xs
xsm
sm
md
lg

ยามเฝ้าแผ่นดิน 7/05/51 (ช่วงที่ 1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สโรชา- สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่รายการยามเฝ้าแผ่นดินค่ะ วันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2551 อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แอ้ม-สโรชา พรอุดมศักดิ์ รายงานตัวเข้าเวรยามค่ะ วันนี้มาเริ่มต้นกันด้วยข่าวดี บรรยากาศ ภาพของการสัมมนาที่สหรัฐอเมริกา ได้เรียนให้คุณผู้ชมทราบตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อต้นสัปดาห์นี้มีการจัดการเสวนากันที่สหรัฐอเมริกา ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีการพูดกันถึงการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อ.ปานเทพ มีการโฟนอิน หรือพูดคุยทางโทรศัพท์สดๆ กับผู้ที่มาร่วมเสวนาในครั้งนั้นด้วย

ปานเทพ- ครับ, ถือว่าเป็นบรรยากาศที่ ผมได้ยินแต่เสียงนะครับ ได้ยินแต่เสียง มีแต่คนไทยที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น แม้ว่าแม้ว่าไม่ได้เห็นนะครับ แต่ดูจากบรรยากาศดูจากเสียงพูดคุยของประชาชน ที่เราโทรศัพท์ไป สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยที่สหรัฐอเมริกา มีความกระตือรือร้นเรื่องการเมืองมากนะครับ

สโรชา- คะ

ปานเทพ- และก็มีข้อมูลที่เข้าถึง ไม่แพ้คนไทยที่นี่เลย อาจเรียกได้ว่าดูเอเอสทีวีกันตลอดเลยอย่างต่อเนื่อง

สโรชา- ตลอดเวลานะคะ

ปานเทพ- ตลอดเวลานะครับ

สโรชา- มีภาพนิ่งมา

ปานเทพ- ส่งมาจากอเมริกาด้วยนะครับ นี่ครับ

สโรชา- 186 ท่านนะคะ ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ มีการมารวมตัวกัน เพื่อที่จะมาเสวนาเรื่องการต่อต้าน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสหรัฐอเมริกา และแคนาดา

ปานเทพ- โดยอยากจะบอกว่า บางอย่างที่พูดออกอากาศไม่ได้ก็จะไปพูดที่นั่น ว่าเกิดสถานการณ์อะไรบ้างที่นี่นะครับ

สโรชา- ค่ะ

ปานเทพ- ก็เชื่อว่าที่นั่นคงจะเป็นบรรยากาศที่เข้าถึงกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลกนะครับ ไม่ใช่เฉพาะในอเมริกานะครับ เดี๋ยวนี้คนไทยในหลายประเทศรับชมเราอย่างต่อเนื่อง

สโรชา- ใช่ค่ะ

ปานเทพ- แม้กระทั่งที่หาดใหญ่นะครับคุณแอ้ม เดี๋ยวเขาติดจอทุกคืนนะครับ

สโรชา- หรอคะ ทุกคืนเลยหรอคะ

ปานเทพ- ทุกคืน จอผืนใหญ่เลยนะครับ แล้วรับชม ASTV ผ่านการถ่ายทอดสดรายการยามฯ นี่แหละ

สโรชา- ค่ะ, พูดถึงหาดใหญ่แล้ว ในวันจันทร์ที่ 12 ที่จะถึงนี้ ระหว่างเวลา 09.00 - 12.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะมีการจัดเสวนาวิชาการเรื่อง ก้าวข้ามวิกฤตรัฐธรรมนูญ โดยมี รศ.ดร.ประเสริฐ ชิดพงษ์, คุณอุทิศ ชูช่วย, คุณพิภพ ธงไชย รวมไปถึง ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ที่จะไปร่วมเสวนากันในครั้งนี้ จัดขึ้นอีกครั้งหนึ่งค่ะ ในวันจันทร์ที่ 12 พ.ค. 09.00 -12.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ คณะวิทยาการจัดการ ที่ มอ.หาดใหญ่ เรียนเชิญค่ะ วันนี้ไปเริ่มต้นกันด้วยข่าวใหม่ๆ ของคนเก่าๆ ซะหน่อยดีไหมคะอาจารย์ เพราะว่าเราพูดถึงเขามาหลายครั้งแล้วคนนี้ พูดถึงเรื่องของข้อสงสัยหรือว่าคำถามที่เราและสื่อแขนงอื่นๆ นั้นได้ตั้งขึ้น เรื่องของวุฒิการศึกษา คุณสุธา ชันแสง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นะคะ หลังจากนั้นก็ข่าวคราวก็เงียบหายไป มาเป็นข่าวอีกทีหนึ่งก็ต่อเมื่อ ไม่สบายเข้าโรงพยาบาล เข้าโรงพยาบาลไป 2-3 วันเห็นจะได้ ออกจากโรงพยาบาล รู้สึกว่าตอนนี้ก็ยังคงลาป่วยอยู่นะคะ ถ้าเข้าใจไม่ผิดเมื่อวานนี้ประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ คุณสุธาก็ไม่ได้เข้าประชุม วันนี้เป็นข่าวอีกแล้ว รัฐมนตรีท่านนี้

ปานเทพ- คืออย่างนี้ครับ เรื่องวุฒิการศึกษาจริงๆ แล้ว ต้องพูดว่ารายการยามเฝ้าแผ่นดินเรานี้แหละเปิดประเด็น เปิดประเด็นโดยผมเองแหละผมจำได้ กับคุณแอ้มนี่แหละ คุณแอ้มนั่งด้วย

สโรชา- ใช่ ที่มีภาพมีข้อมูลตั้งข้อสงสัยตั้งคำถาม

ปานเทพ- ตั้งคำถามว่าคุณสุธา ชันแสง ไปฟิลิปปินส์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไปจบการศึกษาอย่างไร ทำไมทำพาสปอร์ตทีหลังนะครับ ไม่รู้หายตัวไปอย่างไร ไม่รู้เป็นนักมายากลฟิลิปส์รึเปล่า หรือว่าไปเรียนอย่างไรจึงได้จบภายใน 1 เทอม จบปริญญาตรีนะครับ นั่นเป็นข้อสงสัยที่เราสงสัยกันอย่างมาก

สโรชา- ก็ยังไม่มีคำตอบนะคะ

ปานเทพ- ไร้ซึ่งคำตอบนะครับ จนกระทั่งคุณสุธา ชันแสงก็เป็นลมไปไม่สบายป่วย น่าเห็นใจมากๆ เลยนะครับ

สโรชา- คงจะเครียด

ปานเทพ- แต่ว่าเนื่องจากเครียดมาก อยากจะบอกคุณสุธา ท่านผู้ชมว่า ท่านผู้ชมที่ดูรายการรู้ทันประเทศไทย เรื่อง วุฒิการศึกษาสักครู่ที่ท่านผู้ชมๆ นะครับ กลายเป็นเรื่องเล็กๆ ไปแล้ว สำหรับชีวิตคุณสุธา ชันแสง

สโรชา- ทำไมมันมีเรื่องใหญ่ไปกว่านี้ด้วยหรือคะ

ปานเทพ- เพราะแน่นอนครับคุณแอ้ม 1.ก้คือว่า ส.ส.ตอนนี้ ส.ว.ขออภัยครับ สมาชิกวุฒิสภากลุ่มหนึ่งเข้าชื่อเพื่อที่จะถอดถอนคุณสุธา ชันแสง ในฐานะมีข้อสงสัยว่า คุณสุธา ชันแสงนั้น มีวุฒิการศึกษาไม่ถูกต้องตามคุณสมบัติ ในฐานะที่จะเป็นรัฐมนตรีใช่หรือไม่

สโรชา- คือ 1 ใน 2 รัฐมนตรี ที่วุฒิสภาตั้งคำถาม อีกท่านก็คือ คุณจักรภพ

ปานเทพ- ทีนี้เก้าอี้ของคุณสุธา ชันแสง ก็ต้องบอกว่า

สโรชา- มันสั่นครอนหรือคะ

ปานเทพ- ถึงแม้จะสั่นครอนนะครับคุณแอ้ม ก็ยังไม่สำคัญเรื่องต่อไปนี้ ในชีวิตของคุณสุธา

