นายวัฒนา ทองศิริ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กล่าวว่า หลังจากสำรวจปริมาณน้ำในเขื่อนหลัก 2 เขื่อนพบว่า เขื่อนภูมิพลมีน้ำอยู่ประมาณ 7,100 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีน้ำอยู่ประมาณ 4,680 ล้านลูกบาศก์เมตร นับว่ามีปริมาณน้ำน้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาคเหนือมีน้ำน้อยกว่าปีที่แล้ว ประมาณร้อยละ 24 แต่คาดการณ์ปีนี้จะมีปริมาณน้ำเพียงพอใช้ เนื่องจากต้นฤดูมีแผนระบายน้ำ 2 เขื่อนใหญ่ประมาณ 7,000 ล้านลูกบากศ์เมตร รวมทั้งปีนี้ความต้องการใช้น้ำกลับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากราคาผลิตผลภาคการเกษตรปรับตัวสูง จึงมีการระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 9,520 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้สามารถปลูก และขายผลผลิตได้มากขึ้นและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งปลายเดือนมีนาคมมีการระบายน้ำไปแล้วประมาณ 7,572 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้ปีนี้มีการใช้น้ำเพิ่มสูงขึ้นกว่า 9,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กล่าวอีกว่า แม้ว่าจะมีการระบายน้ำให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในภาคเกษตรกรรมแล้วก็ตาม แต่นับว่ามีน้ำเหลือไม่มากนัก และหากปีนี้มีปริมาณฝนตกน้อยลงอาจกระทบต่อระบบการจัดสรรน้ำช่วงฤดูร้อนปีหน้าระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2551 - เมษายน 2552 ได้ จึงอยากให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด
ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กล่าวอีกว่า แม้ว่าจะมีการระบายน้ำให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในภาคเกษตรกรรมแล้วก็ตาม แต่นับว่ามีน้ำเหลือไม่มากนัก และหากปีนี้มีปริมาณฝนตกน้อยลงอาจกระทบต่อระบบการจัดสรรน้ำช่วงฤดูร้อนปีหน้าระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2551 - เมษายน 2552 ได้ จึงอยากให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด