องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กรณีไม่ชี้แจงบัญชีทรัพย์สินนางจุไร สะสมทรัพย์ ภรรยา ถือหุ้นในบริษัททรัพย์ฮกเฮง จำกัด ที่เกินร้อยละ 5 ตามรัฐธรรมนูญ โดยศาลวินิจฉัยว่าการที่นายไชยา ไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินของภริยา ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เพราะถือว่าได้รับฟังการชี้แจงจากเลขาธิการ ป.ป.ช. ในการชี้แจงขั้นตอนการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตนเอง คู่สมรส และบุตร ดังนั้นจึงทำให้พ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง
ส่งผลให้นายไชยา ต้องพ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีนับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2551 เพราะเป็นวันสุดท้ายที่นายไชยา ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคู่สมรส หลังจากได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ส่วนการกระทำใดๆ ของนายไชยา หลังจากวันที่ 7 มีนาคม ศาลรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งคุ้มครองการกระทำใดๆ เพราะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 92 ได้ให้ความคุ้มครองไว้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายไชยา ไม่ได้เดินทางมารับฟังคำสั่งศาลด้วยตัวเอง และไม่ได้ส่งตัวแทนมารับฟังแทน มีเพียงผู้ร้อง คือสมาชิกวุฒิสภา นำโดยนายประสาร มฤคพิทักษ์ และ ส.ว.อีก 5 คน มารับฟัง ศาลจึงอ่านคำวินิจฉัยให้ผู้ร้องฟังแทน
นายประสาร กล่าวภายหลังรับฟังคำวินิจฉัยว่า การตัดสินครั้งนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้กับนักการเมืองต่อไป และคำตัดสินก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม ว่ากระบวนการยุติธรรมยังเป็นที่พึ่งได้
ขั้นตอนหลังจากนี้ คำวินิจฉัยดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปให้ประธานวุฒิสภา และ ส.ว.ที่เข้าชื่อยื่นคำร้องจำนวน 36 คน รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป โดยเฉพาะประเด็นการติดตามเรียกคืนเงินประจำตำแหน่งของนายไชยา
ส่งผลให้นายไชยา ต้องพ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีนับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2551 เพราะเป็นวันสุดท้ายที่นายไชยา ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคู่สมรส หลังจากได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ส่วนการกระทำใดๆ ของนายไชยา หลังจากวันที่ 7 มีนาคม ศาลรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งคุ้มครองการกระทำใดๆ เพราะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 92 ได้ให้ความคุ้มครองไว้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายไชยา ไม่ได้เดินทางมารับฟังคำสั่งศาลด้วยตัวเอง และไม่ได้ส่งตัวแทนมารับฟังแทน มีเพียงผู้ร้อง คือสมาชิกวุฒิสภา นำโดยนายประสาร มฤคพิทักษ์ และ ส.ว.อีก 5 คน มารับฟัง ศาลจึงอ่านคำวินิจฉัยให้ผู้ร้องฟังแทน
นายประสาร กล่าวภายหลังรับฟังคำวินิจฉัยว่า การตัดสินครั้งนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้กับนักการเมืองต่อไป และคำตัดสินก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม ว่ากระบวนการยุติธรรมยังเป็นที่พึ่งได้
ขั้นตอนหลังจากนี้ คำวินิจฉัยดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปให้ประธานวุฒิสภา และ ส.ว.ที่เข้าชื่อยื่นคำร้องจำนวน 36 คน รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป โดยเฉพาะประเด็นการติดตามเรียกคืนเงินประจำตำแหน่งของนายไชยา
