรวจพื้นที่วัดแก้วนอก (ร้าง) ต.มหาพราหมณ์ อ.บางบาล เพื่อตรวจสอบร่องรอยโบราณสถานที่พบมีอายุเท่าใด พร้อมทั้งสั่งให้กลุ่มบุคคลและพระสงฆ์ หยุดก่อสร้างตัวอาคารคอนกรีตทับตัวโบราณสถานแล้ว แต่หากมีการก่อสร้างเพิ่มเติม จะต้องแจ้งความดำเนินคดี
นายอเนก กล่าวว่า บริเวณ ต.มหาพราหมณ์ อ.บางบาล มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพราะสมัยกรุงศรีอยุธยาจะมีชุมชนใหญ่ตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ตั้งแต่ อ.บางบาล เรื่อยไปจนถึง อ.พระนครศรีอยุธยา และแต่ละชุมชนจะมีการก่อสร้างวัดเพื่อให้ประชาชนใช้ประกอบพิธีทางศาสนาในสมัยนั้น และวัดแก้วนอก (ร้าง) ก็เป็นวัดหนึ่งที่สร้างขึ้นในสมัยดังกล่าว และสำนักศิลปากรที่ 3 จะต้องขุดสำรวจและขึ้นทะเบียนประวัติวัดดังกล่าวไว้
นางสาวสมสุข ประพฤติพูมิ นักโบราณคดี 7 ว สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ต้องรอทีมสำรวจนักโบราณคดีอีกชุดก่อน และจะเริ่มเข้าไปขุดตรวจสอบแนวกำแพงปูนในสัปดาห์หน้า และก่อนหน้านี้ ในครั้งที่เข้าไปสำรวจพร้อมสั่งระงับการก่อสร้างอาคารปูนที่กำลังทำอยู่ ถูกกลุ่มพระสงฆ์และประชาชนที่เข้าไปประกอบพิธีในสถานที่ดังกล่าวต่อว่า อีกทั้งเมื่อกลับมาที่ทำงาน มีพระสงฆ์รูปหนึ่ง โทรศัพท์มาต่อว่าตนเอง ซึ่งการทำงานของสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยาในครั้งนี้ ทำไปตามหน้าที่และตาม พ.ร.บ.โบราณสถานฯ ที่กำหนดไว้
นายสมยศ พงษ์ประเสริฐ อายุ 55 ปี กำนัน ต.มหาพราหมณ์ อ.บางบาล กล่าวว่า พื้นที่วัดแก้วนอก (ร้าง) เป็นที่เคารพของคนในพื้นที่ มีประวัติความเป็นมายาวนาน เดิมเคยมีพระภิกษุรูปหนึ่ง ชื่อมิ่ง ได้บวชและมาจำพรรษา มีการปลูกกุฏิเล็กๆ แต่ไม่ทำลายพื้นที่ดังกล่าว ตรงบริเวณด้านหน้ามีบ่อน้ำ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ขณะนั้นเรียกกันว่า สระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ และมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ 1 องค์ ต่อมาเมื่อพระมิ่งมรณภาพ ชาวบ้านจะไม่เข้าไปวุ่นวายหรือก่อสร้างสิ่งใดๆ เพราะเห็นว่าสถานที่ดังกล่าวศักดิ์สิทธิ์ จะมีเฉพาะการไปทำบุญของชาวบ้านในวันพระเท่านั้น
นายสมยศ กล่าวอีกว่า บริเวณดังกล่าวมีกลุ่มบุคคลพยายามที่จะเข้ามาครอบครอง เพราะใต้บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และตัวอาคารที่ปลูกใหม่ มีคนเคยเข้ามาขุดหาของเก่าและได้ระฆังเนื้อสำริดไป ซึ่งตนเองไม่อยากให้มีการกระทำใดๆ เกิดขึ้น จนกว่ากรมศิลปากรจะเข้ามาสำรวจและขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน นอกจากนี้ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 ต.มหาพารมณ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดแก้วนอก (ร้าง) ทุกคนก็ไม่เห็นด้วย ที่มีกลุ่มบุคคลและพระสงฆ์เข้าไปประกอบพิธีกรรม
นายปรีชา กมลบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญ หากเป็นวัดที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพราะสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นห่วงในเรื่องประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก ซึ่งการจะทำการใดๆ ของกลุ่มบุคคลต้องนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว และขณะนี้กำลังดูรายละเอียดจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดฯ เพื่อนำมาประกอบพิจาณาคดีในทางกฎหมาย หากยังมีการดื้อแพ่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยอมรับว่า มีพื้นที่วัดร้างหลายแห่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถูกบุกรุกจากกลุ่มบุคคล และวัดแก้วนอก (ร้าง) ก็เป็นแห่งหนึ่ง นอกจากนี้กำลังให้ตำรวจและหน่วยงานด้านความมั่นคง ตรวจสอบพฤติกรรมของฆารวาส 2 - 3 คน ที่มักจะหากินกับที่ดินวัดร้างด้วยการเข้าไปบุกรุก แผ้วถาง และครอบครองที่ดินดังกล่าว ก่อนจะปล่อยเช้าให้กับชาวบ้านในราคาสูง
กำลังโหลดความคิดเห็น