นายไพศาล วิเชียรเกื้อ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า ได้รับรายงานการสอบปากคำเยาวชนแก๊งปาไข่ ซึ่งเข้าให้การกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติที่สถานแรกรับเด็กและเยาวชน บ้านเมตตา เมื่อเช้านี้ (22 เม.ย.) ว่า เยาวชนดังกล่าวให้การว่า มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุเกิดจากได้เห็นข่าวทางโทรทัศน์ ว่ามีการนำไข่ไปปารถ และมีเพื่อนมาชวน คิดว่าน่าสนุกก็เลยลองทำดู และไม่เคยทราบข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เยาวชนไม่ยอมให้การพาดพิงถึงเพื่อนที่ร่วมลงมือรายอื่นๆ
ทั้งนี้ เยาวชนดังกล่าว มีเชื้อชาติอินเดีย สัญชาติไทย เพราะเกิดในประเทศไทย พ่อและแม่ค้าขายผ้าดิบย่านสำเพ็ง ช่วงแรกที่ให้การก็ปกติดี แต่พอเห็นสื่อมวลชนมาติดตามข่าวมากก็เกิดอาการเครียด จึงต้องให้พักเพื่อให้รู้ข้อมูลจริงว่าสาเหตุจูงใจที่แท้จริงของการปาไข่เกิดจากอะไร สำหรับเด็กคนดังกล่าวเป็นคนกรุงเทพฯ เรียนโรงเรียนนานาชาติ มีพี่ชาย 1 คน เรียนที่ประเทศออสเตรเลีย จากการตรวจสอบพื้นฐานครอบครัวก็ไม่มีปัญหา พ่อแม่เอาใจใส่ดูแลลูกดี
นายไพศาล กล่าวด้วยว่า การก่อเหตุครั้งนี้ แม่ของเยาวชนคนดังกล่าวรู้สึกเสียใจ กลุ้ม และเครียดมาก เพราะคนอินเดียมีวัฒนธรรมคือ ผู้หญิงสู่ขอผู้ชาย จึงค่อนข้างละเอียดอ่อนในการดูแลประวัติของบุตรชาย พ่อของเยาวชนก็กังวล และได้กราบขอโทษผู้เสียหายทุกคนแทนลูก อย่างไรก็ตาม รถที่ใช้ในการก่อเหตุเป็นชื่อแม่ และพ่อของเยาวชนรายนี้ขับรถไม่เป็น โดยเยาวชนปาไข่ให้การว่า ได้หัดขับรถมาตั้งแต่อายุ 14 ปี ขณะนี้อายุ 15 ปีเศษ จึงทำไปด้วยความคึกคะนอง และในวันก่อเหตุพ่อแม่ไม่อยู่ จึงนำรถออกไปก่อเหตุกับเพื่อน
อธิบดีกรมพินิจฯ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะนัดเยาวชนมาพูดคุยกับนักจิตวิทยาอีกครั้ง เพื่อจำแนกหาสาเหตุการกระทำผิดที่ชัดเจน ส่วนกรณีการดำเนินการเอาผิดกับผู้ปกครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มาตรา 26 (3) จะต้องมีการพิสูจน์ว่า พ่อแม่ให้การสนับสนุน ส่งเสริม ชักจูง หรือยินยอมให้กระทำผิดด้วยหรือไม่ เช่นกรณีนี้ พ่อแม่รู้เห็นหรือไม่ในการนำรถไปใช้ และพ่อแม่ร่วมสนับสนุนไข่ผสมกาวให้เด็กนำไปใช้ก่อเหตุด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ เยาวชนดังกล่าว มีเชื้อชาติอินเดีย สัญชาติไทย เพราะเกิดในประเทศไทย พ่อและแม่ค้าขายผ้าดิบย่านสำเพ็ง ช่วงแรกที่ให้การก็ปกติดี แต่พอเห็นสื่อมวลชนมาติดตามข่าวมากก็เกิดอาการเครียด จึงต้องให้พักเพื่อให้รู้ข้อมูลจริงว่าสาเหตุจูงใจที่แท้จริงของการปาไข่เกิดจากอะไร สำหรับเด็กคนดังกล่าวเป็นคนกรุงเทพฯ เรียนโรงเรียนนานาชาติ มีพี่ชาย 1 คน เรียนที่ประเทศออสเตรเลีย จากการตรวจสอบพื้นฐานครอบครัวก็ไม่มีปัญหา พ่อแม่เอาใจใส่ดูแลลูกดี
นายไพศาล กล่าวด้วยว่า การก่อเหตุครั้งนี้ แม่ของเยาวชนคนดังกล่าวรู้สึกเสียใจ กลุ้ม และเครียดมาก เพราะคนอินเดียมีวัฒนธรรมคือ ผู้หญิงสู่ขอผู้ชาย จึงค่อนข้างละเอียดอ่อนในการดูแลประวัติของบุตรชาย พ่อของเยาวชนก็กังวล และได้กราบขอโทษผู้เสียหายทุกคนแทนลูก อย่างไรก็ตาม รถที่ใช้ในการก่อเหตุเป็นชื่อแม่ และพ่อของเยาวชนรายนี้ขับรถไม่เป็น โดยเยาวชนปาไข่ให้การว่า ได้หัดขับรถมาตั้งแต่อายุ 14 ปี ขณะนี้อายุ 15 ปีเศษ จึงทำไปด้วยความคึกคะนอง และในวันก่อเหตุพ่อแม่ไม่อยู่ จึงนำรถออกไปก่อเหตุกับเพื่อน
อธิบดีกรมพินิจฯ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะนัดเยาวชนมาพูดคุยกับนักจิตวิทยาอีกครั้ง เพื่อจำแนกหาสาเหตุการกระทำผิดที่ชัดเจน ส่วนกรณีการดำเนินการเอาผิดกับผู้ปกครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มาตรา 26 (3) จะต้องมีการพิสูจน์ว่า พ่อแม่ให้การสนับสนุน ส่งเสริม ชักจูง หรือยินยอมให้กระทำผิดด้วยหรือไม่ เช่นกรณีนี้ พ่อแม่รู้เห็นหรือไม่ในการนำรถไปใช้ และพ่อแม่ร่วมสนับสนุนไข่ผสมกาวให้เด็กนำไปใช้ก่อเหตุด้วยหรือไม่