สโรชา- คือเรื่องชีวิตการงานนี้เป็นเรื่องเล็ก แต่ชีวิตส่วนตัวสงสัยจะเป็นเรื่องใหญ่

ปานเทพ- ข่าวเป็นอย่างนี้ครับก็คือว่า วันนี้ผู้จัดการ
ออนไลน์ขึ้นหัวข่าววันนี้ครับ หลักฐานโผล่อีกสุธาซุกลูกนอกสมรส ไม่ยอมแจ้งบัญชีทรัพย์สิน

สโรชา- คือตามกฎหมายเมื่อรัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่งจะต้องแจ้งทรัพย์สิน และหนี้สินของตัวเอง ของคู่สมรส และของบุตรทั้งในและนอกสมรส ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

ปานเทพ- รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 259 ระบุว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดังต่อไปนี้ มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์และหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อ ป.ป.ช.ทุกครั้งที่เข้ารับตำแหน่ง หรือพ้นจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรี ส.ส., ส.ว.,ข้าราชการการเมืองอื่น, ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เขาก็ส่งกันครับ

สโรชา- ก็ เขาก็ส่งกันตามปกติ คราวนี้คุณสุธาเองก็ส่งไปแล้วนี่ค่ะ ก็ส่งไปแล้ว ก็มีของตัวเอง มีของภรรยา แล้วมีของบุตรอีก 2 คน

ปานเทพ- บังเอิญวันนี้ต้องเรียนตามตรงว่า เราได้เอกสารหลักฐานมาชิ้นหนึ่ง

สโรชา- คือ

ปานเทพ- คุณแอ้มกำลังมองบนโต๊ะผมว่าผมมีอะไรในมือใช่ไหมครับ

สโรชา- กำลังดูว่ามีอะไรอยู่หรอ

ปานเทพ- ซึ่งเราจะไม่เปิดเผยครับ เพราะว่าบางอย่างเราคิดว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล แต่ว่าต้องขอเรียนท่านผู้ชมว่า เป็นใบแจ้งเกิดของเด็กคนหนึ่ง ก็อย่าถามเลยว่าเรารู้มาได้อย่างไร เอาเป็นว่าเด็กคนนี้ ปรากฏว่า เด็กคนนี้ระบุว่า คุณพ่อชื่อ สุธา ชันแสง

สโรชา- แล้วเด็กคนนี้ก็ใช้นามสกุลชันแสงด้วยหรือเปล่า

ปานเทพ- ชันแสงเลยครับ เป็นบุตรคนที่เท่าไหร่เราก็ไม่รู้ แต่ว่าอยู่ในจังหวัดจังหวัดหนึ่ง เอ๊ะ! แล้วคุณสุธา ชันแสง จะมีลูกแล้วผิดตรงไหน

สโรชา- ทำไมคะ ในใบเกิดนี่ระบุว่า

ปานเทพ- นี่คือแบบฟอร์ม ซึ่งสามารถปริ๊นซ์ได้นะครับ โดยเว็บไซต์ ป.ป.ช. ส.ส. รัฐมนตรี ต้องมีแน่นอน เปิดเผยนะครับ เวลาเขาแจ้ง ส.ส. นี่ครับลายมือคุณสุธา ชันแสง เซ็นข้างล่าง สุธา ชันแสง

สโรชา- ด้านล่างใช่ไหมคะ

ปานเทพ- ลายมือของคนจบจากฟิลิปปินส์ สุธา ชันแสง เป็นผู้ยื่น เขาจะบอกว่า บุตรในสมรส 2 คน บุตรนอกสมรสที่รับรองแล้ว ไม่มีสักคน บุตรบุญธรรม ก็

สโรชา- ไม่มีเหมือนกัน

ปานเทพ- ไม่มี รวมแล้วต้อง 2 คน คุณสุธา ชันแสง ก็เขียนด้วยลายมือ น.ส.ญาณิศา ชันแสง อายุ 18 ปี ที่อยู่ 4/1 ม.6 แขวงบางไผ่ เขตบางแค อยู่กรุงเทพฯ แล้วก็ในขณะเดียวกันก็ปรากฏว่า ด.ช.ศุภกร ชันแสง อายุ 11 ปี เลขที่ 4/1 ม.6 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม. อยู่บ้านเดียวกัน คุณแอ้มครับ แต่ปรากฏว่า คราวนี้มีอีกคนหนึ่ง นี่อายุ 11 นะครับ ปรากฏว่ามีเด็กหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเราต้องแจ้งชื่อนะครับ เนื่องจากเป็นข้อกฎหมาย เพื่อเปรียบเทียบ ชื่อ ด.ญ.วิศรุดา ชันแสง เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2550 ขวบกว่าๆ คุณแอ้ม

สโรชา- ขวบกว่าๆ เองนะคะ

ปานเทพ- ขวบกว่าๆ เองนะครับ เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2550 แต่ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ อยู่บ้านเลขที่ 397 หมู่ 2 ต.วังไทร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 18 ลูกคนที่หนึ่ง ลูกคนที่สอง 11

สโรชา- เป็นไปได้ไหมว่าเป็นญาติ นามสกุลเดียวกัน อ.ปานเทพ

ปานเทพ- บังเอิญเป็นอย่างนี้ครับ ใบเกิดของเด็กหญิงคนนี้ที่บอก 1 ขวบกว่าๆ ตามใบเกิด ก็บอกชื่อคุณแม่ ซึ่งไม่ได้ใช้นามสกุลชันแสง แต่ระบุว่า สุธา ชันแสง

สโรชา- เป็นพ่อ

ปานเทพ - เป็นบิดา เราก็บอกว่า มันก็เป็นไปได้นะคุณแอ้ม มันจะเป็นไปได้ไหมที่จะมีคนชื่อซ้ำกับเราอยู่ต่างจังหวัดก็เลยไปตรวจดูบัตรประชาชนนะครับ ที่คุณสุธา ชันแสง ได้แจ้งไว้กับ ป.ป.ช.และก็ปรากฎไว้กับใบเกิดตรงกันนะครับ

สโรชา- อ๋อเป็นบัตรประชาชนเลขที่เดียวกัน

ปานเทพ- เลขที่เดียวกันครับ

สโรชา- ทั้งๆ ที่แจ้งไว้กับ ป.ป.ช.ในฐานะรัฐมนตรีว่าการฯ และพ่อของ ด.ญ.คนนี้

ปานเทพ- ที่นี้หนังสือเล่มนี้ออกมาอย่างไร ก็ออกหนังสือรับรองการเกิดโดยสถานีอนามัยวังไทร ทร.1/1 ตอน 1 ที่ 1/2550 ลงวันที่ 2 มกราคม 2550 มีที่ไปที่มาชัดเจน

สโรชา- คะ

ปานเทพ- ปัญหาก็คือว่า ถ้าบุตรคนนี้เกิดเมื่อปีที่แล้ว วันที่ 2 มกราคมนี้นะครับ ก็แสดงว่าปีนี้ 2551 คุณสุธา ชันแสง เพิ่งจะเป็นรัฐมนตรี ในตอนเดือนมกราคมก็ควรจะแจ้งเพราะว่า ในนี้มีให้กรอกนะครับ บุตรในสมรส 2 คน บุตรนอกสมรสที่รับรองแล้วไม่มี นี้บอกไม่มีนะครับ บุตรบุญธรรมไม่มี คือจะอ้างว่าเป็นบุตรบุญธรรมก็ต้องกรอกนะครับ จะบอกว่าเป็นบุตรนอกสมรสที่รับรองแล้ว ก็ต้องกรอกอยู่ดี

สโรชา- ตราบใดที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

ปานเทพ- ตราบใดที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วก็จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่คุณตราบใดที่คุณสุธา ชันแสง ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของ ป.ป.ช.อีกหรือไม่ซึ่งคุณสุธา ชันแสง ตอนนี้ไม่สบายอยู่อาจจะต้องตอบ และก็ผมไม่แน่ใจว่า

สโรชา-อาจจะไม่ตอบก็ได้นะคะ เพราะว่าเรื่องวุฒิการศึกษาก้ไม่เห็นจะมีคำตอบเลย

ปานเทพ-ที่อาจจะน่าห่วงคุณสุธา มากกว่าตำแหน่งรัฐมนตรีคือผมก้ไม่ทราบว่าตอนนี้ ทางครอบครัวคุณสุธา จะคิดอย่างไร กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สโรชา- อ๋อคือเรื่องงานก็ส่วนหนึ่งก็ปวดหัวอยู่พอสมควรแล้วแหละ แต่ว่าเรื่องส่วนตัวก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ปานเทพ-โดยเฉพาะบุตรที่ขวบกว่าๆ เกิดขึ้นที่อยู่ต่างจังหวัด ไม่ทราบว่าจะเกิดเป็นอย่างไรนะครับก็ต้องคุยกันเองในเรื่องของครอบครัว อันนี้เราเพียงแต่นำข้อเสนอในแง่ของ

สโรชา- กฏหมาย

ปานเทพ- ข้อมูลและข้อเท็จจริง ในคุณสมบัตินะครับ ทีนี้มีคนบอกว่าทำไมเราถึงเอามาเปิดเผยในเรื่องแบบนี้ คุณแอ้มครับต้องเรียนอย่างนี้นะครับว่า กฎหมายบังคับให้เปิดเผยดังนั้นแน่นอนครับว่า ถ้าเป็นลูกไม่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ว่าเป็นในสมรส หรือนอกสมรสต้องแจ้ง นี่เป็นเงื่อนไขตามกฎหมายนะครับ เพราะฉะนั้นคุณสุธา ชันแสง ก็จะไปปกปิด จะไปบอกคนนั้นคนนี้ก็ต้องมีความชัดเจน คนเราจะเป็นนักการเมืองนะครับคุณแอ้ม ภายใต้กฎหมายที่มี ป.ป.ช.แบบนี้ ไม่พร้อมไม่ควรเข้ามา คือไม่พร้อมอะไรบ้างคือ 1.ไม่พร้อมในยามที่ตนเองมีปัญหาเรื่องวุฒิการศึกษา และต้องไปเป็นบุคคลสาธารณะให้ถุกตรวจสอบไม่พร้อมเข้าไม่ได้นะครับ เป็นภัยแก่ตัวเองมาก หรือทำธุรกิจและต้องการทำมาหากินต่อไป

สโรชา- ก็ไม่ได้อีก

ปานเทพ- และก็ต้องการทำมาหากินต้องการทำธุรกิจมากๆ นะครับ และยังต้องเกี่ยวกับทางราชการ อยากทำก้เป็นไม่ได้ เช่นเดียวกันครับจะมีบุตรหรือมีภรรยา โดยเฉพาะบุตรนอกสมรสที่เกิดขึ้น และไม่อยากให้รู้ก็เช่นเดียวกันนะครับ ก็ต้องไม่พร้อมไม่เข้ามา ตราบใดที่เข้ามานะครับ เป็นสิทธิของประชาชน เป็นหน้าที่ของประชาชน และเป็นหน้าที่ของสื่อสารมวลชน ที่ต้องคอยตรวจสอบคณสมบัติของรัฐมนตรีทุกคนอยู่แล้วรนะครับ

สโรชา- มันก็ชัดเจนอยู่แล้วนะคะ ในข้อกฎหมายว่า ข้อห้ามหรือข้อพึงปฏิบัตินั้นมีอะไรบ้าง ถ้าไม่สามารถปฏิบัติได้ตามนั้น ก็อย่ามาเป็นรัฐมนตรี

ปานเทพ- และถ้ามีลูกขึ้นมาเฉยๆ นะครับ ก้แปลว่าแน่นอนครับต้องมีแม่ของลูกด้วย

สโรชา- ซึ่งตามเอกสารที่เราเห็นเป็นคนละชื่อกับภรรยา ที่ถูกต้องตามกฎหมายที่คุณสุธาแจ้งในบัญชีทรัพย์สินด้วยนะคะ

ปานเทพ- ก็เป็นประเด็นละกันที่ปรากฎในเว็บไซต์ของผู้จัดการ ซึ่งคุณสุธา ชันแสง น่าจะมาชี้แจงอีกรอบนะครับ

สโรชา- คะว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะมีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องอื่นๆ ในช่วงนี้แน่นอนว่า ในระหว่างที่เราพูดคุยกันนะคะ บรรดาแกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาล เขากำลังเอนจอย กำลังชื่นมื่น

ปานเทพ- สนุกสนาน

สโรชา- อยู่กับอาหารอิตาเลียนอร่อยๆ ที่คุณสมัคร สุนทรเวช บอกว่าอร่อยมากร้านนี้ ยังไงก็ต้องมาทาน และบรรยากาศของการถกกันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ถึงแม้ว่าหลายฝ่ายจะอ้างว่า มาคุยกันเป็นเรื่องธรรมดา ทำงานครบ 3 เดือน ก็มานั่งพูดคุยกัน หลายฝ่ายกำลังติดตามอยู่นะคะ ตกลงบรรยากาศ หรือผลการประชุมนั้นจะเป็นอย่างไร น่าจะไปในทิศทางที่ร่วมกันสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ค่ะอาจารย์ ทำให้มีสื่อหลายแขนง และกลุ่มต่างๆ ทั้งนักวิชาการที่ออกมาพูดถึงเรื่องการปฏิวัติ เพราะว่า แน่นอนว่าเมื่อถกกันเรื่องนี้เสร็จแล้ว ถ้าเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาด ก็คือ เห็นชอบ สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนำฉบับ 40 มาเป็นฉบับอ้างอิง แน่นอนว่าจะสร้างเงื่อนไขทางการเมือง ที่จะมีกลุ่มต่างๆ ออกมาต่อต้าน แล้วจะกลับไปสู่สภาวะก่อน 19 ก.ย.หรือไม่ นั่นคือสิ่งที่หลายคนกำลังคิดอยู่ในตอนนี้ และคำถามต่อมาก็คือ แล้วทหารว่าอย่างไร

ปานเทพ- เราคงต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็น คือ เดี๋ยวนี้เวลาฟังนักการเมืองแล้วไม่ค่อยเข้าใจเขา ในบางจังหวะเขาจะบอกว่าเขาจะคุยเรื่องรัฐธรรมนูญ พอไปถามอีกคนหนึ่งเขาจะบอกว่า เขาไม่ได้คุยกันเรื่องรัฐธรรมนูญ

สโรชา- เขาไปทานข้าวกันธรรมดาๆ

ปานเทพ- เขาไปทานข้าวกันเฉยๆ เหมือนกับเวลาบอกว่า เขาจะเลือกประธานสภา คนกลุ่มหนึ่งก็บอกว่า ต้องอยู่ที่กรรมการบริหารพรรค อีกกลุ่มหนึ่งจะบอกว่า ไม่ใช่เรื่องของกรรมการบริหารพรรค เป็นเรื่องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะเลือกใครต่อใคร วันดีคืนดีจะมีม็อบมาต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โชว์อวัยวะเพศ อย่างป่าเถื่อน อย่างถ่อยที่สุด ก็บอกว่า รัฐบาลไม่เกี่ยว เกี่ยวข้องกับ ส.ส.บางคน

สโรชา- หรือ ส.ส.บางคน ก็ไปต่อว่าที่ออกมาเคลื่อนไหว อย่าทำอย่างนั้นเลย

ปานเทพ- ดูแล้วมันเป็นวาระของรัฐบาลที่ดูทะลักทุเลมากคุณแอ้ม อยากจะพูดอย่างนี้จริงๆ ครับ เห็นบรรยากาศที่ไพซาโน่ ก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในพรรคไทยรักไทย ว่ามีกลุ่มรวมตัวกันกลุ่มหนึ่ง แล้วมีความคิดเหมือนจะแยกออกจากไทยรักไทยในเวลาต่อมา ก็ที่ร้านนี้แหละ ร้านอิตาเลียนนี่แหละ อยู่ ซ.ต้นสน

สโรชา- อาจารย์เคยไปทานไหม แอ้มเคยเมื่อนานมาแล้ว

ปานเทพ- ถามว่าเป็นบรรยากาศที่ดีไหม ก็ต้องดีอยู่แล้วไปทานอาหารราคาแพงๆ แล้วก็ทานกันอย่างอร่อย แต่ผมเชื่อว่าบรรยากาศเป็นบรรยากาศที่เราน่าจะพิจารณากัน 2-3 ประเด็น ประเด็นที่หนึ่ง วันนี้คุณแอ้มสังเกต พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ไหม

สโรชา- ทำไมคะ

ปานเทพ- พล.อ.เชษฐา ท่านให้สัมภาษณ์หลายต่อหลายประเด็นใช่ไหมครับ

สโรชา- คือพูดในทำนองที่ว่า พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาก็เห็นพ้องนั่นแหละ เห็นพ้องที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อถามถึงพรรคชาติไทย กับพรรคเพื่อแผ่นดิน ว่าจะมีความเห็นที่แตกแยกหรือไม่ พล.อ.เชษฐา พูดในทำนองว่า ถึงแม้ว่าจะมีความเห็นที่แตกต่าง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแตกแยกในลักษณะของพรรคร่วมรัฐบาล

ปานเทพ- มีนักข่าวถาม พล.อ.เชษฐา ว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญคิดอย่างไร บอกว่า จุดยืนของพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาเห็นด้วยที่จะแก้รัฐธรรมนูญในหลายเรื่องที่สอดคล้องกับสถานการณ์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เขาก็ถามว่า เอ๊ะเงื่อนไขที่พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคชาติไทย เขาก็บอกว่า ส่วนเงื่อนไข 5 ข้อ คุณแอ้มเราจำกันได้ไหมครับ ทบทวนกันหลายทีแล้ว ของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน คิดว่าสุดท้ายก็ต้องว่ากันแบบไทย

สโรชา- ว่ากันแบบไทยๆ นี่คืออย่างไร

ปานเทพ- จะค้านกันไปก็ไม่มีประโยชน์ คือมันตลก เวลานักการเมืองพูดบอกว่า เป็นสัญญาประชาคม มีมาตรการ 5 ข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ ต้องไม่ล้างแค้น ต้องไม่แทรกแซงองค์กรอิสระ จะไม่ทำนู้นทำนี่ สุดท้ายทำหมด

สโรชา- ทำหมดทุกข้อเลย

ปานเทพ- เขาก็บอกเอาแบบไทยๆ คือแบบไทย มีความคิดว่า ประชาชนเป็นสิ่งที่ นึกจะทำอะไรก็ทำไม่ต้องแยแสความรู้สึกประชาชน หรือว่าดูถูกประชาชนว่า จำความอะไรไม่ได้ สนใจกับสิ่งที่สัญญาต่อประชาชน

สโรชา- พล.อ.เชษฐา พูดคล้ายๆ กับว่า พูดกันแบบไทยๆ น่าจะอะลุ่มอะล่วยกันได้ ยอมกันได้ ถึงแม้จะมีความคิดที่แตกต่าง ในที่สุดก็ต้องยอมตามเสียงส่วนมากของพรรคร่วม

ปานเทพ- ตกลงมันเป็นปัญหาที่ไหน มันเป็นปัญหาที่รัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้แล้วนักการเมืองไม่อยากทำตาม หรือเป็นเพราะว่ารัฐธรรมนูญมันไม่ดีแล้วทำไม่ได้ แจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สินยากหรอคุณแอ้ม ผมไม่เห็นยากตรงไหนเลยถ้าแจ้งทุกอย่างให้ครบถ้วนบริบูรณ์ แจ้งวุฒิการศึกษายากไหม ไม่ยาก หุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ แจ้งต่อ ป.ป.ช.ภายใน 30 วันได้ไหม ทำได้ แจ้งบุตรนอกสมรสได้ไหม ทำได้ ก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่านึกว่าจะผิดอะไรก็แก้รัฐธรรมนูญเอาทิ้งทั้งหมดว่า ตัวเองไม่อยากทำอย่างนั้น อย่างนี้ ร้ายไปกว่านั้นคือ ตัวเองทำผิดอะไรอยากแก้สิ่งนั้น วันหลังคุณสุธา ชันแสง ก็เสนอได้ซิ

สโรชา- ทำไมคะ

ปานเทพ- ไม่ต้องเปิดเผยลูกนอกสมรส ไม่ต้องเปิดเผยทรัพย์สินหนี้สิน ไม่ต้องเปิดเผยวุฒิการศึกษา ใครๆ ก็ทำได้ซิครับถ้าเป็นอย่างนั้น คือรัฐธรรมนูญเขามาวางรากฐาน เขียนกันมา ไม่ได้บอกว่าดีที่สุดนะครับ แต่อย่างน้อยเขียนเอาไว้ให้ทุกคนได้เข้าใจกติกาตรงกันว่า จะใช้กติกานี้ ให้ใช้กัน ไม่ใช่บอกว่า พอผิดแล้วไม่ยอมรับ ใช้ไม่ได้ แต่ว่าวันนี้บรรยากาศ พรรคการเมืองเวลาเขาคุยกัน คุยเรื่องรัฐธรรมนูญ บางทีมันมีเรื่องที่เจ็บปวดกว่านะคุณแอ้ม

สโรชา- ทำไมคะ

ปานเทพ- เรื่องที่เรามีความรู้สึกว่า ประชาชนเดือดร้อน เดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ผมเริ่มต้นจากบรรยากาศของชาวนาไทย คุณแอ้มเห็นข่าวไหม

สโรชา- ที่บอกว่า พ่อค้าคนกลาง หรือโรงสีไปกดราคาชาวนา

ปานเทพ- ใช่ ข่าวนี้น่าสนใจมากคุณแอ้ม

สโรชา- ในระหว่างที่รัฐบาลพยายามบอกประชาชนว่า เรายอมเสียตังค์ค่าข้าว ซื้อข้าวในราคาที่แพงกว่า ที่โม้กันว่า ตันละ 12,000 บ้าง 14,000 บ้าง 15,000 บ้าง บอกว่าขายกันโครมคราม ส่งออกกันโครมคราม แต่ว่า ชาวนาเขากำลังร้องเรียนว่า โรงสีบอกว่า ราคาไม่ได้อย่างที่เป็นข่าวหรอกนะ 9,000 บ้าง 7,000 บ้าง ในบางกรณี ความชื้นมากเกินไป ไม่ได้หรอกราคาเต็ม ต้องได้ราคาแค่นี้ ถ้าไม่ตกลงก็ไม่ซื้อ นั่นคือสิ่งที่ชาวนาจำนวนหนึ่งประสบ

ปานเทพ- เราจำได้ใช่ไหมครับว่า คุณสมัครบอกว่า ข้าวราคาขึ้น เดี๋ยวนี้ราคาแพง ราคาน้ำมันแพง เราต้องให้ชาวนาร่ำรวยขึ้น เขาจะแย่กันอยู่แล้ว แล้วตอนที่ราคาขึ้นในภาวะที่ทั่วโลกเกิดปัญหาการผลิตของประเทศตัวเอง แล้วเกิดความหวั่นวิตกทางจิตวิทยาเกิดขึ้น ข้าวหลุดมือเกษตรกรไปตั้งแต่ปลายปีแล้ว ปลายปีที่แล้วไปอยู่ในมือโรงสีข้าว แล้วเวลาพูดบอกว่า เกษตรกรได้ ต้องช่วยเขา เกษตรกรไม่ได้ในจังหวะนั้น เกษตรกรต้องซื้อข้าวกินในราคาที่แพงขึ้น

สโรชา- รัฐมนตรีบางท่านออกโทรทัศน์ จำได้เลยว่าดูอยู่กับตา บอกว่ามีคน เจ้าของโรงสี มีพ่อค้าคนกลางไปนั่งรอถึงหน้าประตูบ้านเลยนะคะ เปิดประตูมาตอนเช้ามีพ่อค้านั่งรออยู่ มาง้อเช้าแล้วเช้าเล่าว่าจะขายราคาเท่าไหร่ ไม่เห็นเป็นไปอย่างที่รัฐมนตรีว่าเลย ชาวนาเขาออกมาพูดว่าเขาถูกกดราคาสารพัด

ปานเทพ- ใช่, กำลังจะบอกไงว่า ตอนที่บอกว่าข้าวราคาขึ้นใครได้ประโยชน์ ตอนนั้นเราตั้งคำถาม 1 ครั้ง ใครได้ประโยชน์ ชาวนา เกษตรกรที่เขายากจนจริงๆ ซึ่งเขาเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในการจับจ่ายใช้สอย บริโภค แน่นอนเรากำลังจะบอกว่า ข้าวราคาแพงแต่คนส่วนใหญ่ในประเทศมีฐานะที่ดีขึ้น เรากัดฟันทน เราทนในฐานะที่เรามีรายได้มากกว่าพวกเขา แต่คิดดูซิครับว่า โรงสีได้ทันที ข้าวราคาขึ้นพรวด ประเทศไทย ประเทศอื่นเลิกส่งออก ระงับและชะลอการส่งออก เพราะเกรงว่าผลผลิตในประเทศจะไม่เพียงพอ แล้วคนในประเทศจะเดือดร้อน เปล่าเลยประเทศไทย มุ่งส่งออก ส่งออกพร้อม คนไทยก็กินข้าวแพงขึ้น อย่างที่เราเคยวิจารณ์ว่า เรามีข้าวของเราเองแท้ๆ ยังต้องกินแพงเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ไม่มีข้าวจะกิน

สโรชา- เหมือนต้องซื้อราคาเดียวกับชาวต่างชาตินะคะ

ปานเทพ- ทำให้มีความรู้สึกไงบอกว่า อย่างนี้ที่บอกว่าเราปลูกข้าวที่พอเเพียงกับเราก่อนเหลือจึงหากำไร ไปหาผลประโยชน์กับต่างชาติในการส่งออก มาตราการและวิธีคิดนี้ยังคงดำรงอยู่รึเปล่า วันดีคืนดีนะครับเป็นอย่างไรครับฟิลิปปินส์ยังต้องเลิกการประมูลข้าวไทย เห็นลีลาท่าทางเยอะนะครับ ยกเลิกและก็เปลี่ยนวิธีใหม่ ก็ปรากฎว่าข้าวราคาลง ก็บอกว่าเป็นมาจากเราช่วยประชาชนคนไทยเอาข้าวถุงธงฟ้ามานะครับ ชาวบ้านหรือประชาชนจะได้ซื้อข้าวในราคาที่ถูกแทรกแซงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เปล่าเลยครับข้าวนาปรังออกมา ใครเดือดร้อน

สโรชา- ก็ชาวนาไง

ปานเทพ- คราวนี้ตอนขายครับ ตอนขายก็ราคาลง และพอขายเสร็จเดี๋ยวก็ต้องซื้อก็ต้องซื้อราคาแพง

สโรชา- และไหนจะวัตถุดิบอีกละคะ

ปานเทพ- ทีนี้อีกครับคุณแอ้มเวลารัฐบาลคิด ปีที่ผ่านมาคนปลูกข้าวลดลงนะครับ ปลูกอะไรก้ลดลงเพราะว่าไปปลูกพืชที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ปลูกอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นนะครับ พื้นที่ของประเทศไทย ข้าวลดลงหลายคนเราเข้าใจ หลายคนอยากปลูกพืชที่ราคาดีนะครับ แต่ถามว่ารัฐเคยไปมองยุทธศาสตร์ของชาติไหม ว่าข้าวพอถึงเวลาแพงส่งเสริมกันปลูกปุ๋ยราคาแพง ปุ๋ยไม่พอก็ประมูลกัน และก็ขายกันเข้าไป

สโรชา- งบประมาณไปนำเข้ามา

ปานเทพ- ก็รีบปลูกกันนะครับ เพราะเดี๋ยวจะได้ออกผลิตผล เพราะว่าออกมาข้าวราคาดี เป็นอย่างไรครับซื้อมาตอนราคาแพง วัตถุดิบนั้นเลยนะครับ แย่งกันปลูกทำกันใหญ่นะครับ สุดท้ายก็เดือดร้อน

สโรชา- ไม่พอต้นทุน

ปานเทพ- และราคาก็ลงขายเสร็จก็มีปัญหาอีก เป็นอย่างนี้ครับวัฏจักรชาวนาไทยก็เป็นชนชั้นที่ต้องมีหนี้สินอยู่ตลอดเวลา เพราะมาตราและวิธีคิดของรัฐ ไปทำให้เกิดประโยชน์แกคนเพียงบางกลุ่มในระหว่าการผลิตหรือการขายในช่วงยนั้นแหละ

สโรชา- ราคาตลาดโลก หรือว่าราคาที่มันขึ้นลงตามกลไกของตลาดนั้นก็ส่วนหนึ่งนะคะอาจารย์ และก็มีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ถึงระบบที่เป็นมาเป็นสิบๆ ปี ที่เอื้อต่อพ่อค้าคนกลาง ที่เอื้อต่อโรงสี ที่ไม่แก้ไขเสียอีก

ปานเทพ- มันเยอะปัญหาคุณแอ้ม ตั้งแต่วัตถุดิบ ตั้งแต่ปุ๋ยแหล่งน้ำมีเพียงพอหรือยัง หรือยังไม่มีก็บอกปลูกไปก็ไม่มีก็ตายอยู่ดี

สโรชา- ก็แย่งน้ำกันอยู่ดี

ปานเทพ- ก็แย่งน้ำกันอยู่ดีไปจนถึงวิธีคิดในการเพิ่มผลผลิต ต่อไร่เราคิดกันเป็นระบบหรือทุกทีแก้ปัญหาเผชิญหน้าเฉพาะหน้ากันทุกๆ ปี กี่สิบปีก็อย่างนี้ประเทศไทย

สโรชา- หรือแม้ปัญหาเรื่องน้ำตาลเถอะอาจารย์

ปานเทพ- เอาละ เรื่องน้ำตาลวันนี้ต้องขออนุญาตเลย เพราะว่าเห็นภาพปรากฎมีท่านนายกรัฐมนตรี กับหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน คุณสุวิทย์ คุณกิตติมาเจอกัน ต้องขออนุญาตทบทวนท่านผู้ชมนะครับว่า พรรคเพื่อแผ่นดินได้แสดงปฏิกิริยาเหมือนกับว่าจะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ ก่อนหน้าวันที่ 26 เมษายน 2551 วิธีคิดและการนำเสนอวิธีพูดของคุณสุวิทย์ คุณกิตติเป็นเช่นนั้นมาโดยตลอดนะครับ วันนี้ขึ้นมา 5 บาทคุณแอ้ม

สโรชา- 5.35

ปานเทพ- 5.25 นะครับ ต่อกิโลกรัม วันที่26 เมษายน คุณสมัคร สุนทรเวช ได้เจอ คุณสุวิทย์ คุณกิตติ ได้เดินทางไปที่โรงแรมสีมาธานี เพื่อประชุมสมาพันธ์ชาวไร่อ้อย 27 สถาบัน และ คุณสุวิทย์ คุณกิตติ ในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ตลอดจนมีชาวไร่อ้อยพันกว่าคนเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อหาทางแก้ปัญหาราคาอ้อยตกต่ำ และวิธีการแปรรูปอ้อยเป็นเอทานอล ก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ คุณแอ้มลองคิดดูว่า น้ำตาลไม่ขึ้นกันเพราะว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานในการใช้ผลิตมากมายไม่ใช่น้ำอัดลมที่คุณสมัครพูดนะครับ ไปดูซิครับอาหารการกินทุกชนิด แม้แต่น้ำปลายังผสมน้ำตาลเลย เอาจริงๆ นะครับ ทีนี้จะบอกให้ว่าน้ำตาลขึ้นนะครับ และข้าวขึ้นนะครับ ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยวขึ้นมาจานละ 5 บาท จาก 20 บาทเป็น 25 บาท และคุณแอ้มลองคิดดูว่ามันขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ แค่บอก 20 -25 นะครับและกินทุกวันนะครับ

สโรชา- ก็คุณสมัครบอกว่ากิโลกนึ่งขึ้นมา 5 บาท วันหนึ่งคนไทยทานกี่ช้อนเชียว จะแบ่งกันวันละไม่กี่สตางค์ 50 สตางค์บาทหนึ่งไม่ได้หรือ

