สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เพื่อสะท้อนแนวคิดสาเหตุของความขัดแย้ง และแนวทางในการแก้ไขปัญหากรณีปราสาทพระวิหารจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวนทั้งสิ้น 3,055 คน กรุงเทพฯ 1,287 คน ต่างจังหวัด 1,768 คน ระหว่างวันที่ 17-20 กรกฎาคม 2551 พบว่าความรู้สึกของประชาชนต่อกรณีปราสาทพระวิหาร ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 39.15 เกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและควรหาข้อยุติโดยเร็ว ร้อยละ 18.64 ระบุว่า รู้สึกเสียใจและเสียดายที่ต้องสูญเสียมรดกที่ล้ำค่าของประเทศไป ขณะที่ ร้อยละ 18.55 ระบุ เป็นบทเรียนที่มีค่า เป็นความทรงจำที่คนไทยไม่มีวันลืม
เมื่อถามว่ากรณีปราสาทพระวิหารจะบานปลายลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศหรือไม่ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 54.14 คิดว่าจะเป็นปัญหาระหว่างประเทศ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน มีการส่งกำลังทหารมาดูแลตามแนวชายแดนทั้ง 2 ฝ่าย ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกล้ำค่าใครก็อยากได้ และร้อยละ 26.68 ระบุไม่แน่ใจ โดยให้เหตุผลว่าขึ้นอยู่กับวิธีจัดการของรัฐบาล สำหรับความมั่นใจของประชาชนที่มีต่อการแก้ไขปัญหาปราสาทพระวิหารของรัฐบาลส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 39.55 ระบุไม่ค่อยมั่นใจ ขณะที่มีเพียงร้อยละ 8.81 ที่ มั่นใจมาก ส่วนความมั่นใจของประชาชนที่มีต่อการแก้ไขปัญหาปราสาทพระวิหารของทหารไทยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 35.95 ระบุไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเป็นปัญหาระดับประเทศ ควรให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะดำเนินการมากกว่า ขณะที่ร้อยละ 15.11 ระบุมั่นใจมาก เพราะ ทหารไทยมีความเด็ดขาด และหน้าที่ของทหารคือการปกป้องดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศ
ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาปราสาทพระวิหารในทัศนะของประชาชน ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 27.24 ระบุ ควรนำหลักฐานข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรมายืนยันให้ชัดเจน ร้อยละ 25.02 ระบุควรทำใจ และยอมรับในการตัดสินของศาลโลก และร้อยละ 17.57 ระบุควรยกให้เป็นมรดกโลกโดยมีทั้ง 2 ประเทศร่วมกันดูแล
เมื่อถามว่ากรณีปราสาทพระวิหารจะบานปลายลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศหรือไม่ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 54.14 คิดว่าจะเป็นปัญหาระหว่างประเทศ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน มีการส่งกำลังทหารมาดูแลตามแนวชายแดนทั้ง 2 ฝ่าย ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกล้ำค่าใครก็อยากได้ และร้อยละ 26.68 ระบุไม่แน่ใจ โดยให้เหตุผลว่าขึ้นอยู่กับวิธีจัดการของรัฐบาล สำหรับความมั่นใจของประชาชนที่มีต่อการแก้ไขปัญหาปราสาทพระวิหารของรัฐบาลส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 39.55 ระบุไม่ค่อยมั่นใจ ขณะที่มีเพียงร้อยละ 8.81 ที่ มั่นใจมาก ส่วนความมั่นใจของประชาชนที่มีต่อการแก้ไขปัญหาปราสาทพระวิหารของทหารไทยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 35.95 ระบุไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเป็นปัญหาระดับประเทศ ควรให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะดำเนินการมากกว่า ขณะที่ร้อยละ 15.11 ระบุมั่นใจมาก เพราะ ทหารไทยมีความเด็ดขาด และหน้าที่ของทหารคือการปกป้องดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศ
ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาปราสาทพระวิหารในทัศนะของประชาชน ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 27.24 ระบุ ควรนำหลักฐานข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรมายืนยันให้ชัดเจน ร้อยละ 25.02 ระบุควรทำใจ และยอมรับในการตัดสินของศาลโลก และร้อยละ 17.57 ระบุควรยกให้เป็นมรดกโลกโดยมีทั้ง 2 ประเทศร่วมกันดูแล
