“บุญสร้าง” แนะรัฐบาลเจรจาแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนประสาทวิหารในระดับทวิภาคี ดีกว่านำเข้าสู่ระดับสากล เตือนระวังบทเรียนขึ้นศาลโลก ยอมรับมาตรการด้านการต่างประเทศ เดินตามก้นกัมพูชา
วันนี้ (23 ก.ค.) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวเกี่ยวกับข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ไทย-กัมพูชา ว่า การเดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย ในครั้งนี้ อาจมีการหารือนอกรอบกรณีข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งแนวทางคงต้องเล่าความเป็นมาให้เข้าใจจุดยืนของเรา และเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างยุติธรรม เพราะเรามีเหตุผลในการดำเนินการที่ดีและชี้แจงได้เสมอ ทั้งนี้ได้อ่านหนังสือชี้แจงเรื่องปราสาทพระวิหาร ของนายดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่ส่งถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติ ถือเป็นเรื่องดี ที่ชี้แจงถึงความเป็นมาของปัญหาและเสนอให้แก้ปัญหาในระดับทวิภาคีก่อน
ต่อกรณีขณะนี้ปัญหากลายเป็นปัญหาระดับสากลไปแล้วนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า เราเห็นว่า ควรจะพยายามจัดการในระดับเล็กไปหาใหญ่ ไม่ใช่หว่านไปทั่ว จะทำให้เกิดความสับสน ค่อยๆ แก้ปัญหา พูดคุยกันดีๆ แต่ถ้าจุดยืนไม่สามารถปรองดองกันได้ ต่อให้ขึ้นไปสูงอย่างไรก็ปรองดองกันไม่ได้ ต้องมุ่งแบบทวิภาคีกันให้ดี ไม่ใช่ไม่ยอมปรับอะไรเลย ก็เห็นจะยาก ทั้งนี้อาเซียนเห็นควรที่จะให้ไทยและกัมพูชาหารือกันก่อนที่จะเข้าสู่ที่ประชุมอาเซียน
ส่วนกรณี สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทำหนังสือไปถึงยูเอ็น ว่า ทหารไทยเข้าไปคุกคามเสรีภาพของกัมพูชา ทั้งๆ ที่กัมพูชาได้ส่งทหารไปประจำที่ชายแดนมากกว่าไทยนั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ใครๆ ก็พูดได้ ซึ่งคนอื่นก็ทราบ เพราะขั้นตอนที่เกิดขึ้นมีอยู่ เมื่อถามว่า จะมีการชี้แจงว่าที่ผ่านมากัมพูชาใช้วิธีการแทรกซึม โดยส่งคนเข้าไปจับจองในพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ภาพที่ออกมาเห็นๆ กันอยู่ แต่ไม่เป็นไร เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปลีกย่อย เรื่องนี้เราสามารถชี้แจงให้ต่างประเทศเข้าใจได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำในลักษณะเช่นนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงในเอ็มโอยู ที่เคยตกลงกันไว้ว่า ห้ามทั้ง 2 ประเทศไปใช้สิทธิ หรือจับจองในพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ในเอ็มโอยู ปี 2543 เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เราเคยประท้วงไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งเราสามารถชี้แจงได้ว่าเราได้ประท้วงไปหลายครั้งแล้ว อย่างไรก็ตาม กรณีที่กัมพูชานำเรื่องนี้ไปสู่นานาชาติ จะทำให้เหตุการณ์บานปลายมากกว่าการเจรจาตัวต่อตัวหรือไม่นั้น ขอย้ำว่า ประเทศไทยได้ทำทุกระดับ แต่ไม่เป็นไร ถ้าเขาทำหลายระดับ เราก็ชี้แจงไปเรื่อยๆ
ต่อกรณีดูเหมือนว่าการดำเนินการต่างๆ ของไทยจะไล่ตามกัมพูชาตลอดนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า เราเป็นผู้ใหญ่ หลักต้องเริ่มจากเล็กไปหาใหญ่ แต่ถ้าเขาขึ้นไปหาใหญ่ก็จำเป็นต้องชี้แจงล่วงหน้า ซึ่ง นายดอน ดำเนินการได้ดีแล้ว
