นายพงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และเครือข่าย เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการก่อเหตุทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษาในช่วงๆ เปิดภาคปีการศึกษา 2551 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ว่า ได้มอบนโยบายให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตลอดจนในจังหวัดใหญ่ และวิทยาลัยกลุ่มเสี่ยง ติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในสถาบันและบริเวณใกล้เคียง โดยให้ครอบคลุมจุดเสี่ยงทั้งหมด เพื่อเฝ้าระวังการก่อเหตุทะเลาะวิวาท ตลอดจนเฝ้าระวังปัญหาอื่นๆ เช่น ยาเสพติด ล่วงละเมิดทางเพศ เป็นต้น โดยวิทยาลัยจะซื้อชิ้นส่วนอุปกรณ์มาให้นักเรียน นักศึกษาประกอบเอง
นอกจากนี้จะมีอาสาสมัครอาชีวศึกษา คอยเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วนเสมารักษ์ของ ศธ. 1579 และของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ปรับระบบ 191 เพื่อให้การทำงานของตำรวจรวดเร็วขึ้น โดยศูนย์จะแจ้งไปยัง สน.ที่เกิดเหตุภายใน 1 นาที และตำรวจจะลงไปยังสถานที่เกิดเหตุภายใน 10 นาที รวมถึงจะเน้นให้นักเรียน นักศึกษาทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ การแข่งขันกีฬา และร่วมศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน หรือ Fix IT Center ที่สำคัญได้มีนโยบายที่ชัดเจนห้ามนักเรียนนักศึกษาอาชีวะ จัดกิจกรรมรับน้องใหม่โดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะในและนอกสถาบัน แต่จะส่งเสริมให้จัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์แทน โดยวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ จะนำนักเรียนนักศึกษาอาชีวะทั้ง 600,000 คน ไปประกาศตนเป็นศาสนิกชนที่ดีของแต่ละศาสนาที่ตนเองนับถือ ซึ่งเด็กจะได้ตระหนักและไม่กล้าประพฤติตนไม่ดี
ด้านนายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า ถ้านักเรียนนักศึกษาอาชีวะรวมกลุ่มกันออกจากสถาบันไปก่อเหตุทะเลาะวิวาท โดยที่สถาบันไม่ทราบหรือไม่แจ้งเบาะแสก่อนเกิดเหตุ กับ สอศ.หรือตำรวจ ถือเป็นความบกพร่องของผู้บริหารและครู ซึ่งต้องรับผิดชอบ และจะถูกลงโทษ แต่ถ้าทำดีก็พร้อมที่จะดูแลเรื่องความดีความชอบให้
พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า จากสถิติการรับแจ้งเหตุนักเรียนตีกันและจับกลุ่มก่อเหตุ ปี 2549 - 2550 พบว่ามีจำนวนลดลง โดยการก่อเหตุตีกันในปี 2550 มีจำนวน 1,713 ครั้ง ลดจากปี 2549 ซึ่งมีจำนวน 1,978 ครั้ง ส่วนการจับกลุ่มก่อนจะก่อเหตุ ในปี 2550 มี 1,121 ครั้ง ส่วนปี 2549 มีจำนวน 1,390 ครั้ง
นอกจากนี้จะมีอาสาสมัครอาชีวศึกษา คอยเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วนเสมารักษ์ของ ศธ. 1579 และของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ปรับระบบ 191 เพื่อให้การทำงานของตำรวจรวดเร็วขึ้น โดยศูนย์จะแจ้งไปยัง สน.ที่เกิดเหตุภายใน 1 นาที และตำรวจจะลงไปยังสถานที่เกิดเหตุภายใน 10 นาที รวมถึงจะเน้นให้นักเรียน นักศึกษาทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ การแข่งขันกีฬา และร่วมศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน หรือ Fix IT Center ที่สำคัญได้มีนโยบายที่ชัดเจนห้ามนักเรียนนักศึกษาอาชีวะ จัดกิจกรรมรับน้องใหม่โดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะในและนอกสถาบัน แต่จะส่งเสริมให้จัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์แทน โดยวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ จะนำนักเรียนนักศึกษาอาชีวะทั้ง 600,000 คน ไปประกาศตนเป็นศาสนิกชนที่ดีของแต่ละศาสนาที่ตนเองนับถือ ซึ่งเด็กจะได้ตระหนักและไม่กล้าประพฤติตนไม่ดี
ด้านนายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า ถ้านักเรียนนักศึกษาอาชีวะรวมกลุ่มกันออกจากสถาบันไปก่อเหตุทะเลาะวิวาท โดยที่สถาบันไม่ทราบหรือไม่แจ้งเบาะแสก่อนเกิดเหตุ กับ สอศ.หรือตำรวจ ถือเป็นความบกพร่องของผู้บริหารและครู ซึ่งต้องรับผิดชอบ และจะถูกลงโทษ แต่ถ้าทำดีก็พร้อมที่จะดูแลเรื่องความดีความชอบให้
พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า จากสถิติการรับแจ้งเหตุนักเรียนตีกันและจับกลุ่มก่อเหตุ ปี 2549 - 2550 พบว่ามีจำนวนลดลง โดยการก่อเหตุตีกันในปี 2550 มีจำนวน 1,713 ครั้ง ลดจากปี 2549 ซึ่งมีจำนวน 1,978 ครั้ง ส่วนการจับกลุ่มก่อนจะก่อเหตุ ในปี 2550 มี 1,121 ครั้ง ส่วนปี 2549 มีจำนวน 1,390 ครั้ง