ปานเทพ- คือคิดน้ำตาลคิดอย่างนั้นได้ แต่พอมาเป็นลูกโซ่มันลามไปอย่างอื่นอีกนะครับ

สโรชา- แม่ค้าขายข้าวแกง อาหารตามสั่ง คนทำขนมน้ำอัดลมนี่แน่นอน

ปานเทพ- แม้กระทั่งคนทำอาหารตามร้านค้าทั่วไปตามตรอกซอกซอยรถเข็นนี้ คุณแอ้มครับกระป๋องหรือว่าขวดแก้วโหล แก้วใส น้ำลำไยเราเคยเห็นไหม ขายตามทั่วไปนะครับ นั่นคือชาวบ้านธรรมดาที่ผสมกันเองนะครับ

สโรชา- หรือไม่ทานแล้วรู้สึกว่ารสชาติหวานน้อยลง รึเปล่า

ปานเทพ- หรือแม้แตจ่ก๋วยเตี๋ยวคุณแอ้มผสมน้ำตาลไหม

สโรชา- ก็ต้องมีใส่มาก ใส่น้อย

ปานเทพ- ยกเว้นคุณสมัครเป็นเบาหวานอาจจะไม่อยากทานเยอะ เอาละมันราคาขึ้นแพงมากนะ ไม่ใช่ขึ้นทีละขั้นบันได ขึ้นทีขึ้นพรวดเลย วันที่ 26 เมษายนประชุมกัน และก่อนการประชุม คุณสุวิทย์ คุณกิตติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้จุดกระแสข่าวทหารจะปฏิวัติ ตอนนั้นคุณสุวิทย์มีข่าวใช่ไหมว่าคุณจุดประเด็น จริงหรือไม่จริงอย่างไรไม่รู้ คุณสุวิทย์บอกว่าขอยืนยันว่า ที่ประชุมพรรคเพื่อแผ่นดินไม่เคยมีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง ปฏิเสธนะครับ เรื่องที่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นชนวนในการปฏิวัติไม่พูด แต่วันนี้จะขอพูดเรื่องเฉพาะเรื่องปากท้องเกษตรกรอย่างเดียวสัญญา

สโรชา- คุณสุวิทย์บอกว่าปัญหาเรื่องการปฏิวัติ ปัญหาเรื่องการเมืองอย่าไปพูดถึงเลย พูดถึงเรื่องใกล้ตัวประชาชนดีกว่า ปัญหาปากท้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องแก้ไข

ปานเทพ- คุณแอ้มพูดให้ครบปากท้องเกษตรกรอย่างเดียว เดี๋ยวคนเข้าใจผิดนะครับ ไม่ขอพูดเรื่องการเมืองเพราะเรื่องการเมืองพูดมามากแล้ว จะแก้ไขจะเป็นจะตายกันอยู่แล้ว

สโรชา- ไม่พูด ไม่พูด

ปานเทพ- ไม่พูดครับ ไม่พูดเสร็จจำไว้ก่อนนะครับ ตอนก่อนเข้าประชุมนะครับไม่พูดเรื่องการเมือง จะคุยเรื่องปากท้องประชาชน

สโรชา- ปากท้องเกษตรกร

ปานเทพ- ปากท้องเกษตรกรนะครับทีนี้ผู้สื่อข่าวถามว่า พรคคเพื่อแผ่นดินเคยหาเสียงว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่หรอ พอเป็นรัฐบาลหลายคนสงสัยว่า ทำไมจะไม่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว คุณสุวิทย์ตอบว่าให้ไปลองถามผู้สื่อข่าวที่ติดตามพรรคเพื่อแผ่นดินดูว่าผมเคยพูดเรื่องนี้รึเปล่า และก็คุณสุวิทย์ก็ชี้ไปที่ผู้สื่อข่าวที่ติดตามพรรคเพื่อแผ่นดินมา บอกไปถามดูว่าช่วงหาเสียงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ผู้สื่อข่าวคนนั้นก็บอกว่า เคยพูดแต่นโยบาย 9 ความสุขยังพูดแทนให้ด้วยนะครับ นักข่าวก็ยังจำได้ ว่าไม่เคยพูดเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แหมคุณสุวิทย์ดูเท่มากเลยนะครับ ไม่สนใตแก้ไขรัฐธรรมนูญสนใจแต่ปากท้องเกษตรกรทีนี้ คุณสมัครเลยเข้าไปคุย ประชุม

สโรชา- กับท่านรัฐมนตรีอุตสาหกรรมนะคะ

ปานเทพ- คุณสมัครบอกว่า คุณสุวิทย์รับปากว่าจะทำให้ราคาอ้อยไปอยู่ที่ 807 บาทต่อตัน ส่วนที่มาของทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เป็น 1,000 - 1,200 บาทต่อตัน คงหาให้ไม่ได้ จะพยายามช่วยให้ราคาพื้นฐานอ้อยอยู่ที่ราคา 800 บาทต่อตัน จากปัจจุบัน 600 บาทต่อตัน แล้วจะช่วยเพิ่มให้เป็น 900 บาทต่อตัน แต่ถ้าให้ถึง 1,200 บาทนั้น ไม่รับรอง รัฐบาลจะให้หน่วยงานราชการเข้าไปเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น ที่จริงทุกรัฐบาลเขาก็พูดอย่างนี้ แล้วยังไม่เห็นว่าจะเพิ่มได้จริงๆ ซักที ทีนี้คุณสมัครก็บอกเลย มีนักการเมือง เจ้าของน้ำอัดลม บอกว่าเดือดร้อนแน่ถ้าน้ำตาลแพง เพราะถ้าขึ้นราคากิโลละ 1 บาท ก็จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 500,000 บาท ถ้าเพิ่มกิโลกรัมละ 3 บาท ต้นทุนจะเพิ่มเป็น 1.5 ล้านบาท เห็นว่าคงไม่เป็นไรไม่มีใครตายถ้าเพิ่ม 5 บาท นอกจากเจ้าของโรงงานที่จะมาด่าผม คุณสมัครพูดอย่างนี้ พอพูดอย่างนี้ได้ใจ ได้ใจคุณสุวิทย์ด้วย คุณสุวิทย์บอกว่า พรรคเพื่อแผ่นดินจะอยู่ทำงานกับรัฐบาลชุดนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณสมัครจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนายกฯ อีกต่อไป โอ้ปรบมือกันใหญ่เลยครับดีใจ ก็คุยเรื่องปากท้องแล้วก็ต้องคุยเรื่องจะอยู่ในรัฐบาล ก็ปรากฏว่า หลังจากนั้นทุกคนก็เฝ้ารอว่าปฏิกิริยาของคุณสุวิทย์ไปโยงอะไรกับน้ำตาลที่มันหวาน แล้วทำให้ท่าทีของคุณสุวิทย์ในฐานะพรรคเพื่อแผ่นดินเปลี่ยนปฏิกิริยาต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปหรือเปล่า เดี๋ยวเราชมต่อ เมื่อกี้วันที่ 26 วันที่ 27 เมษายน คุณสมัคร สุนทรเวช ก็ออกรายการ สนทนาประสาสมัคร บอกว่า เวลานี้ปุ๋ยราคาแพงมา เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัว น้ำตาล โรงงานถูกบีบราคาอยู่ที่ 14 - 15 บาทมานานแล้ว กว่าจะขอขึ้นได้แต่ละบาททำเหมือนผู้บริโภคน้ำตาลจะต้องตายไปในทันที ความจริงแล้วคนที่เดือดร้อนมากไม่ใช่ประชาชน เพราะใช้น้ำตาลไม่มาก เอาละ ก็เลยบอกว่า เดี๋ยวจะต้องช่วยเขา แล้วบอกว่าประเทศไทยไม่งดส่งออกข้าวแน่นอน เพราะเสียเหลี่ยม เราต้องกินข้าวแพง กลัวเสียเหลี่ยม แล้วก็บอกว่า ไม่เห็นด้วยกับผู้บริโภคที่ไปซื้อข้าวกักตุน โอ้โหเดือนที่แล้วนะคุณแอ้ม ท่านผู้ชมที่อเมริกาจะไม่รู้ คนไทยซื้อข้าวเพิ่มเป็นถุงๆ เก็บสต็อก

สโรชา - เก็บสต็อก ที่ห้างสรรพสินค้าเขาจำกัดจำนวน ซื้อได้ครั้งละ 3 ถุงเท่านั้น ภรรยาก็เข้าแถว หันไปสามีเข้าแถวถืออีก 3 ถุง อันนี้เห็นมากับตาเลย เพราะเขารู้สึกว่ามันจะต้องแพงขึ้นอย่างแน่นอน

