เช้าวันนี้ นายเอกชัย มหาคุณ กรรมการผู้จัดการบริษัทแคนอน แปซิฟิก จำกัด หลานนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ผู้ต้องหาคดีสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร มูลค่ากว่า 312 ล้านบาท ในการนำเข้าสุรา ไวน์ จากต่างประเทศ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และพนักงานอัยการเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและสอบปากคำ
พ.ต.อ.พินิจ โชติกอาภา ผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร ดีเอสไอ เปิดเผยว่า เบื้องต้นนายเอกชัยไม่ให้การในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ขอให้การในชั้นศาล ซึ่งฝ่ายผู้ต้องหาสามารถนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนได้ว่า ไม่ได้กระทำผิด
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนของดีเอสไอ มีพยานหลักฐานชัดเจนว่า ใบขนสินค้ากับการนำเข้าไม่ตรงกัน ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการ ซึ่งคาดว่าใช้เวลาไม่นานก็จะสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อศาลได้ อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวสามารถยอมความได้ระหว่างขั้นตอนการสอบสวน ถ้าหากผู้ต้องหายินยอมจ่ายภาษีศุลกากรและอากรแสตมป์ที่หลบเลี่ยงทั้งหมด พร้อมค่าปรับ 2 เท่า ตามกฎหมายศุลกากร
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้จับกุมผู้ต้องหาหลบเลี่ยงศุลกากรจากการนำเข้าไวน์จากต่างประเทศ มูลค่ากว่า 312 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องคือ นายเอกชัย มหาคุณ กรรมการผู้จัดการบริษัทแคนอน แปซิฟิก จำกัด ในข้อหาสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรนำเข้าไวน์จากต่างประเทศ ที่ลานจอดรถตรงข้ามซอยบ่อปลา ซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมสำแดงรายการภาษีอากรอันเป็นเท็จจากการนำเข้าไวน์จากฝรั่งเศสมาจำหน่ายผ่านห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2546-2549 รวม 84 ครั้ง โดยสำแดงภาษีต่ำกว่าความเป็นจริงประมาณ 10 เท่า ซึ่งคดีลักษณะนี้เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี เปรียบเทียบปรับ 4 เท่าของจำนวนภาษีอากรที่หลีกเลี่ยง หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ต.อ.พินิจ โชติกอาภา ผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร ดีเอสไอ เปิดเผยว่า เบื้องต้นนายเอกชัยไม่ให้การในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ขอให้การในชั้นศาล ซึ่งฝ่ายผู้ต้องหาสามารถนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนได้ว่า ไม่ได้กระทำผิด
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนของดีเอสไอ มีพยานหลักฐานชัดเจนว่า ใบขนสินค้ากับการนำเข้าไม่ตรงกัน ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการ ซึ่งคาดว่าใช้เวลาไม่นานก็จะสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อศาลได้ อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวสามารถยอมความได้ระหว่างขั้นตอนการสอบสวน ถ้าหากผู้ต้องหายินยอมจ่ายภาษีศุลกากรและอากรแสตมป์ที่หลบเลี่ยงทั้งหมด พร้อมค่าปรับ 2 เท่า ตามกฎหมายศุลกากร
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้จับกุมผู้ต้องหาหลบเลี่ยงศุลกากรจากการนำเข้าไวน์จากต่างประเทศ มูลค่ากว่า 312 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องคือ นายเอกชัย มหาคุณ กรรมการผู้จัดการบริษัทแคนอน แปซิฟิก จำกัด ในข้อหาสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรนำเข้าไวน์จากต่างประเทศ ที่ลานจอดรถตรงข้ามซอยบ่อปลา ซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมสำแดงรายการภาษีอากรอันเป็นเท็จจากการนำเข้าไวน์จากฝรั่งเศสมาจำหน่ายผ่านห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2546-2549 รวม 84 ครั้ง โดยสำแดงภาษีต่ำกว่าความเป็นจริงประมาณ 10 เท่า ซึ่งคดีลักษณะนี้เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี เปรียบเทียบปรับ 4 เท่าของจำนวนภาษีอากรที่หลีกเลี่ยง หรือทั้งจำทั้งปรับ
