นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนพฤษภาคม 2551 ว่า กระทรวงการคลัง สามารถจัดเก็บรายได้ได้กว่า 273,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 24,808 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้มาจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลได้สูงกว่าประมาณการกว่า 25,500 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.5 แต่ในด้านภาษีธุรกิจเฉพาะ ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ และภาษีน้ำมัน จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง รวมทั้งผู้บริโภคหันไปใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวมกว่า 1 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 31,487 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.1 ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรขาเข้าที่สูงกว่าประมาณการ
ส่วนแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ยอมรับว่า อาจจะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเหมือนในช่วงแรก เนื่องจากมาตรการลดภาษี จะมีผลต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมทั้งการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจบางแห่งที่ต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ยังคาดหวังว่า จะสามารถจัดเก็บรายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่จำนวน1,495,000 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ยอมรับว่า อาจจะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเหมือนในช่วงแรก เนื่องจากมาตรการลดภาษี จะมีผลต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมทั้งการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจบางแห่งที่ต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ยังคาดหวังว่า จะสามารถจัดเก็บรายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่จำนวน1,495,000 ล้านบาท