ผอ.เขตปทุมวัน แจง “อภิรักษ์” ไม่เกี่ยวข้องข้อพิพาทสร้างตึกซอยร่วมฤดี พร้อมสาบานไม่เอื้อประโยชน์ให้ใคร เผย พรุ่งนี้ส่งหนังสือด่วนถามกรมที่ดินถึงความคืบหน้าหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงใช้บังคับซอยร่วมฤดี
จากกรณีที่กลุ่มชาวบ้านอาศัยใน ซ.ร่วมฤดี จำนวน 24 คน ยื่นฟ้อง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.เขตปทุมวัน ต่อศาลปกครองกลาง ฐานละเลยต่อหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า ปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนดในซอยร่วมฤดี เขตปทุมวัน นั้น นายสุรเกียรติ ลิ้มเจริญ ผอ.เขตปทุมวัน ให้สัมภาษณ์ว่า เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลแล้ว ดังนั้นตนจึงไม่ขอให้รายละเอียดในโครงการดังกล่าวมากนัก เพราะผู้ร้องและผู้ถูกร้องอาจได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ผู้ร้องมีการยื่นฟ้อง นายอภิรักษ์ ในฐานะอดีตผู้ว่าฯ กทม.ด้วยนั้น ขอยืนยันว่า นายอภิรักษ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา (สนย.) ในฐานะออกใบอนุญาตก่อสร้าง และสำนักงานเขตในฐานะเจ้าของพื้นที่เท่านั้น
นายสุรเกียรติ กล่าวอีกว่า ข้อพิพาทดังกล่าวเกี่ยวข้องกับบุคคล 2 กลุ่ม คือ ผู้ขออนุญาตก่อสร้างและกลุ่มผู้ร้องที่เห็นไม่ตรงกัน โดยกลุ่มผู้ขออนุญาตก่อสร้างขอให้ทางเขตออกหนังสือรับรองว่า ความกว้างของซอยมีขนาด 10 เมตรก่อนที่จะเริ่มก่อสร้าง ซึ่งจากแผนที่ระวางที่เขตมีระบุว่า ความกว้างของซอยมีขนาด 10 เมตรจริง เขตจึงได้ออกหนังสือรับรองให้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ตนเข้ามารับตำแหน่ง หลังจากนั้น กลุ่มผู้ร้องจึงเข้ามาร้องเรียน ว่า ซอยมีขนาดความกว้างไม่ถึง 10 เมตร เมื่อตนเดินทางไปตรวจวัดด้วยตนเอง ก็พบว่า ซอยกว้างไม่ถึง 10 เมตรจริง ซึ่งกลุ่มผู้ร้องก็พึงพอใจ แต่เมื่อมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างกันเพิ่มเติม ทางกลุ่มผู้ร้องจึงร้องเพิ่มเติมเข้ามาอีกจนเป็นเหตุให้เกิดข้อพิพาทดังกล่าวขึ้น
นายสุรเกียรติ กล่าวต่อว่า ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) ตนจะทำหนังสือส่งไปยังกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย เพื่อสอบถามความคืบหน้าการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงหลังจากที่สอบถามไปครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา โดยให้ตรวจสอบดูว่าซอยมีความกว้างถึง 10 เมตรหรือไม่ หากกรมที่ดิน ระบุว่า ซอยมีความกว้างไม่ถึง 10 เมตรจริง ตามที่ผู้ร้องระบุ ตนก็จะดำเนินการตามกฎหมายโดยจะสั่งระงับการก่อสร้างและรื้อถอนทันที และตนก็พร้อมจะรับผิดชอบตามกระบวนการทางกฎหมาย หากกรมที่ดินไม่ออกหนังสือสำคัญดังกล่าวให้ ทางศาลปกครองกลางก็จะเป็นฝ่ายพิสูจน์ความจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ เหตุที่ยังไม่ได้สั่งให้ทางผู้รับเหมาโครงการยุติการก่อสร้างชั่วคราวนั้น เนื่องจากหากตรวจสอบ พบว่า ทางผู้รับเหมาดำเนินการถูกต้อง ก็จะเกิดผลกระทบกับตนโดยตรงโดยอาจถูกฟ้องร้องกลับ แต่หากผิดจริงทางเจ้าของโครงการก็จะต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่ดำเนินการฟ้องร้องกลับหากศาลชี้ขาดว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์
“ผมขอสาบานต่อหน้าพระ ว่า ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผลประโยชน์จากการก่อสร้างใดๆ ทั้งสิ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมมารับช่วงต่อในภายหลังเมื่อปลายปี 2548 ดังนั้น จึงอยากหาทางออกเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีโดยเร็ว ซึ่งผมเองก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ขอยืนยันว่า ไม่ได้เข้าข้างหรือช่วยเหลือฝ่ายใดทั้งสิ้น” นายสุรเกียรติ กล่าว