ปานเทพ- 28 เอาละผ่านมา 1 วันนะครับ 28 เมษายน เป็นวันจันทร์ มีข่าวลือว่ารัฐบาลจะขึ้นให้แน่ๆ 5 บาท บอกว่าคุณสมัคร คุณสุวิทย์เองบอกว่า เตรียมเสนอที่ประชุม เพิ่มขึ้นมาทันที 5 บาทต่อกิโล อย่างที่เราเจอกันอยู่ตอนนี้ บอกว่าจะต้องมี ช่วยเกษตรกรเป็นตันละ 807 บาท แล้วมี กนอ.มาประชุมก่อนหน้านี้ ตอนนั้นคุณสง่า ดามาพงษ์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า ดี ราคาน้ำตาลสูงขึ้นคนไทยจะได้ไม่กินหวาน

สโรชา- ราคาน้ำตาลสูงขึ้น จำนวนคนที่เป็นเบาหวานในประเทศไทยจะได้ลดน้อยลง

ปานเทพ- ลดลง คนไทยกิน 20 ช้อนชาต่อวัน ถ้าราคาแพงไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน ก็ไม่อยากให้คนกินหวาน ผ่านไปมีข่าวลือว่า ราคาจะขึ้น ทีนี้ปรากฏว่าวันที่ 28 เกิดปรากฏการณ์ที่น่านใจ เพราะว่ามีการขออนุมัติให้ปรับ การปรับราคาขึ้น กระทรวงอุตสาหกรรมได้สั่งการให้โรงงานน้ำตาล 47 แห่ง ระงับการจำหน่ายน้ำตาลโควต้า ก. คือขายในประเทศ โควต้า ข. เพื่อส่งออกโดยบริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย และโควต้า ค. ส่งออกโดยโรงงานน้ำตาล ระงับ

สโรชา- ทั้งหมดเลย

ปานเทพ- ระงับ 47 โรงงานน้ำตาล เป็นการชั่วคราว จนกว่าการขึ้นราคาน้ำตาลจะได้รับอนุมัติจากมติ ครม. สังเกตดูนะครับ คือเขาบอกว่า คนจะกักตุน เอาจากโรงงานไปกักตุน

สโรชา- แต่ให้โรงงานกักตุนซะเอง ก็กลัวว่าพ่อค้าคนกลางจะกักตุนนักโรงงานกักตุนไว้ซะเองหมดเลยจะได้ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องพ่อค้าคนกลาง

ปานเทพ- คุณแอ้มถูกต้องแล้วครับ กลัวชาวบ้านจะกักตุน กลัวพ่อค้าคนกลางจะไปกักตุน เพราะฉะนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมต้องสั่งระงับการจำหน่ายน้ำตาลจากโรงงานน้ำตาล 47 แห่งเอาไว้ก่อน

สโรชา- เดี๋ยวก่อนนะอาจารย์ แอ้มสงสัยนิดหนึ่ง อย่างนี้เท่ากับว่าถ้าแอ้มเป็นโรงงานน้ำตาล 1 ใน 47 แห่งที่ว่านี้ แอ้มกำไรทันทีเลยนี่คะ เพราะว่ารู้อยู่แล้ว รัฐมนตรีหรือว่ากระทรวงสั่งมาขนาดนี้ต้องมีอะไรบางอย่าง

ปานเทพ- รู้อยู่แล้ว

สโรชา- สต็อกมีอยู่กี่ตันอยู่ในสต็อก คูณ 5 5.35 บาทต่อตัน ต่อกิโลด้วยซิ

ปานเทพ- เดี๋ยวเราคำนวณให้ฟังว่าเป็นอย่างไร ทีนี้ปรากฏว่า เขาก็สั่งการอย่างนี้ ผมก็มาสืบว่าทำไมเขาต้องทำอย่างนั้น เขาบอกว่าเป็นการดำเนินงานเพื่อ ก็เลยไปถามคุณสุวิทย์ ในวันหลังต่อมาเรื่องการออกมาตรการนี้ บอกว่าห้ามจำหน่ายน้ำตาลกลัวคนไปเก็บสต็อก ก็เลยให้โรงงานห้ามขาย ไม่อย่างนั้นใครซื้อมาต้องขายอยู่แล้ว ก็บอกว่า ระงับก่อน 47 แห่ง คุณสุวิทย์ คุณกิตติ บอกว่าที่ทำไปอย่างนั้นเป็นการดำเนินการเพื่อตรวจสอบตัวเลขปริมาณน้ำตาลทรายที่มีอยู่ในโรงงานว่ามีเท่าไหร่ เพื่อดูภาพรวมและนำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาเพื่อช่วยเหลือชาวไร่อ้อย เป็นการเช็กสต็อกชั่วคราว หากดำเนินการเสร็จให้ซื้อขายเป็นไปตามปกติ พอวันอังคารมีการประชุมก็ขึ้นไป 5.25 บาท ก็แฮปปี้ซิครับ

สโรชา- ตกลงเท่าไหร่ตัวเลข

ปานเทพ- ยังไม่จบครับ ทีนี้เขาบอกว่า นักข่าวไปถามคุณสุวิทย์ว่า การระงับขายน้ำตาลสู่ประชาชนในช่วงนั้น บอกว่าไม่ถือเป็นการกักตุนเพราะไม่ได้ทำให้น้ำตาลหายไปจากประเทศไทย แต่เป็นการทำเพื่อชาวไร่และโรงงาน ส่วนการขึ้นราคาน้ำตาลเป็นเรื่องที่ กนอ.เสนอขึ้นมาให้นำเสนอเข้าที่ประชุม ก็เลยเป็นอย่างนี้ สรุปก็คือว่า เขาขึ้นราคาไปในวันอังคารในการประชุม ครม. หลังจากนั้นปรากฏว่า มีคนตั้งข้อสังเกตว่า คุณสุวิทย์เปลี่ยนท่าทีไปแล้วเกี่ยวข้องกับน้ำตาล ช่างบังเอิญกับเวลาจริงๆ จากวันที่ 26 เมษายน ที่บอกไม่สนใจ สนใจแต่ปากท้องเกษตรกร กลายมาเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ววันนี้ ทีนี้คุณสมัครเองก็ออกมาปฏิเสธในรายการสนทนาประสาสมัคร บอกว่า แช่งคอลัมนิสต์ บอกว่ามีข่าวว่ามีคนรับเงินไป 500 ล้าน ต้องขอแช่งเลยว่าตัวเองไม่เคยได้รับซักบาทเดียว แต่ผมจะบอกให้ฟังอย่างนี้ว่า คือเขาชอบอ้างกันว่า ประเทศเวียดนามกัมพูชา มีการขายน้ำตาล 35 บาทต่อกิโลกรัม แพง จริงๆ ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตน้ำตาลอันดับ 3 ของโลก ทั้งความสามารถการผลิต ประสิทธิภาพการผลิตเหนือกว่า ต้นทุนการผลิตถูกกว่า เทียบกันไม่ได้กับเวียดนาม กัมพูชา คนที่เทียบผมคิดว่ามีเจตนาต้องการประโยชน์ในการให้ขึ้นมากกว่า ทีนี้หลังจากขึ้นไป 5.25 บาท พรึ่บครับ รวยเละ

สโรชา- เดี๋ยวขออุบไว้นิดนึงได้ไหมคะ

ปานเทพ- เอาให้จบเลยครับเอาให้จบ เกือบจบแล้วครับ ไม่มากหรอกครับ น้ำตาลที่มาทั้งหมดก็เป็น

สโรชา- เท่าไหร่คะ

ปานเทพ- 3 ล้านกระสอบ คิดเป็นเงินที่เพิ่มขึ้น 6,500 ล้านบาท

สโรชา- ไม่มากเลยเนาะ ไม่มากเลยสำหรับการที่เก็บไว้ในช่วงระยะเวลาการตัดสินใจของรัฐบาล ขออนุมัติ ครม.

