นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า รัฐบาลขาดดุลเงินสดกว่า 6,700 ล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังจำนวน 115,222 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 6,529 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ส่วนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวน 126,766 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วกว่า 10,300 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 202,597 ล้านบาท ต่ำกว่าการขาดดุลช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2550 ร้อยละ 17 โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 200,420 ล้านบาท และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 2,177 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง เชื่อว่าในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2551 จะมีการเกินดุลเงินงบประมาณเนื่องจากจะมีรายได้นำส่งคลังจากภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เหลื่อมจากเดือนพฤษภาคม และการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล
สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีครึ่งปีแรกของปี 2551 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งจะส่งผลให้การขาดดุลเงินงบประมาณทั้งปีใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 165,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง เชื่อว่าในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2551 จะมีการเกินดุลเงินงบประมาณเนื่องจากจะมีรายได้นำส่งคลังจากภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เหลื่อมจากเดือนพฤษภาคม และการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล
สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีครึ่งปีแรกของปี 2551 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งจะส่งผลให้การขาดดุลเงินงบประมาณทั้งปีใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 165,000 ล้านบาท