จากกรณีที่กลุ่มชาวบ้านอาศัยใน ซ.ร่วมฤดี จำนวน 24 คน ยื่นฟ้อง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.เขตปทุมวัน ต่อศาลปกครองกลาง ฐานละเลยต่อหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า ปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนดในซอยร่วมฤดี เขตปทุมวัน นั้น นายสุรเกียรติ ลิ้มเจริญ ผอ.เขตปทุมวัน ให้สัมภาษณ์ว่า เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลแล้ว ดังนั้นตนจึงไม่ขอให้รายละเอียดในโครงการดังกล่าวมากนัก เพราะผู้ร้องและผู้ถูกร้องอาจได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ผู้ร้องมีการยื่นฟ้อง นายอภิรักษ์ ในฐานะอดีตผู้ว่าฯ กทม.ด้วยนั้น ขอยืนยันว่า นายอภิรักษ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา (สนย.) ในฐานะออกใบอนุญาตก่อสร้าง และสำนักงานเขตในฐานะเจ้าของพื้นที่เท่านั้น
นายสุรเกียรติ กล่าวอีกว่า ข้อพิพาทดังกล่าวเกี่ยวข้องกับบุคคล 2 กลุ่ม คือ ผู้ขออนุญาตก่อสร้างและกลุ่มผู้ร้องที่เห็นไม่ตรงกัน โดยกลุ่มผู้ขออนุญาตก่อสร้างขอให้ทางเขตออกหนังสือรับรองว่า ความกว้างของซอยมีขนาด 10 เมตรก่อนที่จะเริ่มก่อสร้าง ซึ่งจากแผนที่ระวางที่เขตมีระบุว่า ความกว้างของซอยมีขนาด 10 เมตรจริง เขตจึงได้ออกหนังสือรับรองให้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ตนเข้ามารับตำแหน่ง หลังจากนั้น กลุ่มผู้ร้องจึงเข้ามาร้องเรียน ว่า ซอยมีขนาดความกว้างไม่ถึง 10 เมตร เมื่อตนเดินทางไปตรวจวัดด้วยตนเอง ก็พบว่า ซอยกว้างไม่ถึง 10 เมตรจริง ซึ่งกลุ่มผู้ร้องก็พึงพอใจ แต่เมื่อมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างกันเพิ่มเติม ทางกลุ่มผู้ร้องจึงร้องเพิ่มเติมเข้ามาอีกจนเป็นเหตุให้เกิดข้อพิพาทดังกล่าวขึ้น
นายสุรเกียรติ กล่าวต่อว่า ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) ตนจะทำหนังสือส่งไปยังกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย เพื่อสอบถามความคืบหน้าการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงหลังจากที่สอบถามไปครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา โดยให้ตรวจสอบดูว่าซอยมีความกว้างถึง 10 เมตรหรือไม่ หากกรมที่ดิน ระบุว่า ซอยมีความกว้างไม่ถึง 10 เมตรจริง ตามที่ผู้ร้องระบุ ตนก็จะดำเนินการตามกฎหมายโดยจะสั่งระงับการก่อสร้างและรื้อถอนทันที และตนก็พร้อมจะรับผิดชอบตามกระบวนการทางกฎหมาย หากกรมที่ดินไม่ออกหนังสือสำคัญดังกล่าวให้ ทางศาลปกครองกลางก็จะเป็นฝ่ายพิสูจน์ความจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ เหตุที่ยังไม่ได้สั่งให้ทางผู้รับเหมาโครงการยุติการก่อสร้างชั่วคราวนั้น เนื่องจากหากตรวจสอบ พบว่า ทางผู้รับเหมาดำเนินการถูกต้อง ก็จะเกิดผลกระทบกับตนโดยตรงโดยอาจถูกฟ้องร้องกลับ แต่หากผิดจริงทางเจ้าของโครงการก็จะต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่ดำเนินการฟ้องร้องกลับหากศาลชี้ขาดว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์
“ผมขอสาบานต่อหน้าพระ ว่า ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผลประโยชน์จากการก่อสร้างใดๆ ทั้งสิ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมมารับช่วงต่อในภายหลังเมื่อปลายปี 2548 ดังนั้น จึงอยากหาทางออกเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีโดยเร็ว ซึ่งผมเองก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ขอยืนยันว่า ไม่ได้เข้าข้างหรือช่วยเหลือฝ่ายใดทั้งสิ้น” นายสุรเกียรติ กล่าว