นายดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดจนถึงขณะนี้ว่า ทางสถานทูตได้พยายามล็อบบี้ประเทศสมาชิกในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้คณะมนตรีฯ รับคำร้องของกัมพูชาในการเรียกประชุมเร่งด่วน เพื่อพิจารณาคำร้องของกัมพูชาในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้คณะมนตรีฯ ส่งเรื่องกลับมาให้เป็นการพูดคุยเจรจาในระดับทวิภาคี อย่างไรก็ตาม นายดอน เชื่อว่าความพยายามในครั้งนี้คงจะไม่เป็นผล โดยทางยูเอ็นคงจะรับเรื่องของกัมพูชาเข้าเป็นวาระประชุมฉุกเฉินในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ เนื่องจากยูเอ็นจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ ซึ่งในส่วนของไทยหากทางยูเอ็นรับคำร้องของกัมพูชาในวันพรุ่งนี้ ก็จะต้องเตรียมตัวบุคคลไว้เพื่อเปิดเจรจาในวันที่ 28 กรกฎาคม แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถหาตัวบุคคลได้ เบื้องต้นคาดว่าจะต้องเป็นตนเองที่จะต้องไปเจรจา
ด้าน พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกัมพูชา ที่ส่งปัญหาเขาพระวิหารให้องค์การสหประชาชาติเป็นผู้ไกล่เกลี่ย เพราะเห็นว่าการแก้ปัญหานี้น่าจะเป็นการเจรจาเฉพาะสองประเทศเท่านั้น การมีบุคคลที่สามเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นอาเซียน หรือ ยูเอ็น จะทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตาม โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าภายหลังการเลือกตั้งในกัมพูชา สถานการณ์จะดีขึ้น ส่วนกรณีปัญหาพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ที่ปล่อยให้คนกัมพูชาเข้ามาอยู่ตั้งแต่ต้น ซึ่งเห็นว่าทางออกของเรื่องนี้ คือ การตั้งโต๊ะเจรจา แต่ต้องใช้เวลาดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ได้เสนอทางออกในการแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน 3 แนวทาง คือ พัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้เป็นพื้นที่โนแมนแลนด์ (NO MAN LAND) ให้คนไทยและกัมพูชาอยู่ร่วมกัน โดยพัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และให้มีการเจรจาแบ่งปันพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ด้วยวิธีการปักปันเขตแดน โดยอาจใช้วิธีปักปันตามสันปันน้ำ
ด้าน พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกัมพูชา ที่ส่งปัญหาเขาพระวิหารให้องค์การสหประชาชาติเป็นผู้ไกล่เกลี่ย เพราะเห็นว่าการแก้ปัญหานี้น่าจะเป็นการเจรจาเฉพาะสองประเทศเท่านั้น การมีบุคคลที่สามเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นอาเซียน หรือ ยูเอ็น จะทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตาม โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าภายหลังการเลือกตั้งในกัมพูชา สถานการณ์จะดีขึ้น ส่วนกรณีปัญหาพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ที่ปล่อยให้คนกัมพูชาเข้ามาอยู่ตั้งแต่ต้น ซึ่งเห็นว่าทางออกของเรื่องนี้ คือ การตั้งโต๊ะเจรจา แต่ต้องใช้เวลาดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ได้เสนอทางออกในการแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน 3 แนวทาง คือ พัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้เป็นพื้นที่โนแมนแลนด์ (NO MAN LAND) ให้คนไทยและกัมพูชาอยู่ร่วมกัน โดยพัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และให้มีการเจรจาแบ่งปันพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ด้วยวิธีการปักปันเขตแดน โดยอาจใช้วิธีปักปันตามสันปันน้ำ
