นักวิชาการแนะ รบ.ใช้บันทึกความเข้าใจ เจรจาข้อพิพาท "พระวิหาร"

รศ.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า รัฐบาลไทยควรใช้บันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา ที่ทำไว้เมื่อเดือนมิถุนายน 2543 เป็นกรอบในการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่พิพาทใกล้ปราสาทพระวิหารที่ทั้ง 2 ประเทศ ต่างอ้างสิทธิ์บนเนื้อที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2,500 ไร่ ทางทิศเหนือและตะวันตกของตัวปราสาท พร้อมแสดงความแปลกใจที่ฝ่ายกัมพูชานำเรื่องความขัดแย้งที่สามารถพูดคุยกันได้ระหว่าง 2 ฝ่าย ขึ้นสู่เวทีระดับโลก ด้วยการให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง
บันทึกช่วยจำที่ทำให้รัฐบาลสมัยของนายชวน หลีกภัย ได้กำหนดไว้ในข้อ 5 ซึ่งระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายต้องงดเว้นการกระทำใดๆ ที่มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ รวมถึงการไม่สร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ ในพื้นที่แนวชายแดนที่ยังไม่ได้รับการปักปันแนวเขตแดน
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังเห็นตรงกันที่จะร่วมกันดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ผ่านคณะกรรมการจัดทำหลักเขตแดนทางบกร่วมไทย-กัมพูชา แต่หลังจากการออกบันทึกช่วยจำฝ่ายกัมพูชาได้สร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้ามายังเขตแดนของไทยบนเขาพระวิหาร และกระทรวงการต่างประเทศได้ประท้วงการละเมิดบันทึกช่วยจำของฝ่ายกัมพูชารวม 4 ครั้ง โดยฝ่ายกัมพูชาอ้างว่า พื้นที่พิพาทที่ไทยอ้างสิทธิ์อยู่ในเขตแดนของกัมพูชา ตามแผนที่สยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1907 ขณะที่ไทยยึดถือแผนที่ L7017 ที่ยึดแนวสันปันน้ำเป็นแนวเขต และกำหนดให้พื้นที่ส่วนนี้อยู่ในเขตไทย ยกเว้นพื้นที่ 150 ไร่ รอบตัวปราสาทพระวิหาร ที่ศาลโลกตัดสินให้เป็นของกัมพูชา