“เอกชัย” ผู้ต้องหาเลี่ยงเสียภาษีนำเข้าเหล้า-ไวน์ มูลค่ากว่า 300 ล้าน ปฏิเสธให้การชั้นพนักงานสอบสวน แต่ขอให้การชั้นศาล ขณะที่ ผอ.สำนักคดีภาษีอากรดีเอสไอ เร่งรวบรวมหลักฐานสรุปสำนวนส่งอัยการ ชี้คดียอมความได้ถ้าผู้ต้องหายอมจ่ายภาษีตามจริงพร้อมค่าปรับ ยันไม่ได้เลือกปฏิบัติ พร้อมปฏิเสธไม่รู้เรื่องมี จนท.รัฐเรียกสินบนจากผู้ต้องหา แต่เชื่อไม่ใช่คนในดีเอสไอ
วันนี้ (13 พ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.พินิจ โชติกอาภา ผบ.สำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า นายเอกชัย มหาคุณ กรรมการผู้จัดการบริษัทแคนน่อน แปซิฟิค จำกัด หลานชายนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ฐานะผู้ต้องหาคดีสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรในการนำเข้าสุราไวน์จากต่างประเทศ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา เบื้องต้นนายเอกชัยไม่ให้การในชั้นพนักงานสอบสวนแต่ขอให้การในชั้นศาล ซึ่งทางผู้ต้องหาสามารถนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนได้
พ.ต.อ.พินิจ กล่าวว่า จากการสอบสวนมีพยานเอกสารหลักฐานชัดเจน ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการ อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวสามารถยอมความได้ หากผู้ต้องหายินยอมจ่ายภาษีศุลกากรและอากรแสตมป์ที่หลบเลี่ยงทั้งหมดพร้อมค่าปรับ 2 เท่า ซึ่งตนขอยืนยันว่าการดำเนินคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่นายเอกชัย เป็นญาติกับนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.แต่อย่างใด ซึ่งคดีลักษณะดังกล่าวสำนักคดีภาษีอากรได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และคดีนี้ได้รับเรื่องร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 2549 และได้ดำเนินการสอบสวนมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายวิชาออกมาระบุว่าก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินจากนายเอกชัยนั้น พ.ต.อ.พินิจ กล่าวว่า ตนไม่ทราบในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ
วันนี้ (13 พ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.พินิจ โชติกอาภา ผบ.สำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า นายเอกชัย มหาคุณ กรรมการผู้จัดการบริษัทแคนน่อน แปซิฟิค จำกัด หลานชายนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ฐานะผู้ต้องหาคดีสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรในการนำเข้าสุราไวน์จากต่างประเทศ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา เบื้องต้นนายเอกชัยไม่ให้การในชั้นพนักงานสอบสวนแต่ขอให้การในชั้นศาล ซึ่งทางผู้ต้องหาสามารถนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนได้
พ.ต.อ.พินิจ กล่าวว่า จากการสอบสวนมีพยานเอกสารหลักฐานชัดเจน ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการ อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวสามารถยอมความได้ หากผู้ต้องหายินยอมจ่ายภาษีศุลกากรและอากรแสตมป์ที่หลบเลี่ยงทั้งหมดพร้อมค่าปรับ 2 เท่า ซึ่งตนขอยืนยันว่าการดำเนินคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่นายเอกชัย เป็นญาติกับนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.แต่อย่างใด ซึ่งคดีลักษณะดังกล่าวสำนักคดีภาษีอากรได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และคดีนี้ได้รับเรื่องร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 2549 และได้ดำเนินการสอบสวนมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายวิชาออกมาระบุว่าก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินจากนายเอกชัยนั้น พ.ต.อ.พินิจ กล่าวว่า ตนไม่ทราบในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