ปานเทพ- เงินจะเข้ากระเป๋าใครด้วยการตรวจสอบเท่าไหร่ แล้วไปเข้ากองทุนได้มากแค่ไหน ตรวจสอบสต็อกแม่นยำแค่ไหนว่ากันไป แต่น่าสนใจครับ คุณสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นคน จ.ขอนแก่น เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน บังเอิญมีคนไปดูที่ตลาดหุ้นแล้วตลาดหุ้น พบว่ามีบริษัทหนึ่งชื่อคล้ายๆ ขอนแก่น ชื่อ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด(มาหชน) โอ้ขอนแก่นเหมือนกันเลยครับคุณแอ้ม

สโรชา- บังเอิญ

ปานเทพ- ปรากฏว่านักวิเคราะห์หลายสำนักเขาเห็นปฏิกิริยาที่ราคาเพิ่มขึ้น เขาวิเคราะห์ นี่ผมอ่านจากคำวิเคราะห์นะครับ หลายสำนักไม่ว่าจะเป็นสำนักไหนก็ตาม เขามีความเห็นว่า มาตรการดังกล่าวจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทน้ำตาลขอนแก่น ส่งผลให้ราคาหุ้น KSL หรือน้ำตาลขอนแก่น ทะยานทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน ที่ 15.20 บาท ก่อนปรับอ่อนตัวลงมาปิดภาคครึ่งเช้าวันนั้น 14.80 บาท แล้วปรับตัวเพิ่มขึ้น 40 สตางค์ หรือประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์กว่าในวันเดียว น่าสนใจกว่านั้นก็คือว่า ถ้าผมเรียงลำดับเวลาให้ดูว่าหุ้นมันขึ้นเมื่อไหร่จะน่าจับตาขึ้นไปอีก ตลอดเวลาตั้งแต่วันที่ 21, 22, 23, 24, 25 เมษายน ก่อนเกิดเหตุที่คุณสุวิทย์กับคุณสมัครไปเจอกัน ราคาหุ้นของบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ติดลบทุกวัน เปลี่ยนแปลง ติดลบๆๆ ทุกวัน

สโรชา- ก่อนหน้านั้น

ปานเทพ- ในช่วงนี้ แล้วมูลค่าการซื้อขายต่อวัน ประมาณต่ำสุด 25 ล้านบาท สูงสุด 41 ล้านบาท พอวันที่ 28 เมษายน หุ้นขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ในวันเดียว 5.22 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าการซื้อขายเป็น 147 ล้านบาท วันที่ 29 เมษายน ขึ้นไปอีก 2.13 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าการซื้อขายไปอีก 238 ล้านบาท 30 เมษายน บวกไปอีก 3.47 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าการซื้อขาย 174 ล้านบาท นักวิเคราะห์บอกว่า KSL หรือน้ำตาลขอนแก่น เป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 8.3 เปอร์เซ็นต์ และมีปริมาณการขายน้ำตาลในประเทศ ปีละ 2.4 แสนตันในประเทศนะครับ ซึ่งคือโควต้าหนึ่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของปริมาณน้ำตาลที่ผลิตได้ทั้งหมด จึงทำให้กำไรสุทธิในรอบบัญชี 2550 - 2551 และรอบบัญชี 2551 - 2552 ข้างหน้านี้นะครับ ปรับดีขึ้นจากเดิมเป็น 1,000 กว่าล้าน เป็น 1,200 ล้าน และก็ทำให้เชื่อว่าราคาจะเพิ่มขึ้น และก็บอกว่าแนะนำให้ซื้อแทบทุกสำนักเลยนะครับ ก็อยากจะบอกว่าสถานการณ์อย่างนี้ มันทำให้หลายคนจับตาว่า คุณสุวิทย์ คุณกิตติ ดูจะเปลี่ยนไปช่างบังเอิญเวลากับช่วงที่มีการขึ้นราคาน้ำตาล ในราคาที่หลายคนเชื่อว่าเป็นราคาที่มหาโหดจริงๆ นะครับ บังเอิญในวันนี้นะครับมติชนนี้นะครับ เขียนสอดคล้องกันคิดให้ง่ายๆ บังเอิญบริษัทขอนแก่นผลิตส่งในประเทศเยอะด้วยนะครับ บอกว่าได้ประโยชน์โดยตรง บอกว่าเขียนโดยคุณสราวุธ สินเอี่ยม อยู่ในมติชน เช้าววันนี้รนะครับ หัวข้อเรื่องอ้อย น้ำตาล รัฐธรรมนูญ เขาบอกว่า การขึ้นราคาน้ำตาลครั้งนี้จะช่วยใช้หนี้เกษตรกรนั้นชอบธรรมมากน้อยแค่ไหน ยังเป็นเรื่องที่ต้องน่ากังขา อย่าลืมว่าผลผลิตอ้อยในปีที่ผ่านมา มีกว่า 72.3 ล้านตันอ้อย ผลิตน้ำตาลทรายได้ 77 ล้านกระสอบ ในขณะที่ใช้บริโภคในประเทศเพียงแค่ 19 ล้านกระสอบ ที่เหลือกว่า58 ล้านกระสอบส่งออก เท่ากับว่าคนไทยต้องซื้อน้ำตาลแพงกิน เพื่อช่วยรับภาระจากการส่งออกที่ราคาตลาดโลกตกต่ำอีกด้วย น่าคิดไหมครับ คือส่งออกมากกว่า เรากินในประเทศนะครับแต่ต้องแบกรับไปด้วย เขาบอกว่าการอ้างต้นทุนการผลิตก็พูดว่า เป็นการพูดมา 10 ปีแล้วปีผลผลิตอ้อยก็ยังเหมือนเดิม ผลผลิตอ้อยยังอยู่ที่ 9-10 ตัน ในขณะที่บราซิลและออสเตรเลียอยู่ที่ 13 - 15 ตันต่อไร่ เขาก็บอกว่า เขาตั้งข้อสังเกตว่าหากเป็นชาวไร่อ้อยได้ตัวจริง ก็พอฝืนพอทำใจได้คนยากจนนะครับ ได้รับผลประโยชน์ แต่ว่าหากผลประโยชน์ส่วนใหญ่มักจะตกไปกับชาวไร่บรรดาศักดิ์ หรือหัวหน้าโควต้าอ้อยที่มีรถหรูขับและเป็นหัวคะแนนสำคัญของนักการเมือง จึงยากจะยอมรับได้ ยิ่งการปรับราคาน้ำตาลครั้งนี้มีกลิ่นอายทางการเมืองเจือปนอยู่ไม่น้อย ตั้งแต่คุณสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกฯ และรัฐมนตรีอุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน มีท่าทีที่ไม่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยระบุว่า ต้องแก้ปัญหาเรื่องปากท้องชาวบ้านก่อน แต่หลังจากสุวิทย์ควรสมัครนายกฯ ไปพบชาวไร่อ้อยที่โคราช เมื่อวันที่ 26เมษายน ตบปากรับคำจะเพิ่มราคาอ้อยให้ เช้าวันที่ 27 ก็ส่งสัญญาณชัดมาจากคุณสมัครว่า จะปรับราคาน้ำตาล 28 ก็มีการเพิ่มขึ้นมาราคาอย่างที่เราทราบกันนะครับ และก็บอกว่าเท่ากับคุณสุวิทย์ยังไม่อยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าต้องแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้านก่อนนั้น ก็ได้รับการตอบสนองแล้ว จึงไม่น่ามีข้ออ้างที่จะขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เขาก้เลยบอกว่ามันเชื่อมโยงกันรึเปล่าและมีคนได้ประโยชน์ไหม

สโรชา- มันเป็นความบังเอิญอย่างร้ายกาจอีกแล้ว

ปานเทพ- ผมเสนอว่า จริงๆ แล้วน่าจะเช็กว่าสต็อกเหล่านี้ ครบถ้วนสมบูรณืหรือไม่ มีคนได้ประโยชน์หรือไม่ มีคนได้ประโยชน์จากหุ้นหรือไม่ โดยเแพาะข่าวที่ออกมาปรากฎเช่นนี้ วอลุ่มการซื้อขายอย่างชัดเจนขณะนี้ ก็ต้องบอกว่ามันน่าสงสัยจริงๆ ครับ

สโรชา- เดี๋ยวเราพักกันสักครู่นะคะ กลับมาเหลืออีกไม่กี่นาที มาคุยเรื่องประเด็นอื่นสักครู่เดียวค่ะ
กำลังโหลดความคิดเห็น