“มุมมองของอาเซียนที่ส่งผลบวกกับเรา จะทำให้สหรัฐอเมริกา จีน เข้าใจได้ดีมากขึ้นหรือไม่นั้น หากเราชี้แจงดี เขาจะเข้าใจเรา เพราะเรายืนอยู่บนความยุติธรรมไม่ได้เอาเปรียบใคร อย่างไรก็ตาม แม้เราจะถูกต้องและมีเหตุมีผลอย่างไร เมื่อขึ้นเวทีศาลโลกก็ต้องระวัง เพราะเรามีบทเรียน” พล.อ.บุญสร้าง กล่าว
เมื่อถามว่า จำเป็นที่จะต้องขึ้นศาลโลกหรือไม่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ไม่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ แต่เท่าที่ฟังมาจากนักกฎหมายบอกว่าเราไม่ขึ้นก็ไม่เป็นไร ส่วนจะเป็นแผนของกัมพูชาที่วางไว้ตั้งแต่การนำปราสาทพระวิหารไปเป็นมรดกโลก เพื่อต้องการนำปัญหาพื้นที่ทับซ้อนเข้าสู่ศาลโลกหรือไม่นั้น ต้องไปถามทางกัมพูชา ทั้งนี้ การทำสมุดปกขาวชี้แจงนานาชาติ ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะหนังสือที่ทำตอบกันไปมาบางครั้ง ไม่ครอบคลุมและเข้าใจยาก บางครั้งมีภาษากฎหมาย การทำสมุดปกขาวชี้แจงไม่ว่า จะเป็นระดับโลก ระดับชาติ เป็นสิ่งที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตัดสินนานาชาติจะดูจากหลักฐาน ตั้งแต่ปี 2505 มากกว่าในสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า อยู่ที่เราชี้แจง ถ้าเรารู้สึกว่าเราเสียเปรียบเรื่องหลักฐาน ต้องชี้แจงว่า หลักฐานน่าจะขาด แต่ไม่น่าจะเสียเปรียบ ซึ่งต้องชี้แจงให้ดี อย่างไรก็ตามแม้จะมองว่าประเทศต่างๆ ที่อยู่ในยูเอ็นค่อนข้างจะเอียงไปทางกัมพูชา จะส่งผลกระทบต่อไทยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง เหมือนมวย เราต้องดูว่า จุดอ่อนจุดแข็งเป็นอย่างไร ต้องวิเคราะห์ให้ดีในการที่จะทำเรื่องนี้ ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศต้องแสดงบทบาทที่ชัดเจน ต้องดีและเก่ง ซึ่งคนในกระทรวงต่างประเทศมีคนเก่งมาก
พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า กรณีปราสาทพระวิหาร ในปี 2505 กับเหตุการณ์พื้นที่ทับซ้อนในปัจจุบันจะต้องแยกจากกัน ซึ่งที่ผ่านมาได้พูดคุยกันให้ต่างฝ่ายต่างกำชับคนของตัวเอง ไม่มีใครต้องการให้เกิดเรื่องรุนแรง เพราะคนที่เดือดร้อน คือ เด็กและประชาชน ซึ่งการพูดคุยที่ผ่านมา ชัดเจนอยู่แล้วว่าเราช่วยกันได้แค่ไหน
ส่วนที่กัมพูชา ระบุว่า การเจรจาครั้งที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ ควรมีคนกลางเข้ามาชี้แจงนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ทั้งสองประเทศยังไม่ได้พูดคุยกันในทุกระดับ โดยคุยกันเฉพาะคณะกรรมการ ซึ่งอาจคุยกันได้อีก โดยเฉพาะในระดับสูงกว่าคณะกรรมการที่กำหนดบทบาทให้มีความใจกว้าง เข้าอกเข้าใจจะช่วยได้มากในสปิริตของความเป็นเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม ต้องถึงขั้นระดับนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศพูดคุยกันหรือไม่นั้น เห็นว่า ควรมีอะไรที่เหนือกว่าระดับกรรมการที่คุยกัน เพราะกรรมการที่คุยกัน จะรับนโยบายมา
“ที่เหนือขึ้นไป ไม่ทราบว่าจะเป็นท่านไหน ก็แล้วแต่ ซึ่งเราจะต้องคุยกันแค่สองประเทศดีที่สุด ยังไม่จำเป็นต้องมีบุคคลที่ 3 จนกว่าจะไปไม่ได้จริงๆ” พล.อ.บุญสร้าง กล่าว
ส่วนมาตรการทางทหารที่จะตอบโต้ข่าวของกัมพูชาที่ระบุว่าไทยได้เพิ่มกำลังนั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ต้องการให้สื่อถามไปยังหน่วยที่ปฏิบัติการในพื้นที่ของกองทัพบกเป็นหลัก เพราะทหารเราไม่มีนิสัยทำอะไรนิดก็ตีฆ้อง เราก็ทำงานไป ส่วนจำเป็นต้องให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ไปพูดคุยหรือไม่นั้น บางอย่างเป็นสิ่งที่ดี แต่จำเป็นหรือไม่ ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้พิจารณา